• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์

คำถาม
“คุณหมอคะ หนูควรใช้ยาสีฟันอะไรดีคะ?”
“ยาสีฟันที่โฆษณาในทีวี มีประโยชน์ในการป้องกันโรคฟันผุได้จริงหรือเปล่าคะ?”
“ลูกของผมชอบกลืน กินยาสีฟันเด็ก ที่มีรสชาติหอมหวานบ่อยๆ จะเป็นอันตรายไหมครับ?”

คำตอบ
“ยาสีฟันที่ระบุว่าผสมฟลูออไรด์จะสามารถช่วยป้องกันโรคฟันผุได้จริง ถ้าใช้เป็นประจำ”

หลายท่านคงยังต้องการทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาสีฟัน ว่าจะใช้ยี่ห้อไหนดี หรือที่ใช้อยู่มีผลดีพอหรือไม่ เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์

โดยปกติ การใช้ยาสีฟัน ก็เพื่อทำความสะอาดฟันเป็นเบื้องต้น ดังนั้น ส่วนประกอบหลักของยาสีฟันจึงประกอบไปด้วย “ผงขัด” ในสมัยโบราณ หรือยาสีฟันรุ่นเก่าจึงมักเป็นผงละเอียด ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังพบเห็นได้บ้างในยาสีฟันพื้นบ้าน

“ผงขัด” เหล่านี้มีความสำคัญ ซึ่งนอกจากจะทำความสะอาดฟันแล้ว ถ้าขนาดใหญ่หรือหยาบเกินไป ก็มีผลเสียต่อเคลือบฟันและเนื้อฟัน ทำให้สึกได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบแปรงฟันแรงๆ มีผลให้คอฟันสึกเป็นลิ่มได้ ในกรณีที่จำเป็นหรือขาดแคลน การใช้เกลือป่น ถ่านบดหรือทรายละเอียดมาทดแทนสารขัดฟันเป็นครั้งคราวเพื่อทำความสะอาดฟัน ก็โดยอาศัยหลักการเดียวกันนี้ แต่สารขัดฟันหรือ“ผงขัด” ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม และใช้นานๆจะมีผลเสียต่อฟันดังกล่าว

การพัฒนาต่อมา เพื่อเป็นการกระตุ้นให้แปรงฟันกันอย่างทั่วถึงและเป็นที่นิยมโดยทั่วไป การผสมรสกลิ่น ให้เป็นที่ถูกกับอัธยาศัยของผู้ใช้ เช่น กลิ่นหอม เย็นซ่า แม้กระทั่งในปัจจุบันมีรสผลไม้ต่างๆในยาสีฟันเด็ก เป็นต้น การปรุงแต่งกลิ่น รสนี้ควบคู่ไปกับการพัฒนารูปแบบของยาสีฟัน มาเป็นลักษณะครีมเหลว ซึ่งสะดวกในการใช้และพกพา นอกจากนี้การผสมในรูปของครีมเหลว โดยมีสัดส่วนที่พอเหมาะก็จะลดแรงขัดสีจาก“ผงขัด” ได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า ยาสีฟันในระยะแรกมีเป้าหมายอยู่ที่การทำความสะอาดและชวนใช้ ซึ่งถ้าจะเทียบไปแล้วก็คงจะคล้ายกับสบู่ที่เราใช้ในการทำความสะอาดร่างกายเวลาอาบน้ำนั่นเอง ยาสีฟันจึงถูกจัดประเภทเป็นเครื่องสำอาง เช่นเดียวกับสบู่ น้ำหอม ครีมล้างหน้า ฯลฯ

ในระยะต่อมา จากการศึกษาวิจัยทางทันตแพทยศาสตร์ พบว่าฟลูออไรด์สามารถใช้ป้องกันโรคฟันผุได้ และจะมีผลดียิ่งขึ้นถ้าใช้เป็นประจำ การผสมฟลูออไรด์ในยาสีฟันก็เพื่อให้ฟลูออไรด์สามารถทำปฏิกิริยากับฟันและอยู่ในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันที่ไม่ยุ่งยาก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเติมสารที่มีประโยชน์ต่อฟันและช่องปากในยาสีฟัน ดังจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน มีการเติมสารป้องกันการเสียวฟัน สารช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์ สารช่วยป้องกันการเกิดหินปูนใหม่ ฯลฯ แต่ที่เห็นผลชัดที่สุดก็คือยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันโรคฟันผุอย่างได้ผล

ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันจะต้องมีพอเหมาะที่สามารถคงเหลืออยู่ในปาก และทำปฏิกิริยาในการป้องกันฟันผุได้จริง ภายหลังการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์นี้เป็นประจำ ซึ่งในขณะนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่า ปริมาณฟลูออไรด์ที่พอเหมาะในยาสีฟัน คือ 1,000 ส่วนในล้านส่วน ได้ผลในการป้องกันโรคฟันผุและปลอดภัย เป็นที่น่ายินดีว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญต่อยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยกำหนดให้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่จำหน่ายในท้องตลาด จะมีปริมาณเกิน 1,000 ส่วนในล้านส่วน ไม่ได้ ประกอบกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กำหนดให้ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟัน อยู่ในช่วง 500-1,000 ส่วนในล้านส่วน นอกจากนี้ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ก็มีส่วนร่วมในการกำหนดยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยรับรองยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์ 900-1,100ส่วนในล้านส่วน ว่าจะมีผลในการป้องกันโรคฟันผุ เมื่อใช้เป็นประจำ

จะเห็นได้ว่า จากข้อกำหนดดังกล่าว ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่มีขายในบ้านเราถูกกำหนดให้มีปริมาณฟลูออไรด์ที่พอเหมาะปลอดภัยในการใช้ และจะได้ผลในการป้องกันโรคฟันผุ เพราะจะมีปริมาณฟลูออไรด์ที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาสีฟันที่รับรองโดยทันตแพทยสมาคมฯ มีปริมาณฟลูออไรด์ในช่วงแคบ ซึ่งเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฟันผุยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนในการเลือกใช้ยาสีฟัน และเป็นการยืนยันคำตอบของทันตแพทย์ที่ว่า ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่ขายในท้องตลาดสามารถป้องกันโรคฟันผุได้ ถ้าระบุไว้ชัดเจนว่าผสมฟลูออไรด์

ในขณะเดียวกัน ยังคงมียาสีฟันอีกหลายยี่ห้อที่ไม่ได้ผสมฟลูออไรด์จึงมีคุณสมบัติเพียงเพื่อทำความสะอาดแต่ประการเดียว และไม่สามารถป้องกันโรคฟันผุได้

เนื่องจากโรคฟันผุเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ป้องกันโรคฟันผุจึงสามารถใช้ได้ผลดีทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แม้ในผู้ที่ไม่มีโรคฟันผุเลย ก็ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ด้วย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟันในการป้องกันโรคต่อไปด้วย

สำหรับผู้ที่มีฟันผุในปาก แต่ยังไม่มีโอกาสไปรับการอุด รักษา นอกจากจะใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในการแปรงฟันตามปกติแล้ว ภายหลังการแปรงฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนก่อนนอน ถ้าจะได้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาดเพียงเล็กน้อย อุดในรูฟันผุหรือซอกฟันทุกๆวันเพื่อให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันทำปฏิกิริยาเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ก็อาจช่วยลดอัตราการลุกลามของโรคฟันผุให้ช้าลงได้

อย่างไรก็ดี ฟลูออไรด์ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไป ซึ่งถ้าใช้ขนาดพอเหมาะถูกต้องก็จะมีคุณอนันต์ แต่ถ้าใช้มากเกินไป ก็จะมีโทษเช่นกัน การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กซึ่งร่างกายกำลังสร้างฟันถาวรอยู่ ในช่วงอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาดน้อยๆเพียงเท่าเม็ดถั่วเขียว ก็เพียงพอในการแปรงฟันแต่ละครั้ง และควรแปรงฟันภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของพ่อแม่เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกลืน หรือกินยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยไม่จำเป็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันยาสีฟันเด็กได้มีการปรุงกลิ่น รส คล้ายขนม ผลไม้ต่างๆ เพื่อให้เด็กชอบแปรงฟัน แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าเด็กอาจเอาไปกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ จึงควรระมัดระวังการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กให้ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ไม่ได้ เพราะในเด็กมักเป็นโรคฟันผุสูงด้วย โดยเฉพาะในฟันน้ำนม

ดังนั้นการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กจึงเป็นสิ่งจำเป็น และขอได้โปรดเข้าใจให้ถูกต้องว่า ฟลูออไรด์ไม่ใช่สารวิเศษ ที่เมื่อใช้แล้วจะป้องกันโรคฟันผุได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารหวาน ควบคู่ไปกับการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ด้วย

 

ข้อมูลสื่อ

103-012
นิตยสารหมอชาวบ้าน 103
พฤศจิกายน 2530
ทพ.ประทีป พันธุมวนิช