• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กสองขวบถึงสามขวบ

เด็กสองขวบถึงสามขวบ

 

                      




ลักษณะของเด็ก

 

284. ลักษณะของเด็กอายุ 2-3 ขวบ
พัฒนาการทางร่างกายของเด็กวัยนี้ก้าวหน้าเร็วมาก วิ่งเร็วขึ้น และหกล้มน้อยลง เดินด้วยปลายเท้าได้ เด็กบางคนสามารถเดินบนไม้ท่อนเดียวที่วางพาดข้ามคูคลองได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และเล่นชิงช้าเองโดยไม่กลัว แต่เราต้องไม่ลืมว่าเด็กแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน
เด็กวัยนี้สนใจที่จะเล่นกับของเล่นใหญ่ๆ หรือใช้พลังงานในกาย คุณพ่อคุณแม่มักจะซื้อจักรยานสามล้อให้ขี่เล่น แต่การเล่นนอกบ้านควรมีเพื่อนเล่นด้วยจึงจะสนุก ถ้าเด็กยังไม่ไปสถานเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาล เด็กควรมีโอกาสได้เล่นนอกบ้านกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในสถานที่ปลอดภัย อย่างน้อยวันละครั้ง ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ร่างกายของเด็กจะแข็งแรง

เด็กวัย 2 ขวบบางคนไม่นอนกลางวันเลย โดยเฉพาะเด็กซนมักเล่นสนุกเพลินจนลืมนอน เด็กแบบนี้เราควรบังคับให้นอน หรือไม่ก็ต้องสังเกตเปรียบเทียบเอาว่า ถ้าแกไม่นอนจะเกิดปัญหาสัปหงกตอนเย็นจนกินข้าวไม่ทันหรือไม่ แต่หน้าร้อนควรให้เด็กนอนตอนกลางวันบ้าง มิฉะนั้นจะเหนื่อยเกินไป และตัวเด็กเองก็คงอยากนอนด้วย ตอนกลางคืน เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่จะนอนรวดเดียวตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่งจนถึง 7 โมงเช้า แต่เด็กบางคนก็ชอบอยู่ดึก นอน 4 ทุ่ม ตื่น 9 โมงเช้า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่เดือดร้อนเรื่องเวลานอนของเด็กก็ปล่อยเขาไปตามธรรมชาติ

การให้อาหารเด็ก อย่าคำนึงถึงแต่ด้านโภชนาการ ควรหัดให้เด็กพึ่งตนเองและยินดีตักกินเอง การจับเด็กนั่งโต๊ะและคุณแม่ป้อนใส่ปากให้ทุกคำ หรือพาเดินเที่ยวเล่นไปพลางป้อนข้าวไปพลางนั้นไม่ควรทำ ความสุขในการกินคือ ความอยากกินด้วยตนเอง (ไม่ใช่ถูกบังคับ) และความสุขในการร่วมวงกับครอบครัว ซึ่งเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักอยู่เสมอว่า เลี้ยงเด็กให้มีความสุขดีกว่าเลี้ยงเด็กให้อ้วน  เด็กที่เคยอ้วนตัวกลมสมัยเป็นเด็กอ่อน เมื่อเติบโตถึงวัยนี้ตัวจะยืดสูงขึ้น แต่น้ำหนักตัวกลับไม่ค่อยเพิ่มเด็กจึงดูผอมลง คุณแม่พยายามบังคับให้ลูกกินมากขึ้นด้วยความเป็นห่วง ถ้าคุณแม่นั่งป้อนมื้อหนึ่งเป็นชั่วโมงทุกวัน เด็กคงกินได้มากกว่าเวลากินด้วยตนเองแน่นอน น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่แคลอรีส่วนที่เกินนี้จะกลายเป็นไขมันอยู่ใต้ผิวหนังเท่านั้น

เด็กที่ไม่ค่อยกินข้าว เราให้กินนมช่วยได้ ถ้าคิดในทางกลับกันคือกลัวว่าเด็กกินนมแล้วจะไม่กินข้าว จึงงดนมทั้งหมด ให้กินแต่ข้าว กลับมีผลลบในทางโภชนาการ
เด็กอายุ 2-3 ขวบ ควรดื่มนมวันละ 2-3 ขวด และให้กินขนมปังบ้างพอควร แต่ถ้าเด็กไม่อยากกินขนมก็ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดให้กิน มีเด็กจำนวนมากที่ไม่ยอมกินผัก เมื่อพยายามหาทางต่างๆแล้วแต่เด็กยังไม่ยอมกิน ก็ต้องให้กินผลไม้แทนไปพลางก่อน
เด็กอายุ 2-3 ขวบนี้สามารถบอกอึบอกฉี่ได้แล้ว แต่ยังมีหลายครั้งที่เด็กเล่นเพลินจนบอกไม่ทัน จึงทำให้เลอะเทอะ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเด็กไม่รู้สึกตัว แต่เป็นเพราะเด็กยังถอดกางเกงเองไม่เก่งจึงไม่ทัน ดังนั้นแทนที่คุณแม่จะดุเด็กว่า “รีบบอกเร็วๆหน่อยซีจ๊ะ” ควรสอนวิธีถอดเสื้อผ้าให้ลูกดีกว่า เด็กวัยนี้ถ้าเราถอดกระดุมให้ก่อนอาบน้ำ เด็กจะถอดเสื้อผ้าเองได้ หรือแม้แต่กระดุม ถ้าเราค่อยๆสอนให้เด็กหัดถอดทีละเม็ด แกก็ทำได้ ใส่รองเท้าเองได้
ก่อนนอนกลางคืน หากคุณแม่พาไปฉี่ให้เรียบร้อยเสียก่อน มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่อยู่ได้ถึงเช้าโดยไม่ฉี่รดที่นอน นอกจากเวลาอากาศหนาวหรือดื่มนมก่อนนอน เด็กจะทนไม่ไหว เด็กผู้ชายฉี่รดที่นอนบ่อยกว่าเด็กผู้หญิง สำหรับวัย 2-3 ขวบนี้ มีประมาณ 1 ใน 3 ที่ยังฉี่รดที่นอน

เด็กวัย 2-3 ขวบเล่นกับเพื่อนมากขึ้น จึงติดโรคต่างๆมามากขึ้น เช่น หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส คางทูม ฯลฯ เมื่อเด็กมีไข้สูงกะทันหันและเกิดอาการชัก ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัสของไข้หวัด อาการอาเจียนเป็นระยะเนื่องจากเหนื่อยเกินไป (ดูหัวข้อ 281 ในหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 82) ก็เกิดบ่อยขึ้นในวัยนี้ เด็กที่เคยเป็นผื่นแพ้ง่ายในวัยทารกและมีเสียงครืดคราดอยู่ในอกเสมอ จะถูกหาว่าเป็น “โรคหืดในเด็ก” ได้ง่าย แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทำใจให้มั่นคงเอาไว้ และพยายามช่วยให้ลูกรอดพ้นจากคำกล่าวหานี้ โดยไม่ต้องพาไปฉีดยาเป็นประจำ นอกจากนั้น เด็กวัยนี้อาจถูกกล่าวหาว่ามีอาการทาง “ประสาท” หรือมี “พฤติกรรมผิดปกติ” ด้วย บางคนกัดเล็บหรือดูดนิ้ว บางคนชอบเล่นอวัยวะเพศ ติดอ่าง เอาหัวโขกพื้น ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้จะกล่าวถึงในภายหลัง คุณพ่อคุณแม่ควรมีความรู้เอาไว้สำหรับพิจารณาสังเกตลูกของตน

                                                                                                                                (อ่านต่อฉบับหน้า)


 

ข้อมูลสื่อ

85-018
นิตยสารหมอชาวบ้าน 85
พฤษภาคม 2529