• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เริม

“คอลัมน์นี้จะสอนให้รู้จักอาการและโรคต่างๆรวมทั้งวิธีการตรวจร่างกายด้วยตนเองซึ่งผู้อ่านนำไปปฏิบัติได้เลยหรือภายหลังจากที่ได้ฝึกจากผู้รู้สักครั้งสองครั้งเราจะนำมาเสนเป็นประจำทุกครั้ง”

‘เริม’

“หมอครับ-ทำไมผมจึงเป็นแผลที่อวัยวะสืบพันธุ์เรื่อยเลยครับ เรียกว่าเป็นทุก 2-3 เดียวเชียวแหละ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ค่อยได้เที่ยวผู้หญิง อยู่ดีๆ ก็ขึ้นมาเป็นตุ่มใสเล็กๆ 3-4 ตุ่ม แล้วก็แตกเป็นแผล เหมือนรอยถลอกเป็นอยู่ 7-8 วันก็ตก สะเก็ดแห้งไปเอง บางทีไม่ได้กินยาฉีดยาด้วยซ้ำไป หมอครับแบบนี้จะใช่เป็นกามโรคชนิดหนึ่ง หรือเปล่าครับ”

“คุณหมอคะ ตรงริมฝีปากดิฉันชอบมีตุ่มขึ้น แล้วแตกเป็นสะเก็ด เป็นๆ หายๆ อยู่เรื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นตอนมีประจำเดือน หรือไม่ก็เวลามีอารมณ์เครียดๆ ไม่ทราบว่าจะเป็นอันตรายหรือเปล่าคะ”

“คุณหมอครับ แฟนผมมีเม็ดพุพองขึ้นที่หลังคอ และมีต่อมน้ำเหลืองโตตั้งหลายเม็ดด้วย ผมให้ยาปฏิชีวนะกินมาตั้งร่วมอาทิตย์แล้ว ยังไม่ยอมหายสักที ไม่ทราบว่าจะเป็นมะเร็งของต่อมน้ำเหลืองหรือเปล่าครับ”

ครับ อาการขึ้นเป็นตุ่มใส แล้วตกเป็นสะเก็ดค่อยๆ แห้งไป แบบนี้ พบได้บ่อยมากทีเดียว โดยมากชอบขึ้นที่ริมฝีปาก แถบใบหน้า และอวัยวะสืบพันธุ์ ทั้งหญิงและชาย

นี่แหละที่แพทย์เราเรียกว่า “เริม” ละครับ

มักจะขึ้นเป็นตุ่มเล็กๆ ขนาด 2-3 มิลลิเมตร จำนวน 3-4 เม็ด อยู่กระจุกกันเป็นกลุ่ม (ถ้าขึ้นเรียงกันเป็นแนวยาว ก็ไม่ใช่เริม แต่เป็นงูสวัด ซึ่งก็รักษาเหมือนกัน) และต่อมน้ำเหลืองโดยรอบอาจโตและจับได้ ส่วนมากจะเป็น เวลาอารมณ์คร่งเครียด ท้องอืด เฟ้อ ท้องผูก หรือระหว่างมีประจำเดือน ถ้าขึ้นที่ริมปากอาจเป็นร่วมกับไข้หวัด ปอดบวม มาลาเรีย หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้

โรคนี้เป็นเองหายเองได้เพราะเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ฝรั่งเรียกว่า “เฮอร์ปิซิมเพลกซ์” (Herpes simplex) หรือเรียกแบบไทยๆ เราว่า “เชื้อเริม” ก็ได้ครับสามารถติดต่อกัน โดยการสัมผัสเช่นเดียวกับโรคผิวหนังอื่นๆ

‘เริม’ ถ้าเป็นแล้วจะเป็นซ้ำที่เดิมได้บ่อยๆ

ถ้าขึ้นที่อวัยวะสืบพันธุ์ นอกจากสร้างความรำคาญแล้ว ยังทำให้เกิดความกังวลและความอายว่า “จะเป็นกามโรคหรือเปล่านี้” ที่แปลกก็คือ หมอที่รักษากามโรคเล่าให้ฟังว่า ‘ปัจจุบันพบคนที่เป็นเริมขึ้นที่อวัยวะสืบพันธุ์มากขึ้นกว่าสมัยก่อน’ คนไข้เหล่านี้ ต้องเสียเงินเสียทอง เปลี่ยนหมอเปลี่ยนยารักษาอยู่เรื่อยๆ เพราะมันเป็นแล้วไม่หายสักที

ทางวงการแพทย์เราลองใช้หลายๆ วิธีทั้งยาทายากิน รวมทั้งการฉีดวัคซีน บี.ซี.จี. (ที่ป้องกันวัณโรค) และการปลูกฝี เพื่อเพิ่มความต้านทานโรคแก่ร่างกาย ก็ไม่ค่อยได้ผล อาการอาจหายชั่วคราว แต่ก็กลับกำเริบได้อีก จนหมอรู้สึกจนใจอยู่เหมือนกัน

ความจริงแล้วโรคนี้ ไม่ค่อยมีอันตรายเท่าไหร่ นอกจากสร้างความรำคาญและกังวลใจแก่ผู้เป็น แต่ก็อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน ถ้าหากมันเกิดขึ้นที่กระจกตาดำ อาจทำให้ตาดำอักเสบ เป็นแผลเป็นหรือตาเสียได้ และข้อสำคัญ ถ้าเกิดเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงท้องแก่ ก็อาจทำให้เด็กได้รับเชื้อระหว่างคลอดออกมา เป็นอันตรายถึงตายได้

เมื่อเป็นเริมจะรักษาอย่างไร

โรคนี้จะเป็นเองหายเองเป็นส่วนใหญ่ ให้การรักษาไปตามอาการก็เพียงพอ เช่น ถ้าเจ็บหรือเป็นไข้ ก็กินยา แอสไพริน หรือ พาราเซตามอล และทาด้วยคาลาไมน์โลชั่น (ยาแก้ผดผื่นคันเป็นแป้งน้ำสีชมพู)

เมื่อ ตุ่มแตกเป็นแผล ก็ชะล้างด้วยน้ำด่างทับทิม หรือ ยาใส่แผลสด ถ้าแผลเป็นหนอง ก็ให้กินยาปฏิชีวนะ ผู้ใหญ่ให้กินเตตร้าซัยคลีน ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง เด็กให้กินเพนวี (ชนิด2แสนยูนิต) ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง แล้วใจเย็นๆ รอสัก 10-14 วันก็จะค่อยๆ แห้งหายไปเองครับ

 

คำอธิบายภาพ

รูปที่ 1 ตุ่มเริมที่ริมฝีปาก

รูปที่ 2 ตุ่มเริมขึ้นที่ต้นขา

รูปที่ 3 ตุ่มเริมขึ้นที่ใต้ตา

รูปที่ 4 เริมขึ้นเป็นตุ่มใสอยู่กันเป็นกลุ่ม

รูปที่ 5 ตุ่มเริมที่หนังหุ้มอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชาย

ข้อมูลสื่อ

10-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน 10
กุมภาพันธ์ 2523
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ