• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

นมแม่ทุนสมองของลูกรัก

นมแม่ทุนสมองของลูกรัก


น้ำนมแม่ น้ำนมแห่งขุมทรัพย์ธรรมชาติ ที่เป็นแหล่งรวมทั้งอาหารสมอง อาหารกายและอาหารใจ

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นรากฐานที่สำคัญที่จะส่งเสริมพัฒนาการในการเรียนรู้ของเด็กในทุกๆ ด้าน ทั้งทางด้านสติปัญญาความเฉลียวฉลาด  ความรัก ความผูกพันระหว่างแม่และลูก และยังช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง น้ำนมแม่ไม่เพียงแต่มีสารอาหารมากกว่า ๒๐๐ ชนิดเท่านั้นที่ช่วยสร้างเซลล์สมอง เส้นใยประสาทสมองและจอประสาทตา เช่น ดีเอชเอ (DHA), สาร เอ เอ (AA) นิวคลีโอไทด์ ซีรีโบร์ไซด์ ทอรีน ฟอสโฟไลปิด โคเลสเตอรอล เป็นต้น ยังมีสารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองอีกมากมาย เช่น สารกระตุ้นการเจริญเติบโตเนื้อสมอง (nerve growth factor) ฮอร์โมน สารคัดหลั่งอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถหาได้จากนมผสมชนิดใด

ความมหัศจรรย์แห่งน้ำนมแม่

นมแม่...ทุนสมอง
ระดับเชาวน์ปัญญา (IQ) ที่ดีย่อมหมายถึงต้นทุนทางสมองที่ดี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแรง สำหรับก้าวไปสู่กระบวนการเรียนรู้เมื่อเด็กโตขึ้น โดยปกติแล้วระดับเชาวน์ปัญญา (IQ) ของมนุษย์จะอยู่ที่ ๙๐ - ๑๑๐ สำหรับเด็กที่กินแต่นมแม่อย่างต่อเนื่องนานถึง ๙ เดือนจะมีระดับเชาวน์ปัญญาเฉลี่ยอยู่ที่ ๑๐๔ ดีกว่ากลุ่มที่เคยกินนมแม่น้อยกว่า ๑ เดือน ซึ่งมีระดับเชาวน์ปัญญาอยู่ที่ ๙๙.๔ ซึ่งถ้าปล่อยให้ตัวเลขลดลงไปเรื่อยๆ ศักยภาพของเด็กก็จะด้อยไปด้วย ผลอาจไม่เห็นในรุ่นลูก แต่จะนำไปสู่รุ่นหลานต่อไปได้

นมแม่...ทุนสุขภาพใจ
เด็กที่ได้รับน้ำนมแม่อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนาน นอกจากช่วยให้ลูกมีระดับเชาวน์ปัญญา (IQ) ที่ดีแล้ว การเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด การได้รับสัมผัสอันอบอุ่น จากอ้อมกอดแม่ ยังช่วยเสริมให้ระดับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของลูกสูงขึ้นอีกด้วย เพราะในขณะที่แม่ให้นมจะมีการหลั่งของฮอร์โมนโพรแล็กทิน ซึ่งเป็นสารต้านความเครียด ทำให้คุณแม่และลูกมีความสุข อารมณ์ดี และยังช่วยกระตุ้นการเชื่อมโยงของสมองในขณะที่อุ้มลูก โอบกอด สัมผัส ได้กลิ่น ได้ยินเสียงลูก ลูกก็เกิดการรับรู้และตอบสนอง ซึ่งการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ที่ดี จะทำให้เด็กใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

นมแม่...ทุนสุขภาพกาย
เด็กแรกเกิดจะได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านทางสายสะดือ และเมื่อคลอดแล้วนมแม่ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ลูกจะได้รับภูมิคุ้มกันซึ่งจะส่งผลให้เด็กไม่ค่อยเจ็บป่วย เพราะในน้ำนมแม่มีเซลล์ที่คอยดักจับเชื้อโรค มีสารย่อยสลายเชื้อโรค และสารต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ ซึ่งเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาภูมิแพ้โดยเฉพาะในระยะ ๖ เดือนแรก เพราะเยื่อบุลำไส้ไม่แข็งแรง น้ำย่อยอาหารไม่เพียงพอ สารช่วยย่อยภูมิคุ้มกันยังมีไม่เต็มที่  ดังนั้นเมื่อเด็กได้รับนมผสมหรืออาหารอื่น เช่น ข้าว กล้วย จึงเป็นทางนำโปรตีนแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายจึงอาจแพ้ได้ แต่น้ำนมแม่มีโปรตีนของคนจึงไม่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้

ถุงเก็บน้ำนมแม่
น้ำนมแม่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ในถุงเก็บน้ำนมเพื่อเก็บไว้ให้ลูกกินในขณะคุณแม่ไม่อยู่ แต่ต้องระวังเชื้อโรคจากมือที่อาจลงไปปนเปื้อนภายในถุง

ระยะเวลาการเก็บน้ำนมไว้ในตู้เย็น

- ถ้าเก็บในช่องธรรมดา บริเวณใต้ช่องแช่แข็ง  จะเก็บได้ประมาณ ๒-๓ วัน

- ถ้าเก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็นแบบประตูเดียว จะเก็บได้ประมาณ ๒ สัปดาห์

- ถ้าเก็บในช่องแช่แข็งตู้เย็นแบบประตูแยก จะเก็บได้นานถึง ๓ เดือน

ในกรณีที่ไม่มีตู้เย็น สามารถนำไปแช่ในกระติกน้ำแข็งแทนได้ หรือถ้าจะเก็บนมแม่ในอุณหภูมิห้องจะเก็บได้นานประมาณ ๔-๖ ชั่วโมง หากนานกว่านี้ภูมิคุ้มกันก็จะลดลง

เมื่อจะนำน้ำนมที่เก็บไว้มาให้ลูกกิน

- น้ำนมแม่ที่เก็บเอาไว้ในช่องธรรมดา อาจจะนำมาวางไว้ข้างนอกให้หายเย็นก่อนหรือจะเอาไปแช่ในน้ำอุ่นก็ได้

- น้ำนมแม่ที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง ให้ย้ายมาเก็บไว้ในช่องธรรมดาก่อน ๑ คืนเพื่อให้ละลายพอใกล้จะใช้จึงค่อยนำออกมาวางไว้นอกตู้เย็นให้หายเย็น

- ห้ามแช่ในน้ำร้อน หรือนำไปเข้าไมโครเวฟ เพราะจะทำให้ภูมิต้านทานในน้ำนมแม่สูญเสียไป น้ำนมแม่ที่ละลายหลังจากแช่แข็งแล้ว ไม่ควรนำไปแช่ซ้ำอีก ควรทิ้งไปเลย

นมแม่...มีปัญหาปรึกษาที่ไหน
คลินิกนมแม่ ตามโรงพยาบาลต่างๆ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ชั้น ๑๑ อาคารสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  โทรศัพท์ ๐-๒ ๓๕๔-๘๓๓๓-๔๓ ต่อ ๕๒๒๐ หรือ www.thaibreastfeeding.com

ข้อมูลสื่อ

318-003
นิตยสารหมอชาวบ้าน 318
ตุลาคม 2548
รายงานพิเศษ
อภิญญา เอียดจุ้ย