• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กระดูกอ่อนฉลามรักษามะเร็ง?

ยาเม็ดแคปซูลกระดูกอ่อนฉลาม (shark cartilage) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่มีการกล่าวขาน (ลือ)กันว่า สามารถรักษามะเร็งได้ เริ่มแรกมีการจำหน่ายในตลาดอเมริกา ในปัจจุบันก็มีการนำมาเผยแพร่ ในบ้านเรา ซึ่งจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างแพง และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่นิยมซื้อยานี้มากิน

ผู้เผยแพร่สรรพคุณของยาชนิดนี้ กล่าวอ้างว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ในกระดูกอ่อนฉลามมีสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างหลอดเลือด ใหม่ของก้อนมะเร็ง นั่นก็คือเท่ากับตัดเส้นทางลำเลียงอาหารและอากาศที่ไปบำรุงเลี้ยงเซลล์มะเร็ง จึงทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อตายในที่สุด

นอกจากนี้ผู้เผยแพร่ยังอ้างว่า ฉลามเป็นสัตว์ที่ไม่เป็นมะเร็ง(เพราะมีสารดังกล่าวอยู่ในตัวเอง) กอปรกับยานี้มีการใช้ในหมู่ชาวอเมริกัน(ซึ่งเป็นหมู่ชนที่พัฒนาแล้ว)
ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงเชื่อว่า กระดูกอ่อนฉลาม รักษามะเร็งได้จริง

คำถามน่าคิด ก็คือ ถ้าได้ผลจริง ทำไมแพทย์ จึงไม่ส่งเสริมให้นำมาใช้รักษามะเร็ง?
คำตอบก็คือ แพทย์เรามักจะต้องอาศัยหลักฐานการ ทดลองวิจัยในคนไข้ จนเห็นว่าได้ผลจริงและปลอดภัยจริงแล้วเท่านั้น จึงจะยอมรับ ดังกรณีของเอนโดสแตติน และแองจิโอสแตติน ที่ถึงแม้จะทดลองในหนูตะเภาว่าได้ผลในการรักษามะเร็ง แต่ก็ยังต้องรอพิสูจน์ในคนต่อไป เพราะมียาจำนวนมากที่ทดลองในหนูได้ผล แต่ทดลอง ในคนกลับไม่ได้ผลหรือไม่ก็มีผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาแทน (ดูใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับมิถุนายน ๒๕๔๑ หน้า ๒๐-๒๑)

ดังนั้นการอนุมานแต่เพียงว่า ในกระดูกอ่อนฉลามมีสารโปรตีน ที่มีฤทธิ์ที่สามารถยังยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งได้ ก็น่าจะนำมาใช้รักษามะเร็งในคนได้ ย่อมไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป
หรือคิดว่า ขนาดชาวอเมริกันที่เป็นอารยชนยังนิยมใช้ยานี้กัน ยานี้ต้องมีผลดีแน่หรือคิดตื้นๆว่า ยานี้มีราคาแพง ก็คงจะต้องเป็นยาดี
 
ความคิดเหล่านี้ย่อมขัดกับหลักกาลามสูตรของพระพุทธองค์ที่สอน มิใช่สักแต่เชื่ออะไรๆ ด้วยเหตุที่น่าเชื่อ
ข่าวสารสุขภาพในเว็บไซต์(อินเตอร์เนต)ของเมโยคลินิก ซึ่งเป็นสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้เคยสรุปความเห็นของผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “อย่ามัวเสียเงินซื้อแคปซูลกระดูกอ่อนฉลาม มากินรักษามะเร็งกันเลย เพราะยังไม่มีหลักฐานการ วิจัยในคนไข้เลยสักชิ้น”

นอกจากนี้ ยังมีข้อเท็จจริงที่ควรพิจารณา เช่น
- ปลาฉลามก็ป่วยเป็น มะเร็งได้เช่นกัน(ตรงข้ามกับการกล่าวอ้างหรือข่าวที่ลือกัน)
- สารโปรตีนดังกล่าว เมื่อกินตกลงไปในกระเพาะลำไส้ ก็จะถูกน้ำย่อยย่อย จนเหลือน้อยมากที่จะถูก ดูดซึมเข้าร่างกาย(ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นที่แคปซูลกระดูกอ่อนฉลาม จะมีสารโปรตีนดังกล่าวอยู่ปริมาณ มากน้อยเพียงใดอีกด้วย)
 
ข่าวล่าจากเว็บไซต์ของเมโยคลินิกเดียวกันนี้ ได้มีข่าวสารเพิ่มเติมว่า วารสารทางการแพทย์ (Journal of Clinical Oncology) ฉบับเดือนพฤศจิกายนนี้ มีการตีพิมพ์ผลการวิจัยการใช้แคปซูลกระดูกอ่อนฉลามในคนไข้มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก และสมอง จำนวน ๖๐ ราย ว่าไม่ได้ผลในการยับยั้งมะเร็งแต่อย่างใด

นี่คงเป็นคำตอบว่า ทำไมกระดูกอ่อนฉลามที่ลือกันว่าใช้รักษามะเร็งได้ แพทย์จึงยังไม่สนใจที่จะนำมาใช้และก็คงจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้บริโภคว่า ในการรับฟังข่าวสารอะไร คงต้องยึดหลักกาลามสูตรและอย่าพึงเชื่ออะไรง่ายๆ

ข้อมูลสื่อ

236-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 236
ธันวาคม 2541
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ