• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ติดหนังสือการ์ตูน

ติดหนังสือการ์ตูน
 

ดิฉันมีหลานชายอายุ ๑๓ ปี เขาเป็นเด็กที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น อ่านตั้งแต่สมัยอยู่อนุบาล เขาจะอ่านหนังสือได้เร็วเพราะเห็นแต่ภาพก็ทำให้อยากอ่าน เขาจึงเป็นเด็กที่อ่านหนังสือได้เร็ว ที่บ้านจึงไม่ได้ห้าม เพราะคิดว่าการ์ตูนก็มีประโยชน์ ทำให้เขาชอบอ่านหนังสือและอ่านหนังสือได้เร็วมาก

เวลาที่ผ่านมาที่บ้านคงปล่อยให้เขาอยู่กับการ์ตูนมากไป เขาจึงติดการ์ตูนมาก มีเงินเท่าไรซื้อหนังสือการ์ตูนหมด ปัจจุบันดิฉันคิดว่าเขาน่าจะโตพอที่จะอ่านหนังสืออย่างอื่นได้แล้วนอกจากการ์ตูน ดิฉันจึงซื้อหนังสือประเภทเรื่องสั้นที่คิดว่าสนุกให้เขาอ่าน เขาก็ไม่ชอบอ่าน จะอ่านไปได้หน่อยเดียว พอถามว่าสนุกไหม เขาก็บอกว่าสนุกแต่อ่านไม่จบ ไม่ว่าจะซื้อหนังสือที่สนุกขนาดไหนไปให้เขา เขาก็อ่านได้นิดเดียว

ดิฉันอยากเรียนถามคุณหมอว่าจะทำอย่างไรให้เขาหันเหจากการ์ตูนไปอ่านหนังสืออย่างอื่นบ้าง และหนังสือประเภทไหนที่เหมาะสมกับวัยของเขา
 

คุณประเทืองคงกำลังเป็นห่วงหลานชายที่อายุ ๑๓ ปี เด็กอายุ ๑๓ ปี ทั้งชายและหญิงล้วนเป็นวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยรุ่นระดับตอนแรกต่อกับวัยรุ่นระยะตอนกลาง เด็กในวัยนี้เริ่มมีการพัฒนาของบุคลิกภาพสมบูรณ์แบบแล้ว เพียงแต่ว่ากำลังหาแบบอย่างที่ชัดเจนสำหรับตัวเองที่จะเลียนแบบต่อไปในอนาคต เด็กจะมีความคิดจินตนาการร่วมกับความคิดที่เป็นจริงในชีวิต บางครั้งเขาจะดูเหมือนเป็นเด็กช่างฝัน บางครั้งคิดอย่างเด็กพูดอย่างเด็ก แต่บางครั้งก็พูดจนผู้ใหญ่ตกใจ เด็กที่เริ่มเติบโตสู่ในวัยนี้บุคคลต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็จะถูกเขาศึกษาค้นคว้า เพื่อเลือกส่วนที่ชอบมาเลียนแบบนอกเหนือจากบุคคลในชีวิตจริงคือ พ่อแม่ เพื่อนฝูง รุ่นพี่ ครูบาอาจารย์ และญาติพี่น้อง แล้วสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หนังสือการ์ตูน โทรทัศน์ ข่าว ล้วนแต่ผ่านเข้ามาในความคิดเพื่อให้เขาสามารถแยกแยะว่าผิดหรือถูก ชั่วหรือดี และอยากเลียนแบบหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้จะมีอิทธิพลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองจะปล่อยให้เด็กดูแลจับตาและเลือกสรรเอาเองหรือผู้ใหญ่จะเข้ามาร่วมสอดแทรกความคิดเห็นต่างๆ โดยไม่ให้เด็กรู้ตัวทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ทำตัวเป็นที่ปรึกษาเมื่อเด็กสอบถามหรือทำตัวเป็นผู้รับฟังด้วยความสนใจพร้อมทั้งเสนอแนะโดยไม่ให้เด็กรู้ตัว เพื่อชักจูงแนะนำให้เด็กคล้อยตามในทิศทางที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องการ

เป็นของยากมากที่เราผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคุณประเทืองซึ่งคงเป็นคุณน้าหรือคุณอา รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณครูที่จะพูดได้ เด็กวัยรุ่นขนาดนี้คล้อยตามได้ง่าย นอกจากเขาเกิดความรู้สึกที่ดีกับเรามาก่อนตั้งแต่ในวัยเด็กเล็ก และตามมาจนถึงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งเป็นวัยที่เด็กอาจจะเริ่มมีความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้ใหญ่ แต่ถ้าผู้ใหญ่เข้าใจและใช้ความละมุนละม่อมก็จะสามารถชักนำให้เด็กโอนเอียงตามเราโดยไม่รู้ตัวได้

นอกจากนี้เด็กยังสนใจเพื่อนต่างเพศ เด็กผู้หญิงที่หน้าตาสวยหรือเด็กที่พ่อแม่ให้ความสนใจกับการแต่งตัวตั้งแต่เด็กก็จะพิถีพิถันในการแต่งตัวมากขึ้น ไว้ผมยาวสวยใช้เวลาหน้ากระจกมากขึ้น เลือกเสื้อผ้านานขึ้น ตลอดจนอาจจะมีการโทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนฝูงต่างเพศหรือมีการแลกเปลี่ยนข้อความทางเพจเจอร์กันมากขึ้นกว่าเดิม เด็กผู้ชายก็เหมือนกัน ความรู้สึกสนใจในตัวเพศตรงข้ามทำให้เขาหันกลับมาดูแลตัวเองให้เป็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า เรื่องกิริยาท่าทาง หรือแม้แต่เรื่องการเรียนเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนดี และเป็นที่น่าสนใจของเพื่อนร่วมชั้นทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน

น่าดีใจแทนคุณประเทืองที่เล่าว่าหลานชายอ่านหนังสือได้เร็วและคุณประเทืองก็เห็นว่าหนังสือการ์ตูนนั้นมีประโยชน์ แสดงว่าหลานของคุณประเทืองนั้นฉลาด สามารถเรียนรู้ภาพและคำบรรยายภาพในการ์ตูนจนเกิดความเพลิดเพลิน คล้อยตามไปและสนุกสนาน ซึ่งเป็นไปตามวัยปกติของเขาเหล่านั้นนั่นเอง สังคมไทยไม่ชอบเด็กซุกซน ไม่ชอบเด็กแสดงออกมากเกินไป เพราะบางครั้งพ่อแม่จะเห็นว่า เด็กซุกซนนั้นเลี้ยงยาก อาจจะมีอันตรายกับตนเองหรือคนอื่น เด็กที่ช่างพูดหรือเด็กที่โต้ตอบพ่อแม่มากเกินไปก็จะดูเป็นเด็กแก่แดดเด็กกระด้าง เมื่อลูกหลานเพลิดเพลินอยู่กับกองหนังสือเงียบ ๆ ในบ้านโดยไม่รบกวนใคร พ่อแม่ก็ดูจะสบายใจที่สุด ดังนั้นหนังสือการ์ตูนจึงเป็นของสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ไม่รังเกียจเมื่อลูกซื้อ โดยเฉพาะการ์ตูนซึ่งพ่อแม่เห็นว่าไม่ใช่การ์ตูนซึ่งมีอันตรายอะไร การ์ตูนส่วนใหญ่จะมีจุดขายที่ทำให้เด็กชวนติดตามโดยเกี่ยวข้องกับวัยของเด็กนั่นเอง

เด็กเล็กๆ หน้าใสข้างบ้านป้าหมอคนหนึ่ง คุณแม่นินทาให้ป้าหมอฟังว่า เป็นเด็กกระเหม็ดกระแหม่ ขี้เหนียว เวลาจะซื้ออะไรพยายามให้คุณแม่ออกเงินเสมอแม้แต่หนังสือเรียนที่ตัวเองชอบ ถ้าคุณแม่ไม่ซื้อเด็กก็จะไม่จ่ายเงินคุณแม่เลยต้องตัดใจซื้อให้ทุกครั้ง แต่เด็กคนนี้จะเดินหน้าใสพร้อมกับอมยิ้มที่มุมปากผ่านหน้าบ้านป้าหมอทุกต้นเดือน ในมือถือการ์ตูนเล่มหนาอย่างทนุถนอม เมื่อผ่านป้าหมอก็จะสวัสดีอย่างสวยพร้อมกับบอกป้าหมอว่า หนูได้การ์ตูนมาแล้วค่ะคุณป้า เราไม่เคยคุยเรื่องอะไรกันมากเท่ากับเรื่องการ์ตูน สาวน้อยหน้าใสจะรีบขออนุญาตป้าหมอกลับไปอ่านการ์ตูนให้จบก่อนแล้วย้อนกลับมาเล่าให้ป้าหมอฟังว่า ตอนนี้เธอกำลังติดตามการ์ตูนเรื่องเมื่อคุณหญิงจอมแก่นจะแต่งงาน เป็นการ์ตูนที่เธอประทับใจมาก เพราะนางเอกของเรื่องเป็นผู้หญิงซึ่งซุกซนเหมือนทอมบอย เธอยิ้มอายๆ พร้อมกับบอกว่า “หนูคิดว่าเหมือนหนูจัง” แล้วคุณหญิงจอมแก่นคนนี้แหละ ก็ซุกซนไปตามบทบาทที่ผู้เขียนกำหนดให้ บางครั้งก็ปลอมตัวเป็นชายไปผจญภัยที่โน่นที่นี่ตามที่ต่างๆ โดยไม่ยอมแต่งงานสักที สาวน้อยหน้าใสคนนี้หมดเงินไปกับค่าการ์ตูนเพื่อรอวันที่คุณแม่จอมแก่นจะแต่งงานเป็นเวลาหลายสิบเดือน 

ตอนหลังเธอก็เดินผ่านหน้าบ้านแล้วพบกับป้าหมอพร้อมกับหยุดคุยกับป้าหมอโดยไม่มีการ์ตูนถือมาในมือ เธอเล่าให้ป้าหมอฟังว่า ๑๕ เล่มแล้วค่ะคุณป้า คุณหญิงยังไม่แต่งงานสักที หนูคิดว่าถ้าเมื่อไรคุณหญิงแต่งงานการ์ตูนก็คงต้องจบ คิดไปคิดมาหนูคงคอยให้คุณหญิงแต่งงานไม่ไหวแล้ว เพราะหนูหมดเงินหมดทองไปเยอะ เล่มหนึ่งตั้ง ๕๐ บาท ตอนนี้หนูก็เลยเลิกซื้อแล้ว เพื่อนๆ ในห้องก็บอกว่าสงสัยเราจะถูกคุณหญิงจอมแก่นหลอก และเธอก็เลิกซื้อหนังสือการ์ตูน หันไปทำกิจกรรมอื่นแทน

หลานของคุณประเทืองก็เหมือนกัน เขาคงติดการ์ตูนเพราะการ์ตูนมีประโยชน์และมีจุดขายบางอยางที่เด็กพอใจ อาจจะเป็นเรื่องการผจญภัยของวีรบุรุษในฝันของเขา หรือเรื่องจินตนาการที่ชวนให้ตื่นเต้นและติดตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเอาหนังสือเล่มอะไรไปให้เขาอ่านก็อาจจะเอาชนะใจเขายังไม่ได้ เพราะคุณประเทืองเองก็เป็นผู้หญิงคงบอกไม่ได้ว่าเด็กผู้ชายจะชอบหนังสืออะไร หรือฮิตหนังสืออะไร รวมทั้งระบบในบ้านคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องคนอื่นได้ลุกขึ้นผลักดันให้หลานของคุณประเทืองต้องลุกขึ้นจากกองหนังสือหรือเปล่าหรือถ้าทางบ้านไม่เดือดร้อนกับพฤติกรรมเหล่านี้ ป้าหมอเกรงว่าคุณประเทืองอาจจะเหนื่อยเปล่า แต่ถ้าทางบ้านมองเห็นว่าเราปล่อยให้เขาอยู่กับการ์ตูนมากเกินไปแล้วก็น่าจะลุกขึ้นหากิจกรรมอื่นแย่งความสนใจของเด็ก เพราะเด็กในวัยนี้ทั้งเด็กชายและเด็กหญิงต่างสามารถมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ได้มากมาย บางกิจกรรมไม่ต้องเสียเงินมีแต่ได้กับได้ แต่บางกิจกรรมก็ต้องเสียเงินบ้าง กิจกรรมที่เด็กวัยรุ่นน่าจะทำได้ดีสำหรับอายุขนาดนี้ คือ การเล่นกีฬา กีฬาจะทำให้เขาเติบโต สุขภาพแข็งแรงและทำให้เขารู้จักการผ่อนสั้นผ่อนยาวรวมทั้งยังทำให้เขามีโอกาสรู้จักกับเพื่อนจำนวนมากๆ

ถ้าคุณประเทืองคิดว่าหลานสนใจกีฬาอะไร ก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ของหลานแล้วชักชวนหลานให้ลองเล่นกีฬาเหล่านั้นดู อย่ากังวลว่าเขาจะบาดเจ็บจากกีฬา อย่ากังวลว่ากีฬาจะแย่งเวลาเรียนหนังสือหรือเรียนพิเศษของเขา แล้วเด็กก็จะลุกจากกองการ์ตูนได้โดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าอยากจะจัดกิจกรรมให้เด็กให้ห่างไกลการ์ตูนได้มากขึ้น ก็อาจจะหากิจกรรมพวกท่องเที่ยว ทัศนศึกษาตามค่ายต่าง ๆ ซึ่งจัดขึ้นเสมอในภาคฤดูร้อนหรือในเทศกาลต่างๆ

เมื่อปีก่อนตอนที่สุริยุปราคา ป้าหมอจำได้ว่ามีค่ายกิจกรรมหลายแห่งจัดกิจกรรมพาเด็กๆ ไปดูสุริยุปราคา ทั้งเสียเงินและไม่เสียเงิน เด็กชายแก่นแก้วข้างบ้านป้าหมอผู้หนึ่งซึ่งซนทั้งวัน พอเลิกซนก็จะนั่งอยู่หน้าเกมคอมพิวเตอร์ แล้วก็กดๆ เล่นๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมง แต่เนื่องจากเด็กเรียนหนังสือได้อยู่ในเกณฑ์ดีและรับผิดชอบตัวเองได้เลยทำให้พ่อแม่ไม่กล้าเข้ายุ่งกับเด็กมากเพราะเวลายุ่งด้วยเด็กก็จะเถียงฉอดๆ ว่าเขาดูแลตัวเองได้ขอให้พ่อแม่ให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง เมื่อคุณพ่อคุณแม่มาปรึกษากับป้าหมอ ป้าหมอก็แนะนำว่าน่าจะหาทางออกที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ก็เลยโทรศัพท์ไปติดต่อสอบถามรายละเอียดพร้อมทั้งถามเด็กว่า เขายินดีจะไปร่วมกิจกรรมค่ายสุริยุปราคาที่ต่างจังหวัดไหม ตอนถามเด็กกำลังนั่งกดเกมอยู่ พอแม่ถามว่าจะไปหรือเปล่า เด็กก็รับปากส่งๆ ไปว่า ไปก็ได้ พอถึงกำหนดที่จะไปเด็กก็อิดๆ ออดๆ ไม่อยากจะไป แต่คราวนี้พ่อแม่ใจแข็ง ให้เด็กจัดข้าวจัดของแล้วไปส่งขึ้นรถทัวร์ พอเด็กขึ้นรถคุณพ่อคุณแม่ก็รีบขับรถออก ทั้งๆ ที่ใจตุ๊มๆ ต๊อมๆ ว่าไม่รู้กลับมาคราวนี้ลูกจะกลับมาอาละวาดที่บ้านหรือเปล่า เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจทุกอย่าง จนขณะนี้เป็นเด็กที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน

เด็กไปค่าย ๗ วัน เมื่อกลับมาถึง มีสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงขึ้นเยอะ นอกจากเด็กเรียนไม่เล่นเกมคอมพิวเตอร์แล้วหันมาฟังข่าว ดูโทรทัศน์ และมีโทรศัพท์กับเพื่อนข้างนอก ซึ่งเด็กเล่าให้ฟังว่า เราพบกันที่ค่ายมีรุ่นพี่บางคนเพจมาหา มีน้องหลายคนเพจมาคุย หลังกลับจากค่ายเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกคนเดียวแล้วแต่ได้พี่ชาวค่าย น้องชาวค่าย และเพื่อนชาวค่ายจำนวนมาก เด็กเล่าให้ฟังว่า ขณะที่อยู่ค่าย คุณครูหรือพี่เลี้ยงไม่เคยปล่อยให้เด็กอยู่ว่างเมื่อไปถึงค่ายแล้วมีปฐมนิเทศนิดหน่อย ก็ถึงเวลาเย็น อาบน้ำอาบท่าเสร็จพี่เลี้ยงก็แจกเครื่องนอนคนละชุด พร้อมทั้งชี้ไปที่เต็นท์กลางสนามหญ้าแล้วบอกว่าคืนนี้เราจะนอนกันที่นั่น แต่ตั้งแต่ ๖ โมงเย็นขึ้นไปจะมีอาจารย์มาสอนเรื่องดวงดวงบนท้องฟ้า แล้วคืนนี้เราก็เริ่มดูดวงดาวกันก่อน เพื่อนเตรียมตัวที่จะดูสุริยุปราคาในวันที่ ๗ คือวันที่เดินทางกลับ คุณครูที่มาสอนเป็นวิทยากรจากท้องฟ้าจำลอง เป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ซึ่งมีความเมตตาและมีการสอนที่สนุกสนาน แล้วคืนนั้นเด็กทั้งหลายที่ไปร่วมกิจกรรมในค่ายต่างก็จากเครื่องนอนของตัวเองมาที่สนามหญ้าแล้วหันหัวไปทางขวาบ้างทางซ้ายบ้าง ทำมุมต่างๆ กันพร้อมกับเริ่มหมุนแผนที่ดูดวงดาวในมือไปมาแล้วเริ่มดูว่าที่องศาเท่าไร เวลาเท่าไร ดวงดาวดวงไหนขึ้น ดูกันอย่างสนุกสนาน เด็กจำนวนไม่ใช่น้อย ๖๐-๗๐ คน แต่ดูดาวเป็นหมดทุกคน และสนุกสนานมาก คุณครูให้ดูถึง ๔ ทุ่ม แต่ถ้าใครง่วงจะไปนอนก่อนก็อนุญาตให้ไปนอนได้ เด็กคนนี้สนุกมาก บอกว่าไม่เคยเห็นดาวสวยอย่างนี้ที่ต่างจังหวัด รู้จักดาวทุกดวงและได้เห็นของจริงแทนที่จะเรียนจากหนังสือหรืออ่านจากการ์ตูนหรือดูจากโทรทัศน์ เด็กตื่นเต้นที่จะถึงเวลากลางคืนและดูดาวติดต่อกันถึง ๕-๖ คืน ในช่วงเช้าเด็กต้องตื่นแต่เช้าอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็ว แล้วพี่เลี้ยงก็แจกจักรยานเสือหมอบให้คนละคัน ทุกคนต้องขี่จักยานเสือหมอบขึ้นบนทางลาดชันตรงเนินไปมาหลายกิโลเมตร เด็กบอกว่าขี่จักรยานจนหมดแรง พอตอนสายก็กินอาหารตามที่พักที่พี่เลี้ยงจัดให้ แล้วขี่จักรยานกลับมายังที่พักในช่วงบ่ายเพื่อเตรียมเรียนเกี่ยวกับอุปกรณ์ในการดูสุริยุปราคารวมทั้งได้รับความรู้จากวิทยากรเรื่องดวงดาว จันทรุปราคา สุริยุปราคา และนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับดวงดาวต่างๆ ในท้องฟ้า

เด็กบอกว่าสนุกมาก เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วลืมเกมและคิดว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่สนุกกว่าการเล่นเกม เช่น การมาค่าย อาหารที่ค่ายก็อร่อยกว่าอาหารที่บ้านทั้งๆ ที่เป็นอาหารธรรมดา แต่คงเป็นเพราะหิวจัด ผิดกับอาหารราคาแพงที่บ้านซึ่งคุณแม่คุณพ่อจัดหามาให้แล้วเอาอกเอาใจให้นั่งกิน แต่เด็กก็ยังตัวผอมกินไม่ลง ที่นั่นทุกคนกินอาหารอย่างรวดเร็ว ดื่มนมจำนวนมาก และแข่งกันทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน ในวันสุดท้ายก่อนกลับ คือ วันที่เกิดสุริยุปราคา คุณครูและพี่เลี้ยงให้เด็กเก็บของใช้แต่เช้า แล้วทุกคนก็หาทำเลนั่งเกาะกลุ่มที่ตัวเองชอบโดยมีวิทยากรและพี่เลี้ยงนั่งอยู่ใกล้ ๆ เพื่อตอบปัญหาต่าง ๆ ที่เด็กอาจจะซักถาม ตอนที่เกิดสุริยุปราคาเด็กเล่าว่า คิดว่าตัวเองมีความสุขที่สุดในชีวิตที่ได้นำกล้องที่ตัวเองประดิษฐ์เพื่อดูสุริยุปราคาและได้เห็นสุริยุปราคาตั้งแต่ตอนเริ่มเกิด ตอนเกิดเต็มดวง และตอนที่เริ่มผ่านพ้นจากโลกออกมาทีละเล็กละน้อย พบปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ ที่ชวนตื่นเต้น เช่น ที่ค่ายพักติดกับไร่ทานตะวัน เด็กบอกว่าแทบไม่น่าเชื่อเมื่อเกิดสุริยุปราคา บรรดาดอกทานตะวันทั้งหลายหันกลับทันทีเหมือนกับเป็นช่วงเย็น และพอเมื่อสุริยุปราคาหายไปดอกทานตะวันทั้งหลายก็หันตามดวงอาทิตย์ไปอีกช่างน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าหนังญี่ปุ่นหรือฝรั่งเสียอีก รวมทั้งบรรดาสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนก หรือมดดำตัวเล็ก ๆที่หากินกับพื้น พอเกิดสุริยุปราคา นกก็บินกลับรังกันให้จอแจเต็มท้องฟ้าไปหมด บรรดามดที่กำลังเดินหาของก็วิ่งกลับเข้ารูกันเป็นแถว แล้วพอเกิดสุริยุปราคาหายไปนกก็ออกมาหากินกันอย่างเก่า มดดำก็ออกจากที่พักในรูมาขนอาหารกันต่อ รวมทั้งต้นไม้ใบหญ้าที่มีปรากฏการณ์ร่วมกับการเกิดสุริยุปราคา ต่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามปรากฏการณ์ตามธรรมชาตินั้น เด็กบอกว่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเรียนวิทยาศาสตร์แล้วทดลองในห้องเสียอีก ตอนที่คุณพ่อคุณแม่ไปรับขากลับเด็กพูดไม่หยุดมาตลอดทางและเมื่อคุณพ่อถามว่า แล้วลูกคิดว่าถ้ามีค่ายประเภทนี้ ลูกอยากจะไปอีกหรือเปล่า เด็กมองหน้าพร้อมกับยิ้มแล้วบอกว่า ไปทุกค่ายเลย

หลังจากนั้นเด็กคนนี้ในภาคฤดูร้อนไม่ว่าสั้นหรือยาวคุณพ่อคุณแม่ก็จะส่งไปเข้าค่ายที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ตามความเหมาะสม บางครั้งก็ไปว่ายน้ำดูปะการัง บางครั้งก็ไปปีนเขา บางครั้งก็ไปเลี้ยงสัตว์ตามฟาร์มต่าง ๆ ทำให้เด็กมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนฝูงมากขึ้น และเล่นคอมพิวเตอร์น้อยลง

คุณประเทืองอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ ถ้าเผื่อกิจกรรมเหล่านี้ยังไม่ถูกใจคุณประเทือง กิจกรรมอื่นที่น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น การเลี้ยงสัตว์ การวาดภาพ การร้องเพลง หรือการออกกำลังกายแบบต่างๆ ก็น่าจะนำมาใช้กับหลานคุณประเทืองด้วย แล้วลองดูว่าหลานมีความสามารถหรือมีพรสวรรค์ทางไหน เราช่วยสนับสนุนก็จะทำให้เขาได้รับความเพลิดเพลินจากกิจกรรมอื่นนอกจากการอ่านการ์ตูน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะได้รับความสนับสนุนจากพ่อแม่ของเด็กด้วย จึงจะได้ประโยชน์เต็มที่ ของให้โชคดีนะคะ

ข้อมูลสื่อ

217-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 217
พฤษภาคม 2540