• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ผมเบื่อแม่

ผมเบื่อแม่

ผมอายุ 16 ปี เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ อยู่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านดี ผมอยากจะบอกกับพ่อว่าผมเบื่อและรำคาญแม่(แต่ผมไม่ได้เกลียดท่าน) ผมกลัวพ่อจะเสียใจ ผมรักทั้งพ่อและแม่ แต่บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อและรำคาญแม่ เพราะแม่จะเป็นคนพูดจาซ้ำซาก เรื่องเดียวท่านก็จะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างได้ตลอดทั้งปี

อย่างเรื่องการเรียนของผมก็เหมือนกันบางครั้งผมไม่เข้าใจ แม่ก็จะดุหาว่าผมโง่ ทำไมไม่เอาตัวอย่างแม่ แม่เรียนได้ที่หนึ่งมาตลอด แม่จะพูดเสมอและจะพูดมาตลอดตั้งแต่ผมเรียนอนุบาล จนผมอายุ 16 ปี ก็ยังได้ยินว่าแม่เป็นคนเก่งไม่เคยแพ้เพื่อนๆในห้องเรียน แต่แม่ไม่เคยรู้สึกตัวว่าแม่เป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้กับพ่อ ปู่ ย่า ตา ยาย แม่ก็ไม่เว้น บางครั้งแม่โกรธหรือโมโหอะไรมาแม่จะมีอารมณ์ใส่ผมกับพ่อ พ่อจะเป็นคนรับอารมณ์ของแม่มาตลอด ผมเห็นแล้วรู้สึกสงสารพ่อมาก ทั้งๆที่พ่อก็เป็นคนรับผิดชอบอะไรทุกอย่าง ภาระหน้าที่ของพ่อที่มีต่อครอบครัวก็หนักแล้วยังต้องมาเป็นที่ยอมรับอารมณ์ของแม่อีก ผมนับถือน้ำใจและความอดทนหนักแน่นของพ่อมาก อาจจะเป็นเพราะพ่อรักแม่มากก็ได้ บางครั้งแม่ก็จะบ่นเรื่องพ่อให้ฟัง ทำให้ผมรู้สึกเบื่อและรำคาญคำพูดของแม่

ผมบอกตามตรงว่าถ้าอยู่ใกล้ชิดพ่อแล้วผมจะรู้สึกสบายใจและสบายหูมาก เพราะแม่เป็นคนโอเวอร์มาก เรื่องทุกเรื่องจะพูดจนเกินความเป็นจริงหลายเท่า หรืออาจจะเป็นเพราะอาชีพของแม่ก็ได้ที่ทำให้แม่เป็นคนตรงไม่มีความยืดหยุ่น อารมณ์ร้อน เอาอารมณ์เป็นใหญ่ แม่อาจจะเครียดกับลูกศิษย์ของแม่ อารมณ์เลยค้าง และต้องกลับมาพาลอารมณ์ใส่ทุกๆคนที่บ้าน

บางครั้งเพื่อนของผมยังพูดว่าแม่นายดุจัง เพราะเพื่อนเคยเจออารมณ์ร้อนของแม่ ทำให้ผมอายเพื่อนๆมาก เพราะแม่ชอบด่าหรือตำหนิผมกับพ่อต่อหน้าเพื่อนๆ ทำไมแม่ไม่รู้เลยว่าผมกับพ่อจะอายคนอื่น ผมรู้สึกว่าทุกเรื่องแม่ต้องเอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่แม่ก็รู้ว่าผมกับพ่อไม่มีความผิดอะไรเลย ผมอยากให้แม่พูดดีๆกับผมและพ่อ ผมโตแล้วผมอายเพื่อนที่แม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล บางครั้งคำพูดของแม่ทำให้ผมสับสน โอนเอนง่ายจนทำให้ผมตัดสินใจไม่ถูก

                                                                                                                 วัยรุ่นที่สับสน

                                                ************************

คุณคงกำลังหัวเสียอย่างมาก เพราะทั้งเบื่อและรำคาญคุณแม่ของคุณ อยากจะบอกว่าคุณเป็นคนโชคดีเหลือเกินที่เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน อยู่ในกรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านดี และมีคุณพ่อซึ่งเวลาอยู่ใกล้ชิดแล้วคุณรู้สึกสบายใจและสบายหูมากกว่า คุณแม่ที่เฝ้ารบกวนคุณตลอดเวลาด้วยคำพูดนั้น ป้าหมออยากจะทายว่าท่านคงไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่คงเป็นคุณแม่ที่มีความคาดหวังในตัวลูกสูง และยิ่งคุณบอกว่าคุณแม่อาจจะเครียดกับลูกศิษย์ของท่านเลยอารมณ์ค้างและกลับมาพาลอารมณ์ใส่กับทุกๆคนที่บ้าน แสดงว่าคุณแม่ของคุณคงเป็นครูบาอาจารย์

ปกติครูบาอาจารย์จะเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนจู้จี้ บางครั้งพูดแล้วพูดอีก เพราะต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชเด็กที่โรงเรียน แต่เด็กที่โรงเรียนห้องหนึ่งมีตั้งหลายคนก็รับกันไปคนละนิดละหน่อย ส่วนคุณเป็นลูกชายคนเดียวที่บ้านคงต้องรับเยอะกว่าคนอื่น แน่นอนสิ่งที่คุณแม่พูดออกมาทั้งหมดคงเป็นความคาดหวัง คุณแม่คงพยายามพูดกระตุ้นให้คุณสนใจเรียน ท่านอาจจะพูดว่าให้เอาตัวอย่างท่าน ท่านเรียนและสอบได้ที่ 1 ตลอด และคงพูดซ้ำพูดซาก คุณได้ยินตั้งแต่อยู่อนุบาลจนอายุ 16 ปี ซึ่งคงเป็นระยะมัธยมปลายที่กำลังเตรียมตัวเอนทรานซ์ คุณแม่พยายามกระตุ้นให้คุณสนใจเรียน แต่วิธีนี้คงเป็นวิธีที่คุณไม่ยอมรับ และยิ่งทำให้คุณสับสนมากขึ้น แต่คุณก็เล่าเองว่าคุณนับถือน้ำใจและความอดทนของพ่อมาก อาจจะเป็นเพราะพ่อรักแม่มากถึงยอมรับอารมณ์ของแม่มาตลอด ถูกแล้วคุณพ่อคุณคงเป็นคนดีน่ารักและรับผิดชอบอย่างที่คุณบอก แต่ขณะเดียวกันคุณแม่คุณก็คงมีความดีมากมายเหลือเกิน คุณพ่อถึงรักคุณแม่มาก

ชีวิตครอบครัวที่ถนอมรักกันมายืนยาวถึง 16-17 ปี ซึ่งเท่ากับอายุของคุณนี้ไม่ได้สร้างกันง่ายๆ ลองคุยกับคุณพ่อดูสิคะ ถามท่านว่าทำไมถึงรักคุณแม่ ทั้งๆที่คุณแม่ก็เป็นคนขี้บ่น เจ้าอารมณ์และทำให้ทุกคนในบ้านหงุดหงิดรวมทั้งไม่ยอมใคร ไม่ว่าจะเป็นปู่ ย่า ตา ยาย คุณแม่ก็ไม่ละเว้น เมื่อคุณพ่อเล่าเกี่ยวกับคุณแม่บางครั้งคุณอาจจะเข้าใจท่านมากขึ้นและอาจจะโกรธคุณแม่น้อยลง

ป้าหมอเห็นใจจริงๆ เพราะเสียงคุณแม่ที่รบกวนคุณตลอดเวลาเลยทำให้บางครั้งคุณพาลเสียไปถึงเรื่องการเรียน ซึ่งบางครั้งก็เลยทำให้คุณตกค้างและเรียนไม่เข้าใจ แต่อย่างไรก็ตามป้าหมอยอมรับว่าคุณเป็นเด็กที่น่ารักและดีจริงๆ เพราะคุณบอกว่าคุณไม่เกลียดคุณแม่ถึงแม้ว่าคุณจะเบื่อและรำคาญคุณแม่เต็มแก่ และคุณเองยังเป็นคนยุติธรรมที่ยอมรับว่า คุณพ่อเป็นคนดีและอาจจะรักคุณแม่มากก็ได้จึงอดทนในเรื่องที่คุณแม่ทำให้ทุกคนหงุดหงิดและอารมณ์เสีย คุณเป็นคนมองเห็นปัญหาตรงที่บอกว่าคุณแม่เป็นคนตรงไม่ยืดหยุ่น อารมณ์ร้อน และเอาแต่อารมณ์เป็นส่วนใหญ่ คุณลองคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อดูสิคะ เผื่อคุณพ่อจะหาทางพูดเรื่องนี้กับคุณแม่ได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณอายุ 16 ปี และป้าหมอเดาว่าคุณกำลังอยู่ในวัยเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งคุณแม่ก็คงต้องพูดพร่ำพรรณนาบ่นว่าคุณสารพัดเพื่อให้คุณตั้งใจเรียนและสอบเอนทรานซ์ได้ ทำให้ป้าหมอนึกถึงเด็กหลายคนที่เราได้สัมภาษณ์ตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนติดอันดับ 1 ใน 10 หลายคนเล่าให้ป้าหมอฟังว่าหงุดหงิดและโกรธคุณแม่เหลือเกินในช่วงก่อนสอบ 1 เดือน ทะเลาะกับคุณแม่ทุกวันเพราะคุณแม่เคี่ยวเข็ญให้อ่านหนังสือทุกวัน พอเดินมาเห็นหยิบการ์ตูนก็จะว่าเดี๋ยวก็สอบไม่ติดหรอก ทำไมไม่อ่านหนังสือ และเมื่อป้าหมอถามว่า แล้วสอบเข้าได้แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร คุณวัยรุ่นที่สับสนเชื่อไหม เด็กทุกคนทั้งชายและหญิงน้ำตาคลอแล้วบอกว่าผมเพิ่งเข้าใจคุณแม่ รู้ว่าคุณแม่หวังดีแต่ตอนนั้นผมหัวเสียจริงๆ

เมื่อป้าหมอถามต่อว่าเมื่อเข้าใจคุณแม่ดีแล้วตอนนี้คุณคิดจะทำยังไงกับคุณแม่ที่ฟังผลสัมภาษณ์วันนี้ เด็กทุกคนบอกว่าจะกลับไปบ้านขอโทษคุณแม่ ไหว้คุณแม่ และบอกคุณแม่ว่าไม่ได้ทะเลาะกับคุณแม่ 1 เดือน ก่อนสอบและไม่ถูกคุณแม่กระตุ้นให้อ่านหนังสือทุกวันก็คงสอบไม่ติดคณะนี้

คุณไม่ต้องเชื่อป้าหมอหมดทุกอย่าง แต่คุณควรจะกลับไปสอดส่องหรือพิจารณาตัวเองบางส่วนว่ามีอะไรหรือเปล่าที่คุณอาจจะนำมาใช้เพื่อแก้ไขให้สถานการณ์ระหว่างคุณกับคุณแม่ดีขึ้น ถ้าคุณเรียนไม่เข้าใจคุณเองก็มีฐานะทางบ้านดีอาจจะต้องหาครูมาติวพิเศษบางวิชา หรือถ้าคุณคิดว่าคุณยังไม่ขยันเท่าไรกับการจะเข้าสู่สนามสอบ ซึ่งมีบรรดาเพื่อนที่จะร่วมเข้าสู่สนามสอบไม่ใช่น้อย คุณอาจจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น และป้าหมอแน่ใจว่าเวลาที่มีจำกัดคงไม่มีเวลาให้คุณกับคุณแม่ต้องปะทะกันมาก

ป้าหมอเองก็ไม่เห็นด้วยที่คุณแม่อารมณ์ร้อน ดุ ด่า หรือตำหนิคุณกับพ่อต่อหน้าเพื่อนๆ ป้าหมอว่าเป็นสิ่งที่คุณแม่ทำไม่ถูก แต่คิดว่าคุณแม่เบรกแตกหรืออารมณ์เสียอย่างรุนแรง คุณแม่ควรจะพูดกับคุณดีๆ พูดกับคุณพ่อดีๆ เป็นไปได้ไหมเมื่อคุณอายุ 16 ปี คุณแม่อาจจะอายุประมาณ 46-48 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ผู้หญิงเรารู้กันว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงทางด้านฮอร์โมนทำให้ประจำเดือนเปลี่ยนแปลง เลยทำให้หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องเหล่านี้มีส่วนน่าจะพาคุณแม่ไปตรวจหรือให้คุณพ่อชวนคุณแม่ไปตรวจและให้คุณหมอได้ดูแลและช่วยเหลือคุณแม่อย่างถูกต้องต่อไป เพื่อให้ทั้งคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งก็อยู่กรุงเทพฯ และฐานะทางบ้านดีได้มีความสุขสมกับฐานะทางบ้าน โดยไม่ต้องอยู่กันอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ อาจทำให้คุณพลอยสับสนโอนเอนง่าย และตัดสินใจไม่ถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี

แต่ถ้าคุณคิดว่าความรู้สึกต่อแม่ยังแย่อยู่มากๆ อยากจะแนะนำให้คุณไปหาจิตแพทย์ที่ใกล้ที่สุดที่คุณจะไปหาได้ เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณหมอฟัง คุณหมอจะเป็นคนทำหน้าที่เหมือนพี่เลี้ยงในการแนะนำและดูแลคุณ ซึ่งระยะนี้คงใช้เวลาไม่นานอาจจะไปพบแค่ 2-3 ครั้ง ทุกอย่างก็ควรจะคลี่คลายได้ดี ทำให้คุณมั่นใจตนเองมากขึ้นและไม่ตกค้างหรือเก็บกดจนเกินไป 

ขอให้โชคดีเพราะป้าหมอมั่นใจว่า คุณจะเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นและเป็นกำลังสำคัญของสังคมต่อไป สวัสดีค่ะ
  
 

ข้อมูลสื่อ

211-016
นิตยสารหมอชาวบ้าน 211
พฤศจิกายน 2539
ป้าหมอ