• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กหนึ่งเดือนถึงสองเดือน

เด็กหนึ่งเดือนถึงสองเดือน


              



สภาพผิดปกติ


82. เหน็บชา
เด็กที่เป็นโรคเหน็บชา ตาจะเหม่อลอย อาเจียนนมบ่อย ๆ และถ้าเป็นมากอาจถึงกับทำให้เส้นประสาท เป็นอัมพาต หรือเด็กบางคนอาจเป็นโรคหัวใจโต เพราะกล้ามเนื้อหัวใจบวม ทำให้ระบบหมุนเวียนของโลหิตบกพร่อง เด็กอ่อนที่เลี้ยงด้วยนมแม่อาจเป็นโรคเหน็บชาได้ถ้าแม่กินแต่ข้าวขาว ไม่ได้กินอาหารอื่น (อาจเป็นเพราะยากจน ไม่มีอาหารอื่นจะกินนอกจากข้าว หรือเป็นเพราะความเชื่อถือผิด ๆ ที่ว่ากินอะไรไม่ได้นอกจากข้าวกับเกลือ เพราะกลัวแสลง) ทำให้ขาดวิตามินบีหนึ่ง การรักษาโรคนี้ทำโดยการฉีดวิตามินบีหนึ่งให้ ไม่กี่วันก็หาย

เด็กที่อาเจียนนมบ่อย และอึมีสีเขียว ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเหน็บชาเสมอไป ถ้าแม่กินอาหารหลาย ๆ ชนิดตามปกติ หรือเด็กที่เลี้ยงด้วยนมผง ซึ่งมีวิตามินบีหนึ่งผสมอยู่ครบถ้วน จะไม่เป็นโรคเหน็บชา และถึงจะฉีดวิตามินบีหนึ่งให้ เด็กจะไม่เลิกอาเจียนและยังคงอึสีเขียวต่อไปตามเดิม แต่เด็กแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร



 

83. เป็นผื่นกะทันหัน
เด็กอายุ 1-2 เดือน ในบางกรณีจะมีอาการเบื่ออาหารเล็กน้อย และรู้สึกซึมลงไปนิดหน่อย วันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามีผื่นแดงเม็ดเล็ก ๆ คล้ายผดขึ้นเต็มตัว แล้วหายไปภายในวันเดียว ลักษณะของผื่นคล้ายกับผื่นของ โรคส่าไข้ (Roseola infantum) ซึ่งมักจะเป็นกับเด็ก อายุ 6 เดือนขึ้นไป ต่างกันตรงที่ว่าเด็กจะไม่มีอาการตัวร้อน อาการเป็นผื่นกะทันหัน ของเด็กอายุเท่านี้ เรายังไม่ทราบสาเหตุ บางคนก็ว่าเป็นเพราะแม่กินของแสลงเข้าไป แต่เด็กที่กินนมวัวก็เป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะของแสลงเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรทราบไว้ว่าเด็กอายุ 1-2 เดือนนี้ อาจเป็นผื่นกะทันหันแบบนี้ได้ จะได้ไม่ตกใจจนเกินไป เมื่อเห็นลูกเป็นผื่นเต็มตัว เด็กอายุเท่านี้จะยังไม่เป็นหัด

เด็กสองเดือนถึงสามเดือน
ลักษณะของทารก


84. ลักษณะของทารกระยะสองเดือนถึงสามเดือน
เด็กอายุ 60 วัน ตาจะมองเห็นแล้ว ถ้าเอาของเล่นมาวางไว้ตรงหน้าจะจ้องดู และเมื่ออายุได้ 90 วัน จะรู้จักยิ้มเมื่อแม่เล่นด้วย แขนขาของเด็กจะแข็งแรงขึ้น ถ้าลองเอาหัวนมหลอกให้จับเล่น เด็กอายุใกล้ 3 เดือนเกือบทุกคนจะเอานิ้วโป้งหรือกำปั้นทั้งอันใส่ปากดูด การดูดมือของเด็กวัยนี้ไม่ได้เป็นการเรียกร้องความสนใจจากแม่ แต่เด็กดูดเพราะรู้สึกสนุกกับการดูดมือ
กำลังขาของเด็กจะมากขึ้น เด็กบางคนถ้าอุ้มยืนบนตัก จะถีบเท้ากระโดดตัวลอยทีเดียว เด็กจะเริ่มสนใจสิ่งของรอบตัว เมื่ออายุได้ 3 เดือนจะเริ่มสนใจของเล่น และถ้าอุ้มพาไปเที่ยวนอกบ้าน เด็กจะลืมตาแป๋วมองโน่นมองนี่ไปตลอดทางเด็กจะส่งเสียงหัวเราะบ่อยขึ้น เวลาอารมณ์ดี จะร้องเอ้อ ๆ อ้า ๆ อยู่คนเดียว เวลานอนจะค่อย ๆ เหมือนผู้ใหญ่ คือ ส่วนใหญ่นอนตอนกลางคืนและตื่นตอนกลางวัน ระยะเวลานอนตอนกลางวันจะแตกต่างกันตามนิสัยของเด็กแต่ละคน เด็กบางคนนอนมาก ช่วงเช้านอน 3 ชั่วโมง ตอนบ่ายนอนอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง เด็กบางคนไม่ค่อยนอน ตอนกลางวันนอนเพียงหนเดียวก็มี สำหรับตอนกลางคืน เด็กบางคนนอนรวดเดียวตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า บางคนตื่นหนเดียว บางคนตื่นสองหนก็มี

นิสัยในการกินนมก็แตกต่างกัน เด็กบางคนกินเก่ง ชงนมให้ตามปริมาณที่เขียนไว้ข้างกระป๋องแล้วยังไม่พอ ดูดขวดเปล่าจุ๊บจั๊บแล้วร้องจะเอาอีก ถ้าคุณแม่ตามใจชงเพิ่มให้เป็นครั้งละ 180 ซี.ซี. ก็จะดูดจนหมด น้ำหนักตัวจะเพิ่มเร็วมาก เฉลี่ยวันละ 40-50 กรัม เด็กโตวันโตคืนอย่างเห็นได้ชัด คุณพ่อคุณแม่ดีใจว่า ลูกอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี แต่อยู่มาวันหนึ่ง เด็กจะปฏิเสธไม่ยอมกินนมขึ้นมาเฉย ๆ ลองชงนมให้จางลงก็แล้ว เปลี่ยนหัวนมให้ก็แล้ว ลองให้นมที่แช่เย็นก็แล้ว เด็กก็ยังไม่ยอมกินอยู่ดี คุณแม่กลัวลูกจะอดตาย จึงพยายามดันหัวนมเข้าปากบังคับให้ดูด เมื่อเด็กถูกบังคับมากเข้า ในที่สุดพอเห็นขวดนมเท่านั้น จะเม้มปากแน่นทีเดียว อาการอย่างนี้เรียกว่า “โรคเกลียดนม” (ดูหัวข้อ 97 “โรคเกลียดนม” ในตอนต่อไป)

เด็กบางคนกินนมน้อย แต่ละครั้งกว่าจะกินนมได้ 120 ซี.ซี. เล่นเอาคุณแม่เหนื่อย เด็กจะไม่อ้วน คุณแม่อยากให้ลูกอ้วนเหมือนเด็กข้างบ้าน จึงพยายามให้ลูกกินนมมากขึ้น เมื่อเด็กดูดนมได้ 80 ซี.ซี. มักจะดุนหัวนมออกจากปาก คุณแม่ต้องเล่นหยอกล้อให้อารมณ์ดีสัก 10 นาที แล้วจึงหลอกล่อให้กินนมต่อ เด็กจะกินอีก 40 ซี.ซี. แล้วไม่ยอมดูดอีก เป็นเช่นนี้ทุกวัน เด็กจะกินนมเหมือนจำใจต้องกินทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เวลาอื่น นอกจากเวลากินนม เด็กจะร่าเริงแจ่มใสดี เป็นเด็กเลี้ยงง่าย กลางคืนก็นอนรวดเดียวถึงเช้า คุณแม่นอนหลับสบาย

นอกจากเด็กกินเก่งกับเด็กกินน้อยแล้ว ยังมีเด็กแบบ “มาตรฐาน” คือ กินนมครั้งละ 150-160 ซี.ซี. แต่บางคนกินวันละ 6 ครั้ง บางคนวันละ 5 ครั้ง เด็กที่นอนเก่ง ๆ บางคน กินนมเพียงวันละ 4 ครั้ง ก็มีถ้าจะให้กิน 5 ครั้ง จะต้องปลุกให้กิน ถึงแม้เด็กจะกินนมเพียงวันละ 4 ครั้ง แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นวันละ 30 กรัมขึ้นไป ก็ปล่อยให้นอนดีกว่าปลุกขึ้นมากินนม

เด็กผู้ชายที่อาเจียนทุกครั้งที่กินนม เมื่ออายุใกล้ 3 เดือนอาการจะดีขึ้น น้ำหนักเด็กอาจจะน้อยกว่าเด็กปกติมาก แต่คุณพ่อคุณแม่คงดีใจที่รอดูอาการ จนเด็กเล็กอาเจียนเองโดยไม่ได้รับพาไปผ่าตัด เมื่อถูกหาว่าเป็น “โรคปลายกระเพาะตีบ” ตั้งแต่ตอนอายุครึ่งเดือน
ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับเด็กในระยะนี้คือ เด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่และนมวัวผสมกัน จะเกลียดนมอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ยอมกิน ถ้าเด็กไม่ยอมกินนมแม่ ซึ่งเริ่มจะไม่พอเลี้ยงก็ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเด็กชอบกินแต่นมแม่ ไม่ยอมกินนมวัวล่ะก็ชักจะยุ่ง เพราะแรกเริ่มเดิมทีให้กินนมวัวด้วยก็เพราะนมแม่ไม่ค่อยมีแม่กลัวลูกขาดอาหารจึงบังคับให้กินนมวัว เมื่อเด็กถูกบังคับจะไม่ยอมกินเอาเลย มีเด็กหลายคนที่เป็นอย่างนี้ น้ำหนักตัวของเด็กจะไม่เพิ่มสักระยะหนึ่ง แต่จะไม่ถึงกับส่งผลเสียต่อเด็กในอนาคต คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับวิธีแก้ไขจะกล่าวถึงในหัวข้อ 97 “โรคเกลียดนม” ในตอนต่อไป

สาเหตุใหญ่ของโรคเกลียดนมคือ การให้นมมากเกินไป ดังนั้นสำหรับเด็กในวัยนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเด็กอยากได้นมเพิ่มอีก เราก็ไม่ควรให้นมแต่ละครั้งถึง 180-200 ซี.ซี. โดยเฉพาะในฤดูร้อน ต้องระวังอย่าให้นมมากเกินไป เพราะอากาศร้อนทำให้เด็กรู้สึกเบื่ออาหารง่ายอยู่แล้ว

เมื่อเด็กอายุได้ 2 เดือน ถ้าเลี้ยงด้วยนมวัวอย่างเดียว ควรให้น้ำผลไม้ด้วย สำหรับเด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่ ซึ่งมีวิตามินผสมอยู่ในน้ำนมแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องให้น้ำผลไม้ แต่ถ้าลองให้ดูแล้วเด็กชอบ ก็ให้ต่อไปได้ (สำหรับวิธีให้น้ำผลไม้ กรุณาดูหัวข้อ 66 “การให้น้ำผลไม้”) เด็กบางคนไม่ชอบรสเปรี้ยว ไม่ยอมกินน้ำผลไม้ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องบังคับให้กิน ให้วิตามินแทนได้

สำหรับอุปนิสัยในการขับถ่าย เด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่บางคน : ยังอึวันละ 5-6 ครั้งก็มี แต่ร่างกายแข็งแรงดี ไม่ใช่ท้องเสีย เด็กที่ท้องผูกบางคนอาจจะต้องสวนทวารให้ทุก 2 วัน แต่เด็กส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้น เพราะเมื่ออายุได้ 2 เดือน เราให้เด็กกินน้ำผลไม้ช่วยในการขับถ่ายได้ สำหรับจำนวนครั้งที่ปัสสาวะ เด็กบางคนฉี่บ่อย แต่ปริมาณแต่ละครั้งน้อย บางคนเก็บไว้ได้นาน ฉี่ไม่บ่อยแต่ฉี่คราวละมาก ๆ เด็กที่เมื่อเล็ก ๆ ฉี่บ่อย โตขึ้นมักจะฉี่บ่อย ส่วนในช่วงที่อากาศร้อน เด็กเหงื่อออกมากจะฉี่น้อยลง
สำหรับเด็กที่เมื่ออายุหนึ่งเดือนเป็นผดนั้น เมื่ออายุได้สองเดือน บางคนอาการจะดีขึ้น แต่กลับมีอา-การอื่นเข้ามาแทน คือ มีเสียงครืดคราด ๆ ในหน้าอก เหมือนกับมีเสมหะติดอยู่ คล้ายกับเสียงที่เราได้ยิน เวลาเข้าใกล้แมว อาการเช่นนี้ไม่ใช่อาการเจ็บป่วย เพราะเด็กจะไม่มีอาการผิดปกติใดใด นอกจากจะไอบ้างบาง-ครั้ง โดยเฉพาะตอนก่อนนอนและตอนเช้า ตอนกลางคืน ถ้าไอหลังจากกินนม มักจะอาเจียนเอานมออกมาด้วย ถ้าพาไปหาหมอ หมอบางคนอาจบอกว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบ คล้ายหืด (ดูหัวข้อ 79 “มีเสมหะ”) แต่ความจริงอาการนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเด็กบางคนซึ่งจะปรากฏอยู่ระยะเวลาหนึ่ง เช่น-เดียวกับการเป็นผดของเด็ก

เมื่อเด็กอายุได้ 2 เดือน ตามองเห็นแล้ว เด็กจะสนใจสภาพรอบตัวและอยากออกนอกบ้าน คุณแม่ควรพาลูกออกเที่ยวนอกบ้านทุกวัน เพื่อให้เด็กรู้สึกสนุกสนานและได้รับอากาศสดชื่นภายนอก สำหรับระยะเวลาที่ให้เด็กอยู่นอกบ้าน ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศและอารมณ์ของเด็ก ถ้าอากาศดี ควรให้อยู่นอกบ้านวันละประมาณ 2 ชั่วโมง
ตามปกติเรามักเริ่มตัดผมให้เด็กในระยะนี้ (ดูหัวข้อ 90 “ตัดผม”)
เมื่อเราพาเด็กออกนอกบ้านมากขึ้น โอกาสที่จะติดโรคก็มีมากขึ้น แต่เด็กอายุเท่านี้ยังมีภูมิคุ้มกันโรคจากมารดาอยู่ เด็กจะไม่เป็นหัดและคางทูม แต่สำหรับไอกรนและวัณโรคเด็กอาจเป็นได้ ดังนั้น คุณแม่ไม่ควรพาลูกเข้าใกล้เด็กที่มีอาการไอ โรคที่เด็กอายุเท่านี้เป็นบ่อย คือ หวัด โดยรับเชื้อจากพ่อแม่ หรือคนในบ้าน ทำให้มีอาการจาม คัดจมูก หรือไอบ้าง แต่เด็กอายุเท่านี้ ถ้าเป็นไข้หวัด ไข้จะไม่สูงนัก (ไม่สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส) ถ้าเด็กมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่มักเป็นโรคหูอักเสบ เด็กจะร้องกวนตลอดคืน เพราะรู้สึกปวดหู (ดู 101 “ตัวร้อน”)

โรคร้ายแรงสำหรับเด็กอายุ 2-3 เดือน มีเพียงโรคหัวใจซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด และไส้เลื่อนติดค้าง ถ้าเด็กร้องอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหัน ให้คิดถึงไส้เลื่อนไว้ก่อน (ดู 98 “ไส้เลื่อน”) ส่วนใหญ่เด็กในวัยนี้มักไม่เป็นโรคอะไร คุณแม่ควรระวังอย่าเหมาเอาอาการบางอย่างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเด็ก (เช่น มีเสมหะมาก) ว่าเป็น “โรค” และดูแลเด็กเหมือนคนป่วย

 

ข้อมูลสื่อ

16-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 16
สิงหาคม 2523