• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กชักเวลาตัวร้อน

เด็กชักเวลาตัวร้อน

  • ชักจนลูกปัญญาอ่อนและแม่ประสาทอ่อน

หนูเก่ง อายุได้ 10 ปีแล้วรูปร่างใหญ่โตน่ารัก แต่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.1 เพราะยังสอบไม่ผ่านมา 4 ปีแล้ว ครูลงความเห็นว่าหนูเก่งปัญญาไม่ดี ส่วนหมอลงความเห็นว่า หนูเก่งเป็นเด็กปัญญาอ่อน เนื่องจากเด็กแกมีอาการชักบ่อย

แม่ของหนูเก่งจำได้ว่า ลูกชักครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ขวบเศษๆ ตอนนั้นเธอเพิ่งจีลูกคนแรก เด็กมีอาการตัวร้อนขึ้นมา เธอได้แต่เอาผ้าหนาๆ มาห่มตัวเด็กไว้ เพราะกลัวจะหนาว ยิ่งห่มไข้ก็ยิ่งสูงขึ้น จนเกิดอาการตาค้าง แขนขาชักกระตุก เมื่อลูกเธอชักก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะให้การช่วยเหลืออย่างไร กว่าจะพาไป ร.พ.ได้ก็กินเวลาร่วมชั่วโมง เด็กก็ชักเป็นพักได้ 3-4 ครั้ง

หลังจากหมอให้การรักษาจนหายดีแล้ว แม่ของหนูเก่งก็ไม่ได้ถามหมอว่า เด็กเป็นอะไร และควรจะปฏิบัติอย่างไรต่อไป เพราะกลัวหมอจะดุเอาหมอเองก็ไม่ได้อธิบายให้แม่หนูเก่งฟังแต่อย่างไร

ต่อมาหนูเก่งตัวร้อนทีไรก็ชักทุกที เพราะแม่ไม่รู้จักให้ลูกกินยากันชักเวลามีอาการตัวร้อน หนูเก่งชักได้ทั้งหมด 10 กว่าหนด้วยกัน ตอนอายุ 6 ขวบจึงหายชัก หนูเก่งจึงกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน (ตรงข้ามกับชื่อไปเสียอีก) แม่ของหนูเก่งก็เลยกลายเป็นคนขวัญอ่อน เป็นโรคประสาทไป
 

  • ไม่อยากเป็นเจ้าชายนิทราให้รีหาหมอ

เด็กชายเกียรติ เรียนอยู่ชั้น ป.6 เย็นวันหนึ่งหลังจากกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็มีอาการไข้ตัวร้อน แม่ซึ้ยาให้กิน รุ่งเช้าไข้ก็ยังไม่ลดและบ่นว่า ปวดศีรษะอย่างแรง กินอะไรก็อาเจียนออกหมด ต่อมาก็มีอาการซึม เพ้อและแขนขากระตุกติดต่อกัน แม่จึงรีบพาไปที่ ร.พ. หมอตรวจพบว่า มีอาการคอแข็ง (ท่านผู้อ่านโปรดพลิกไปคอลัมภ์ “เรียนหมอจากภาพ”) ได้ทำการเจาะหลัง พบว่า น้ำไขสันหลังขุ่นเป็นหนอง จึงรับไว้รักษาที่ ร.พ. เพราะเด็กเป็น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

หมอได้รับไว้รักษาอยู่ 10 กว่าวันก็หายไปเป็นปกติ หมอบอกว่า นี่ดีที่แม่ของเด็กพาลูกมา ร.พ. ได้ทันกาล ถ้าหากมาล่าช้าไปเด็กอาจกลายเป็น “เจ้าชายนิทรา” หลับไม่ตื่นหรือสมองพิการไปตลอดชีวิต

เด็กที่มีอาการชักเวลาตัวร้อน ก็อาจมีสาเหตุจากโรคที่ร้ายแรงได้ เด็กชักจึงควรพาไปหาหมอทุกครั้ง
 

  • หมอของลูกในยามชัก

หนูก่อ อายุได้ 8 เดือนอยู่มาวันหนึ่งก็เป็นไข้ตัวร้อนจัดและชัก แม่ของหนูก่อเคยมีความรู้ในเรื่องนี้มาบ้างจึงมิได้ตกใจ รีบช้อนในครัวแล้วพันด้วยผ้าเช็ดหน้าสะอาด ใส่เข้าปากเด็ก เพื่อกันมิให้กัดลิ้นแล้วถอดเสื้อผ้าของเด็กออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นๆ เช็ดไปทั่วตัวของหนูก่อ สักพักหนึ่งไข้ก็ลดลงและก็ไม่ชักซ้ำอีก แม่หยิบยาเม็ดแอสไพรินให้ลูกกินครึ่งเม็ด แล้วรีบพาไป ร.พ.หมอตรวจแล้วก็พบว่า หนูก่อมีอาการชักจากตัวร้อนเนื่องจากเป็นไข้หวัดธรรมดา ก็แนะนำแม่เด็กว่าต่อไปหนูก่ออาจจะชักได้อีกเวลาตัวร้อนจัดๆ ควรจะมียากันชักที่ราคาถูกๆ เช่น ฟีโนบาร์บิทอล ติดไว้ที่บ้านกินเวลามีไข้ตัวร้อน (ขนาด 30 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ดทุก 12 ช.ม.)

แม่ของหนูก่อก็ปฏิบัติตาม เวลาลูกตัวร้นขึ้นมาก็กินยาลดไข้แอสไพริน และยากันชักฟีโนบาร์บิทอล ควบคู่กันไปพร้อมกับเช็ดตัวให้ หนูก่อก็ไม่ชักอีกเลยตั้งแต่บัดนั้น จนอายุเลย 5 ขวบ หมอจึงบอกให้เลิกกินยากันชักได้ เพราะปลอดภัยจากอาการชักแล้ว

ข้อมูลสื่อ

3-010
นิตยสารหมอชาวบ้าน 3
กรกฎาคม 2522