• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ถ้าอยากมีลูกหัวดี

บทที่ 1
เด็กหัวดี เด็กหัวไม่ดีต่างกันที่ตรงนี้


8. ดูโทรทัศน์แล้วสมองเสื่อมหรือ?

“อย่าเอาแต่ดูทีวีซี่! ไปดูหนังสือไป๊!”

คำพูดประโยคนี้ คนที่มีลูกคงจะเคยพูดอย่างน้อยก็หนหนึ่งละครับ พ่อแม่แทบทุกคนขุ่นเคืองโทรทัศน์เพราะทำให้ลูกติดหนับอยู่หน้าจอ มีเวลาดูหนังสือทำการบ้านน้อยลง และเป็นห่วงว่าถ้าลูกเรียนน้อย หัวจะไม่ดี สู้คนอื่นไม่ได้

การดูโทรทัศน์นั้น ทำให้สมองเสื่อมจริงหรือ?

เมื่อก่อนนี้ เคยมีประโยคฮิตในญี่ปุ่นที่ว่า “ทั้งร้อยล้านจะพิการทางปัญญา” เป็นคำพูดของนักวิจารณ์ผู้มีชื่อเสียง ซึ่งสะท้อนให้เห็นโทษของโทรทัศน์ เพราะทำให้ชาวญี่ปุ่นทั้งหมดลุ่มหลงอยู่กับรายการบ้าๆบอๆ จนสติปัญญาเสื่อมถอย เป็นความจริงที่ว่า การดูรายการไร้สาระทำให้หมดเปลืองเวลาไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะสำหรับเด็กประถมซึ่งนอนตั้งแต่ 3-4 ทุ่ม หลังอาหารเย็น ดูรายการการ์ตูนสัก 2 เรื่อง และรายการโชว์อีกสักรายการก็ง่วงนอนแล้ว ไม่มีเวลาทำการบ้าน ถ้าถูกโทรทัศน์ครอบงำแบบนี้ย่อมทำให้หัวไม่ดีแน่

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ปฏิเสธโทรทัศน์หรอกครับ ผมคิดว่าโทรทัศน์เป็นเครื่องมือสำหรับพักสมอง และใช้ประโยชน์จากมันมากเสียด้วย

ถ้าเรามีวิธีการดูทีวีที่ถูกต้อง มันจะเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ทีเดียว
ระหว่างดูโทรทัศน์ เคยรู้สึกไหมครับว่า มือเรามักจะยืดไปหยิบของกินโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากโทรทัศน์ทำให้ผู้ดูเกิดความอยากอาหาร เพราะอะไรหรือ? เพราะเลือดในร่างกายลงไปรวมกันอยู่ที่กระเพาะ ทำให้กระเพาะขยันทำงานน่ะซีครับ

กล่าวคือ โลหิตจะไหลจากศีรษะลงสู่เบื้อล่าง เมื่อเลือดบนหัวมีน้อย สมองก็พักการทำงาน

ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่า ทำให้สมองเสื่อมจริงๆน่ะซี...ท่านผู้อ่านคงสงสัยเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ
กลางวันเราทำงานยุ่งใช้หัวทั้งวัน ตอนเย็นออกจากที่ทำงานจะรู้สึกเครียดและหัวหนักอึ้ง

เด็กๆก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเวลาใกล้สอบ เด็กจะเครียดมาก ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการประสาทกังวล (neurosis)

เวลาดูหนังสือนานๆ หรือใช้สมองทำงานมาก สมองจะมุ่งไปในทิศทางเดียวกันตลอด ทำให้เกิดความเครียด สมองอ่อนล้า และทำงานเฉื่อยลง

เวลาแบบนี้ สิ่งที่มีประโยชน์คือโทรทัศน์ โทรทัศน์จะช่วยให้สมองว่างเปล่า คลายความเครียดและสมองเปลี่ยนทิศ กล่าวคือสภาพว่างเปล่าจะช่วยให้สมองทำงานได้ดีในช่วงต่อไป

เพราะฉะนั้น รายการไร้สาระจึงดีสำหรับสมอง เมื่อเหนื่อยล้าจากการเรียน ควรพักสัก 10 นาที ดูรายการบ้าๆบอๆ เมื่อสมองปลอดโปร่ง จึงหันไปดูหนังสือต่อ

ถ้าหากเสียดายแม้กระทั่งเวลาพัก คิดว่าไหนๆก็ดูทีวีแล้ว ดูรายการตอบปัญหาประเทืองปัญญาดีกว่า แบบนี้เป็นความคิดที่ผิด เพราะทำให้สมองยิ่งอ่อนล้า หมดกำลังทำงานในช่วงต่อไป

แน่นอน เวลาเราดูโทรทัศน์เพื่อรับรู้ข่าวสาร ต้องใช้สมองและตั้งใจดู หากทั้งครอบครัวร่วมวงกันดูรายการศึกษาวิทยาการ ความรู้ย่อมเพิ่มขึ้นและสร้างเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไปด้วย เวลาเช่นนี้ ควรตั้งใจดู มิใช่ดูด้วยสมองที่ว่างเปล่า

ข้อควรระวังคือ บางครั้งรายการไร้สาระที่เราเลือกดูเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง กลับชักจูงอารมณ์ของเราโดยไม่รู้ตัว เช่น รายการประเภทละครชีวิตรักโศกสลด ดูแล้วเกิดความรันทดใจ แทนที่จะทำให้สมองโล่งกลับยิ่งอ่อนล้า

ถ้าเราสามารถดูโทรทัศน์เพื่อทำให้สมองปลอดโปร่งได้ตามจุดประสงค์ของเรา รายการไร้สาระย่อมมีประโยชน์ต่อสมองเช่นกัน

ข้อมูลสื่อ

105-021
นิตยสารหมอชาวบ้าน 105
มกราคม 2531
อื่น ๆ
Dr.YOSHIRO NAKAMATSU, พรอนงค์ นิยมค้า