• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การถ่ายทอดพันธุกรรม

การถ่ายทอดพันธุกรรม

ใน 4 ตอนที่ผ่านมาได้เล่าเรื่องของโรคพันธุกรรมทั่วๆไป เรื่องการกลายพันธุ์ เรื่องปัญญาอ่อน และเรื่องความพิการแต่กำเนิด ซึ่งจัดว่าเป็นการปูพื้นความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับพันธุกรรม

คราวนี้เรามาลองมาว่ากันเรื่องพันธุกรรมให้ชัดๆ เสียทีว่า มันถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปให้ลูกหลานได้อย่างไร

ผสมพันธุ์กิจกรรมของสิ่งมีชีวิต

คนเราเป็นผลของการ “ผสมพันธุ์” คือ พันธุ์ของพ่อผสมกับพันธุ์ของแม่ เกิดเป็นตัวเราขึ้นมา คำว่าผสมพันธุ์นี้ มีความหมายลึกซึ้งได้ความหมายดีเหลือเกิน คนเราจะเกิดมาได้ จะต้องมีพันธ์ของพ่อและของแม่มาผสมกัน ครึ่งหนึ่งของพันธุ์ในตัวเรามาจากแม่ อีกครึ่งหนึ่งมาจากพ่อ เมื่อเราแต่งงานเราก็ผสมพันธุ์กับคู่สมรส (ที่จริงการผสมพันธุ์ อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้แต่งงานก็ได้) ลูกของเราได้พันธุ์ของเราไปครึ่งหนึ่งและได้พันธุ์ของคู่สมรสของเราไปอีกครึ่งหนึ่ง เช่นนี้เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด การผสมพันธุ์จึงเป็นเรื่องของการสืบทอดพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ ประการหนึ่ง และเป็นการที่พันธุ์ต่างกันมา “ผสม” กัน ทำให้เกิดคนที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป

แมงกะพรุน ให้กำเนิดชีวิตใหม่ โดยไม่ต้องผสมพันธุ์

ในบางช่วงชีวิต แมงกะพรุนจะเกาะติดกับหินในทะเล แล้วแบ่งตัวให้แมงกะพรุนตัวใหม่หลุดออกไปเป็นแว่นๆ หนึ่งแว่น คือ หนึ่งตัว ได้เป็นจำนวนสิบๆ แว่น เป็นการให้กำเนิดแมงกะพรุนตัวใหม่ โดยไม่ต้องผสมพันธุ์เลย ในกรณีอย่างนี้แมงกะพรุนที่หลุดออกไปจะมีพันธุ์เหมือน “ตัวแม่” เปี๊ยบทีเดียว แตกต่างจากลูกคน ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์ ตรงที่ว่าลูกคน มีส่วนเหมือนพ่อและแม่ แต่ไม่เหมือนเปี๊ยบมีส่วนแตกต่างกันด้วย

สิ่งมีชีวิตอีกชนิด “แบ่งภาค” หรือ”อวตาร” ได้อย่างแมงกะพรุน สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวก “ชั้นต่ำ” ทั้งสิ้น ที่พบมากที่สุดคือ พวกแบคทีเรีย ในวรรณคดีเทวดาซึ่งเป็นพวก “ชั้นสูง” อวตารได้ แต่ในธรรมชาตในชีวิตจริงพวก “ชั้นต่ำ” ต่างหากที่ “อวตาร” ได้

คนเราก็อยาก “อวตาร” เหมือนกัน แต่ยังหาลายแทงคาถาไม่เจอ

คนเราเห็นแมงกะพรุนมัน “อวตาร” ออกมาเหมือนตัวแม่เปี๊ยบ ก็อยากอวตารบ้างให้มีลูกเหมือนตนเองเปี๊ยบนี้ จะโดยวิธี “ผสมพันธุ์” ไม่ได้เพราะเมื่อ “ผสม” พันธุ์เสียแล้วลูกมันก็ต้องเหมือนคนอื่นบ้างวิธีอวตารอย่างที่พอทำได้ก็คือ เอาเซลล์ของคนนั้นมาเพาะเลี้ยง แล้วหาทาง “ร่ายคาถา” ให้มันแบ่งตัว สาละวันโตขึ้นๆ จนกลายเป็นคน ก็จะเป็นคนที่มีพันธุ์เหมือน “คุณแม่” ทุกอย่างตามหลักการเขาว่าน่าจะทำได้แต่จนเดี๋ยวนี้ คนเก่งที่ว่าก็ยังหาลายแทงคาถมไม่เจอ คนเราก็เลยต้องแพร่พันธุ์โดยวิธีผลพันธุ์ต่อไปอีกพลางๆ ก่อน

ผสมพันธุ์ ทำอย่างไร

โอ๊ะ! อย่าให้ผมบรรยายเลยครับขืนเขียนทา โดนบรรณาธิการเซ็นเซอร์แน่ มิฉะนั้น “หมอชาวบ้าน” ก็จะกลายเป็นหนังสือปกขาวฉบับเล็กที่ขายกันเกร่อแถวแผงหนังสือข้างสนามหลวงไป

ติด “พันธุ์” มาเพราะเห็นหน้ากันบ่อย!

เคยมีคนถามกันเสมอ ว่าคู่สามีภรรยาที่ไปเมืองฝรั่ง แล้วภรรยาท้องขึ้นมา คลอดลูกออกมาหน้าตาเป็นฝรั่ง เพราะแม่เห็นหน้าฝรั่งบ่อยๆ จะเป็นไปได้ไหม

อันนี้ต้องแยกตอบเป็นสองประเด็น “คลอดลูกออกมาหน้าตาเป็นฝรั่ง” อันนี้เป็นไปได้แน่ แต่ “เพราะแม่เห็นหน้าฝรั่งบ่อยๆ” นี่ซิมันกระไรอยู่ ถ้าเป็นไปได้จริง ก็หมายความว่าคุณผู้หญิงคนนั้นติด “พันธุ์” ฝรั่งมา เพราะมองหน้าฝรั่งบ่อยๆ หรือเว้ากันซื่อๆ ก็คือ มีการ “ผสมพันธุ์” กัน โดยการมองหน้า ซึ่งมันจะก้าวหน้าเกินธรรมชาติไปหน่อย

ที่จริงการ “ผสมพันธุ์” โดยวิธีแปลกๆ มีจริง มีทั้งวิธี ลอยตามลม ล่มนอกอ่าว เช่าถุงเมล์ เทใส่มือ วิธี “ลอยตามลม” เป็นวิธีผูกขาดของพืชเขา คือ เกสรตัวผู้ลอยตามลมมาผสมกับเกสรตัวเมีย “ล่มนอกอ่าว” เป็นวิธีของปลาหลายชนิด ซึ่งที่เรารู้จักมักคุ้นกันดี ก็ปลากัด นั่นแหละ “เช่าถุงเมล์” ที่จริงไม่ได้เช่าถุงใครมาร่างกายของสัตว์บางชนิดทำขึ้นใส่น้ำอสุจิ แล้วก็เอาถุงนั้นไปส่งให้ตัวเมีย หรือยัดใส่ก้นตัวเมีย “เทใส่มือ” คือ ปล่อยน้ำอสุจิออกมาใส่มือตนเอง แล้วเอาไปป้ายก้นตัวเมียก็เป็นอันเสร็จพิธี “ผสมพันธุ์”

วิธีการผสมพันธุ์แปลกๆ ที่เล่าแล้วนั้น เป็นวิธีของพวกสัตว์ พืชบางชนิดเท่านั้น คนเราทำไม่เป็นแต่คนเราก็มีการผสมพันธุ์แบบประหลายเหมือนกัน คือ การผสมเทียมกับการผสมเทียมเทียม การผสมเทียมหมอมักเป็นผู้ทำให้ เนื่องจากสามีเป็นหมัน และสามีภรรยาทั้งคู่ต้องการมีลูกอย่างนี้ก็ต้องเอาเชื้ออสุจิจากผู้ชายอื่น (มักจะปกปิดตัวเป็นความลับ) มาฉีดใส่เข้าไปในมดลูก เนื่องจากการผสมแบบนี้ไม่ได้ใช้วิธีตามธรรมชาติ เขาจึงเรียกว่า “ผสมเทียม” ในสัตว์ เช่น วัว เขานิยมผสมเทียมเหมือนกัน เพราะว่าเชื้ออสุจิที่ตัวผู้ปล่อยออกมาครั้งหนึ่ง อาจผสมตัวเมียได้เป็น 100 ตัว และเชื้อนี้ เขาเอาเก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ใช้เมื่อไรก็ได้สะดวกดี ทีนี้มาว่ากันเรื่องการผสมเทียมเทียม มันเป็นเทียม ของเทียมก็คือแท้ เหมือนลบคูณลบเป็นบวกนั่นแหละ ที่ว่าแท้ คือผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติจริงๆ แต่สามีเทียม คือ ไม่ใช่ตัวจริง

การ “การผสมเทียมเทียม” นี่เอง เป็นต้นตอของข้อแก้ตัวว่า ลูกหน้าเหมือนฝรั่ง เพราะตอนตั้งท้องแม่เห็นหน้าฝรั่งบ่อย

“ลูกครึ่ง”

เคยมีคนเจ้าปัญหาถามผมว่า ถ้าผู้หญิงคนหนึ่ง มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชาย 2 คนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เช่น ถูกข่มขืนโดยชาย 2 คน แล้วตั้งท้อง เด็กนั้นจะเป็นลูกของชายทั้งสองคน หรือคนละครึ่งหรือเปล่า

เรื่องลูกนี้ ลูกใครลูกมันครับ เป็นลูกของชายคนใดคนหนึ่งเต็มที่ ไม่มี “ลูกครึ่ง” คือ ไม่ใช่ลูกของชายทั้งสองคนหรือคนละครึ่ง

เพราะว่าพ่อของเด็กก็คือ เจ้าของตัวอสุจิที่เข้าไปผสมพันธุ์กับไข่ของผู้หญิง เกิดเป็นตัวเด็กขึ้น

ผสมพันธุ์ ... ไข่ผสมกับเชื้ออสุจิ

โดยความหมายที่แท้จริงแล้ว การผสมพันธุ์ หมายถึง การที่ไข่ผสมหรือรวมกับเชื้ออสุจิ เกิดเป็นหน่วยหรือเซลล์สมบูรณ์ ที่จะเจริญเติบโตต่อไปเป็นทารกในท้อง และคลอดออกมาเป็นคนในที่สุด

ความสัมพันธ์ทางเพศ ระหว่างหญิงกับชาย ในความหมายที่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่การผสมพันธุ์ ความสัมพันธ์ทางเพศแต่ละครั้ง จะเกิดการผสมพันธุ์ได้ หรืออาจไม่เกิดก็ได้ ถ้าความสัมพันธ์ทางเพศนั้นมีผลให้ตั้งท้อง ก็เท่ากับเกิดการผสมพันธุ์ แต่ถ้าไม่เกิดการตั้งท้อง ก็เท่ากับไม่มีการผสมพันธุ์

หุ้นส่วน ... คนละครึ่ง

คู่สมรส ถือกันว่าเป็นหุ้นส่วนชีวิต ที่จะครองชีวิตร่วมกัน ถ้ามองในแง่ของลูก ลูกก็คือ พืชพันธุ์ของพ่อแม่นั่นเอง โดยพ่อมีหุ้นส่วนในตัวลูกอยู่ครึ่งหนึ่ง และแม่ก็มีอีกครึ่งหนึ่ง พูดง่ายๆ คือ ลูกได้รับพันธุ์มาจากพ่อครึ่งหนึ่งและจากแม่ครึ่งหนึ่ง เราจะเห็นว่า ลูกมีทั้งส่วนเหมือน และส่วนที่ไม่เหมือนพ่อเพราะว่ากรรมพันธุ์ในพ่อเพียงครึ่งเดียวที่ถ่ายทอดไปยังลูก ดังนั้น ลูกจึงมีส่วนเหมือนพ่อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และในทำนองเดียวกัน ลูกมีส่วนเหมือนแม่เพียงครึ่งเดียวด้วย

ที่จริงลักษณะบางอย่างในลูกอาจไม่เหมือนพ่อและแม่เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ตามหลักพันธุกรรมซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อๆ ไป

ไข่ เชื้ออสุจิ มีสารพันธุกรรม ครึ่งเดียว

เป็นเรื่องน่าพิศวงที่ไข่ซึ่งเป็นเม็ดกลมเหมือนลูกบิดเลียด แต่มีขนาดเล็ก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งในสิบของมิลลิเมตรเท่านั้น (คือมาองด้วยตาเปล่าไม่เห็น) จะสามารถบรรจุสารพันธุกรรมครึ่งหนึ่งของสารพันธุกรรมทั้งหมด ซึ่งจะควบคุมลักษณะทั้งหมดของร่างกายและจิตใจของเราแต่เชื้ออสุจิยิ่งน่าพิศวงหนักขึ้นไปอีก เพราะมันมีขนาดเพียงหนึ่งในห้าสิบส่วนของไข่เท่านั้นเอง มันก็มีสารพันธุกรรมบรรจุอยู่มากเท่ากับไข่เหมือนกัน

ครึ่งหนึ่งของสารพันธุกรรมในพ่อ จะถูกบรรจุเข้าไปในเชื้ออสุจิแต่ละตัว และครึ่งหนึ่งของสารพันธุกรรมในแม่ จะถูกบรรจุลงในไข่แต่ละใบ เมื่อเกิดการผสมพันธุ์ของเชื้ออสุจิกับไข่ ผลลัพธ์ก็คือ เซลล์ที่มีสารพันธุกรรมครบถ้วน ที่จะเจริญเป็นคนต่อไป ถ้ามีเหตุทำให้สารพันธุกรรมนี้มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ทารกนั้นก็อาจจะเกิดออกมาเป็นคนพิกลพิการหรือปัญญาอ่อน หรือถ้าความพิกลพิการรุนแรงมาก ก็อาจแท้งออกมาก็เป็นได้

การถ่ายทอดพันธุกรรมจึงเป็นไปโดย พ่อถ่ายทอดสารพันธุกรรมครึ่งหนึ่งเข้าสู่เชื้ออสุจิ แม่ถ่ายทอดสารพันธุกรรมครึ่งหนึ่งเข้าสู่ไข่ ไข่และเชื้ออสุจิผสมพันธุ์กัน ได้ผลลัพธ์ที่จะเจริญเติบโตเป็นทารกที่มีพันธุกรรมเหมือนแม่ครึ่งหนึ่งและพ่อครึ่งหนึ่ง

ข้อมูลสื่อ

5-016
นิตยสารหมอชาวบ้าน 5
กันยายน 2522
นพ. วิจารณ์ พานิช