• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

จะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ท้อง’

จะรู้ได้อย่างไรว่า ‘ท้อง’

“ทราบได้อย่างไรคะหมอว่า หนูมีท้องหรือเปล่า”

เอ๊ะ! ถามแปลก...ก็คนเรามีท้องกันทุกคนแหละครับ

อ๋อ...หมายถึงว่า ตั้งท้องหรือเปล่าครับ ?

ครับ คำถามเช่นนี้ ผมได้ฟังบ่อย ก็เลยถือโอกาสเอาง่ายๆ เขียนลงใน “หมอชาวบ้าน” ให้ได้อ่านกันทั่วถึง ใครได้อ่านก็อาจนำมาวิเคราะห์กับตัวเอง หรือจะตั้งตนเป็น “หมอชาวบ้าน” ช่วยวินิจฉัยให้เพื่อบ้านซะเลย ก็อาจจะเข้าทีเหมือนกันนะคุณ

เอาละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มต้นเรียนวิธีการวิเคราะห์ว่า ตั้งท้องหรือไม่...พร้อมแล้วใช่ไหมครับ

ประการที่หนึ่ง ท่านว่า ใครก็ตาม ถ้าหากสงสัยว่าจะท้อง ควรจะมีอาการดังต่อไปนี้บ้าง ไม่ข้อใดข้อหนึ่ง หรือทั้งหมดก็ไม่ว่า

1. การขาดประจำเดือน ประจำเดือนที่เคยมาอยู่สม่ำเสมอ เกิดหายหน้าหายตาไป อาทิตย์ก็แล้ว สองอาทิตย์ก็แล้ว...เดือนหนึ่งก็แล้ว ประจำเดือนยังเฉย ก็พึงสังวรไว้เลยว่า อาตมาท้องแล้วก็ได้

2. มีอาการแพ้ท้อง ใครที่ไม่เคยท้อง อาจจะไม่รู้ว่า อาการแพ้ท้องนั้นเป็นฉันใด บอกให้ก็ได้ โดยส่วนมากแล้ว อาการดังกล่าวมักจะเป็นวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน โดยมากอาจเป็นตอนเช้าๆ หรือบางคนตลอดทั้งวัน บางคนเป็นน้อย บางคนเป็นมาก ถึงกับต้องหามไปนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล ฉะนั้น ใครผู้ใดที่เป็นผู้หญิงประตำเดือนขาด ตื่นเช้ามา มีอาการอ้วก โอ้กอ้าก แล้วละก้อ ท่านว่าให้สงสัยเอาไว้ก่อน...เอ้า เก๊าะสงสัยว่า จะตั้งท้องละสิครับ

อาการแพ้ท้องมิได้จบลงแค่นี้ บางคนมาในรูปแปลก ของที่เคยชอบกลับเกลียด ของที่เกลียดกลับชอบ ของที่เขาไม่กินกลับตาละปัดมาพิศสวาท อย่างเช่น ภรรยาแพ้ท้อง เห็นหน้าสามีทีไร เป็นอ้ากใส่ทุกทีเห็นหน้าเป็นเหม็นว่างั้นเถอะ...นี่ของเคยชอบกลับกลายเป็นไม่ชอบซะแล้ว...ปลาร้าปลาเจ่า ตอนยังไม่ท้อง พอได้กลิ่นพาลจะอ้วก แต่พอตั้งท้องกลังร้องเรียกหา อย่างงี้ก็มี...ของบางอย่างคนเขาไม่กินกัน อย่างเช่น ขี้เถ้า ยังงี้ ผมยังงี้ เกิดแพ้ท้องขึ้นมา เห็นเป็นของอร่อยไปเสียฉิบ ของเหล่านี้ท่านว่า ถ้าพบถ้าเห็นให้คอยจ้องไว้ให้ดี คงไม่หนีที่จะเป็นแม่เด็กแน่แท้

3. เต้านมเต่งตึงขึ้น ใครที่เคยมีหน้าอกเล็ก ขนาดขนมครก ไข่ดาว ไข่เจียว อะไรก็ตามแต่ จะรู้สึกแปลกใจขึ้นว่า ระยะนี้เป็นยังไงกันนักหนา...หรือว่า พระอินทร์ที่ไหนมาโปรด ที่มาช่วยเสริมสร้างทรวดทรงตรงอกให้บึ้บบั้บขึ้นมา...มิได้ครับคุณ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงธรรมดา ธรรมชาติของคนที่ตั้งท้อง หลังจากคลอดแล้ว ลูกหย่านมแล้วมันก็จะกลับเล็กลงอีก แต่ก็ยังดีที่ยังไง ก็ยังโตกว่าดั้งเดิม

อีกประการหนึ่ง ที่ควบคู่มาในระยะแรกเริ่มที่ประจำเดือนขาด ก็คือ ปวดเจ็บบริเวณเต้านมทั้งสอง เจ็บตึงๆ คล้ายนมคัดอ่อนๆ เขาว่ากันอย่างนั้นนะครับ ตัวผมเองไม่เคยชักที

4. ปัสสาวะบ่อย ประจำเดือนไม่มา แต่กลับปัสสาวะบ่อยขึ้น ธรรมดาปกติวิสัย 3-4 ครั้ง ตอนกลางวัน 1-2 ตอนกลางคืน มาระยะนี้ มันแปลกที่ปัสสาวะถี่ขึ้นกว่าเก่า ดังนี้ อย่าได้แปลกใจไปเลยครับ...คุณกำลังตั้งท้องน่ะ...ผมว่าให้สงสัยไปก่อน ทำไมหรือครับ คนท้องต้องฉี่บ่อยขึ้น เพราะไตทั้งสองข้างบั้นเอวของคุณมันทำงานมากขึ้นนั่นเอง...ผลิตฉี่มากขึ้นว่างั้นเถอะ และอีกประการหนึ่ง มดลูกของคุณเมื่อขยายตัวโตขึ้น มันจะทับบนกระเพาะปัสสาวะอย่างหนีไม่พ้น กระเพาะปัสสาวะเคยบรรจุฉี่ได้มาก ก็จะบรรจุได้น้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องถ่ายทิ้งกันบ่อยหน่อยใช่ไหมครับ

5. ท้องโตขึ้น แทบจะไม่ต้องอธิบายกันเลย เรื่องท้องโต หรือท้องป่อง มดลูกโตขึ้นตามวันและเวลา มันก็จะดันท้องให้ป่องออกมา มีบางคนเสียอีก ไม่ได้ตั้งท้องอะไรกับเขาหรอก แต่ประสาทว่างั้นเถอะครับ อยากมีลูกเต็มแก่ เพราะความอยากได้ลูกนี่แหละครับ เกิดอุปทานประจำเดือนขาดไป พร้อมกับท้องโตได้ โตวันโตคืนชะด้วย และบางคนมีความรู้สึกว่า มีเด็กดิ้นกุ๊กกิ๊กอยู่ข้างในด้วย พอแพทย์ตรวจร่างกายดีแล้ว บอกว่า “ท้องลม” เท่านั้นแหละครับ ท้องที่เคยป่องก็ยุบแฟบลงทันตาเห็น จากนั้นไม่นานประจำเดือนก็หลั่งไหลออกมา...เป็นงั้นไป

อย่างไรก็ดี ประจำเดือนขาด ท้องป่องออกมา ให้สงสัยว่าตั้งท้องไว้ก่อนแหละครับ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง

6. มีความรู้สึกว่าเด็กดิ้น ครับ เด็กดิ้นอยู่ในท้อง มิได้หมายความว่า เด็กข้างบ้านหรือเด็กในบ้านนอนดิ้นไปดิ้นมา แล้วหมายถึงว่า คุณท้อง

และก็ไม่ควรมีความรู้สึกว่า เด็กดิ้น ก่อนตั้งท้องได้สี่เดือนครึ่งหรือห้าเดือนแรก หรือก่อนสี่เดือนในหลังท้อง ถ้าจะถามว่าเด็กดิ้นจังหวะอะไร ดิสโก้ ร็อค หรือ แทงโก้ ผมก็บอกได้ว่า ไม่ใช่จังหวะอะไรทั้งนั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหว แขน ขา ของเด็กเป็นธรรมดา นอนงอมืองอเท้า อยู่ในโพรงแคบๆ ก็ยอมมีการเมื่อยกันบ้าง น่าเห็นใจ อยู่ในโพรงมดลูก เด็กไม่ตื่นก็หลับ มีอยู่สองอย่าง ถ้าหลับเด็กก็เฉย พอตื่นก็ขยับแข้งขยับขาให้คุณรู้สึกตุ๊บๆ จั๊กจี้ดีเหมือนกัน จะดิ้นมากดิ้นน้อย ไม่สำคัญขอให้ดิ้นเป็นใช้ได้ และสม่ำเสมอ มิใช่ว่าอยู่ดีๆ เกิดดิ้นขึ้นมาเหมือนปลาซ่อนถูกทุบหัว อย่างนี้ผิดปกติแน่ๆ ครับ เอาละ เป็นอันว่า ความรู้สึกว่าเด็กดิ้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยแสดงว่า คุณอาจจะตั้งท้อง...อาจจะ...ผมใช้คำนี้ ก็ในเมื่อความรู้สึกของคุณอาจผิดพลาดก็ได้ ก็อย่างนี้ ผมยากตัวอย่างให้ฟังตอนแรกแล้วว่า ใน “ท้องลม” บางคนยังมีความรู้สึกว่า เด็กดิ้น ทั้ง ๆที่ไม่มีเด็กอยู่เลย...ก็อย่างว่าแหละครับ จะเอาอะไรแน่กับมนุษย์อึเหม็นอย่างเรา

ประการที่สอง ท่านว่าใครผู้ใดมีอาการแสดงดังต่อไปนี้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเนื่องจากการตั้งท้อง อาการแสดง ที่เห็นได้ชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ก็หนีไม่พ้นอวัยวะที่เกี่ยวกับคุณผู้หญิงโดยตรง นั่นคือ เต้านมและมดลูก เปลี่ยนแปลงอะไรให้เรารู้หรือ ขอเชิญรับทราบได้เลยครับ

1. เต้านม ในระยะแรกเริ่ม หรือท้องอ่อนๆ จะพบว่า บริเวณเต้านมทั้งสองผิวหนังเต่งตึงมองเห็นเส้นเลือดชัดเจนขึ้น หรือเดิมมองไม่เห็นเลย ก็จะมองเห็นเมื่อคุณตั้งท้อง รอบๆ หัวนมจะมีสีคล้ำขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งหัวนมเองด้วย นอกจากนี้รอบๆ หัวนมจะเห็นมีเป็นเม็ดๆ เล็กๆ เกิดขึ้นหลายเม็ดด้วยกัน คุณๆ เห็นแล้วก็อย่าได้ไปเกามันเชียวละครับ มันไม่มีอันตรายกับคุณหรอก เดี๋ยวจะคิดว่าเป็นโรคผิวหนัง

เมื่อท้องแก่ขึ้น เต้านมทั้งสองก็จะโตขึ้น เตรียมตัวที่จะเป็นโรงงานผลิตนม เพื่อลูกน้อยต่อไป มีเหมือนกันที่ท้องได้ไม่กี่เดือน น้ำนมเกิดไหลออกมา คุณก็อย่าตกอกตกใจไป ของมันเกิดกันได้ บางคนอาจมีลายเกิดขึ้นได้บริเวณหน้าอก โดยเฉพาะที่เต้านมทั้งสอง ลายที่ว่ามันก็ประเภทเดียวกันกับท้องลายนั่นแหละครับ อย่าได้ไปสนใจกับมันมากเลย รู้ว่าท้องแล้ว ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ก็พอแล้ว เมื่อคลอดแล้วมันก็จะจางไปเอง

2. มดลูก ในระยะของการตั้งท้อง หมายถึงว่า มดลูกยังโตไม่มาก...พูดง่ายๆ ว่า ยังไม่ทำให้ท้องโต...อันนี้ต้องอาศัยมือแพทย์ เป็นคนบอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ครับ...ถ้ามองกันตั้งแต่ปากมดลูก จะเห็นว่า สีของมันจะคล้ำมากกว่าปกติ อาจเป็นตัวสีม่วงเลยทีเดียว รวมถึงช่องคลอดด้วย ปากมดลูกจะนุ่มกว่าธรรมดาอย่างชัดเจน ตัวมดลูกก็จะนุ่มมือ ขณะคลำๆ อยู่อาจจะเปลี่ยนเป็นแข็งไปเลยก็ได้ เพราะมีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก แต่ลูกที่เคยมีลักษณะเหมือนชมพู่ ก็จะเปลี่ยนรูปร่างมาเป็นละมุดฝรั่ง คือ จะกลมขึ้น ขนาดของมดลูกหรือครับ...อ๋อ แน่นอน ต้องโตขึ้นกว่าเก่าแน่...จากมือผู้ชำนาญ สามารถบอกได้ว่า โตแค่นี้ ควรจะท้องกี่เดือน โตแค่นั้น ท้องได้กี่สัปดาห์

เมื่อเวลาผ่านไป...สามเดือน หรือหลังจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย คุณก็จะสามารถคลำส่วนของมดลูกได้จากหน้าท้องของคุณเอง จากนั้น ท้องคุณก็จะโตวันโตคืน จนโย้และจนคลอดในที่สุด นั่นแหละจึงจะยุบ ท้องได้สักเจ็ดเดือน คุณก็อาจสามารถคลำชิ้นส่วน อาจเป็น แขน ขา...ของลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ชัดเจนหรอกครับ...ถ้าให้หมอคลำดูอาจแน่นอนกว่าและก็อาจบอกได้ว่าไหนคือ หัว ไหนคือหาง...เฮ้ย...กัน ของเด็กเด็กเอาหัวลง หรือเอาก้นลง เป็นส่วนนำที่จะสู่อุ้งเชิงกรานเหล่านี้ คลำได้รู้ได้โดยไม่ยากนัก ถ้าหากคุณไม่อ้วนน้ำหนักเหยียบร้อยกิโลกรัม

การดิ้นของเด็กในท้อง ดังกล่าวแล้วข้างต้น ท้องแรกเริ่มดิ้นช้าหน่อย ประมาณ 5 เดือน ส่วนท้องหลัง เคยมีประสบการณ์มาแล้ว ทำให้ความรู้สึกเด็กดิ้นไว้ขึ้นกว่าเดิมบ้างก็ไม่มากนัก แค่ 2-3 อาทิตย์เท่านั้นเอง จากนั้น เด็กก็จะดิ้นเรื่อยไป ไม่เลือกเวลา ดิ้นจนแม่รำคาญในบางครั้ง จะห้ามก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร แต่ผมว่าให้ดิ้นไว้นั่นแหละดี แกหยุดดิ้นไปเฉยๆ มันไม่โสภาเท่าไรหรอกนะจะบอกให้

เจ็ดเดือนล่วงแล้วของการตั้งท้อง ถ้าหากจะฟังการเต้นของหัวใจเด็ก ก็พอจะฟังได้แล้ว...ตุ๊บตั๊บๆ เร็วจี๋ ประมาณ 140-160 ครั้งต่อนาที พูดถึงการเต้นของหัวใจ ทำให้นักเดาบางคนเอามาเป็นความเชื่อว่า ถ้าเร็วละก้อ เป็นเพศหญิง ถ้าช้าหน่อยเป็นเพศชาย...ผมเองไม่ทราบหรอกครับ คลอดแล้วนั่งแหละถึงจะรู้ว่าเพศไหนกันแน่น ไม่เพศหญิงก็เพศชายอย่างใดอย่างหนึ่งนี่แหละ นานๆ จะออกให้หมองซะที เพราะดูแล้วดูอีกก็ไม่รู้ว่าจะเอาเพศไหนกันแน่ แบบนี้ก็มีเหมือนกันนะครับ

ประการที่สาม ทีนี้ก็มาถึงขั้นการตรวจกันละครับ เอากันให้แน่ขึ้นไปอีกไปว่างั้นแหละ

ใช้เครื่องมือเอ็กซเรย์ ถ้าผลออกมา เห็นตัวเด็กในฟิล์ม มันก็แหงๆ แต่มิใช่ว่าจะถ่ายได้ทุกระยะของการตั้งท้อง ก็หาไม่ และความปลอดภัยต่อตัวทารก ก็ยังไม่แน่นอน เราจึงไม่นิยมใช้เครื่องมือเอ๊กซเรย์ในการตรวจว่าท้องหรือไม่ แต่จะใช้ตรวจต่อเมื่อดูว่า มีอะไรผิดปกติในการตั้งท้องหรือไม่เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เป็นการตั้งท้องแฝดหรือเปล่า หรือว่าแขน ขา ศีรษะเด็กอยู่เป็นปกติสุขดีหรือ หรือว่าเด็กเอาหัวหรือก้นเป็นส่วนนำอะไรทำนองนี้ เราจึงจะใช้เอ๊กซเรย์ การที่จะใช้บอกว่า ท้องหรือเปล่าคงไม่คุ้มกัน

นอกจากเอ๊กซเรย์ ในปัจจุบัน วิทยาการก้าวหน้า มีเครื่องมือใหม่ๆ แปลกๆ ออกมาเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น การใช้คลื่นเสียง มาประยุกต์เป็นเครื่องมือตรวจ เป็นต้น

ทีนี้ หันมาดูวิธีการตรวจ ทางห้องทดลองดูบ้างว่า เขามีวิธีการตรวจกันอย่างไร

ว่ากันแล้ว เป็นกรรมของสัตว์ที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือทดลองของมนุษย์เรา...สัตว์เล็กเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่เป็นธรรมดา... สัตว์โง่เป็นเหยื่อของสัตว์ฉลาด ก็ธรรมดาอีกนั่นแหละ ถือว่าสัตว์หลายชนิดต้องกลายเป็นเครื่องทดลองของมนุษย์ไป อย่าหนีไม่พ้น...หนูตะเภาที่ชอบเอ่ยถึงกันเอย... กระต่ายเอย... แกะเอย ม้าเอย...ลิงเอย และแม้แต่มนุษย์เอง บางครั้งก็หนีไม่พ้นเป็นเครื่องมือทดลองไปได้

ที่อารัมมาพอหอมปากหอมคอ ก็ไม่ได้อะไรอื่น กำลังจะเล่าถึงการใช้ประโยชน์ของสัตว์บางอย่างมาเป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยการตั้งท้องนั่นเอง

หนู หนูที่ใช้ไม่ใช่หนูตะเภา หนูนาหรือหนูตามท่อเทศบาลนะครับ แต่เป็นหนูขาวตัวเล็ก...หรือหนูถีบจักร ถ้าคุณเคยรู้จักนั่นแหละครับ หนูตัวเล็กๆ และต้องเลือกเอาเฉพาะหนูวัยเด็กเท่านั้นนะ ถ้าเป็นคนก็ยังไม่เป็นสาวว่างั้นเถอะ...อ้อ ลืมบอกไปว่า หนูตัวผู้ไม่เอานะ...ก็โชคดีไปสำหรับเพศผู้...อายุอานามของหนูที่ใช้ก็ประมาณ 21 วันเท่านั้น

เขาทำกันอย่างไร หนูจึงจะยอมบอกว่าคุณท้องหรือไม่ท้อง...อ้า! ต้องมีวิธีการครับ มันถึงยอมบอก

ไม่ยากหรอกครับ เพียงเอาฉี่ขิงคุณๆ ที่สงสัย ไม่ต้องมากแค่ครึ่งซี.ซี. หรือน้อยกว่านั้น ฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูน้อยผู้น่าสงสาร...และเพื่อความแน่นอนยิ่งขึ้น เขาจะไม่ใช้หนูเพียงตัวเดียว แต่จะใช้ 4-5ตัว...สงสัย พวกนี้ทำกรรมไว้มาก การฉีดยา...เอ๊ย ไม่ใช่...ฉีดฉี่เข้าใต้ผิวหนังของหนู ทำกันวันละ 2 ครั้ง ฉีด 5-6 เข็มก็พอแล้ว...เท่านี้หนูก็ระบมไปทั้งตัวแล้วละครับ...เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะหนูยังไม่ยอมบอกว่าคุณท้องหรือเปล่า...ถามเท่าไร ก็ไม่ยอมบอก...ทำไงละครับ...ต้องฆ่ากันซิครับ ก็อยากไม่บอกนี่...ให้เวลาเกือบ 4 วัน เมื่อไม่ยอมบอกมันก็เลยถูกฆ่าตาย...อ๋อ คำตอบอยู่ตรงนี้เองครับ ต้องฆ่าหนูตายทั้ง 5-6 ตัวนั้น แล้วเอารังไข่ของมันมาดู เราก็จะรู้ได้ทันทีว่า ท้องหรือไม่ท้อง ส่วนวิธีดูให้รู้นั้น ผมขออุบไว้ก่อน...ไม่บอก เกรงว่าเมื่อคุณๆ รู้แล้ว เดี๋ยวพวกหนูๆ ทั้งหลายจะพลอยลำบากไปตามๆ กัน

กระต่าย นี่ก็เป็นสัตว์ที่ซวยอีกเหมือนกัน...น่าสงสาร...เพราะต้องตาย...สละชีวิตเพราะความอยากรู้ของมนุษย์ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง

กระต่าย...ก็ต้องเป็นกระต่าย ตัวเมียนั่นแหละ และกระต่ายตัวผู้ก็สบายอีกตามเคย

กระต่ายก็ต้องใช้วัยกระเดาะด้วยนะ !

พิธีการเริ่มด้วย จับกระต่ายที่ว่ามา...ขังเดี่ยว...โดยที่หาความผิดกับมันไม่ได้...แต่มันก็ต้องถูกขังเดี่ยว ด้วยเหตุผงที่ว่า ไม่ให้มันได้เห็นได้สัมผัสกับสิ่งเร้ากามารมณ์...กลัวว่าจิตใจมันจะไม่สงบ ขังอยู่นานตั้ง 14 วันแหนะครับ แต่มันก็ดีเป็นบ้า ไม่เห็นมันทุกข์ร้อนอะไรเลย มันคงไม่รู้หรอกว่า คำตัดสินพิพากษาที่รออยู่ข้างหน้าเป็นเช่นไร

พอครบสองสัปดาห์ เขาก็เอายาฉีดให้มัน 1 เข็ม เปล่าหรอก มิใช่บำรุงอะไรหรอกครับ แต่เขาเอาฉี่ของคุณที่สงสัยว่า ท้องหรือเปล่านั่นแหละ มาฉีดให้มันดีใจเล่นคิดว่าเป็นยาชูกำลัง ฉีดเข้าเส้นตั้ง 10 ซี.ซี. เมื่อฉีดเสร็จแล้ว เขาก็รอคำตอบจากมัน เป็นเวลา 2 วัน ทั้งๆ ที่มันไม่รู้ว่า มันต้องสารภาพอะไร เพราะมันมิได้ทำผิดมาก่อนเลย...อาจจะเป็นความผิดของมันที่เกิดที่เป็นกระต่าย...ดังนั้น ในที่สุดของเวลา ก็ไม่มีคำตอบ มันจึงต้องถูกประหารชีวิตครับ...มันเสียสละชีวิตเพื่อความอยากรู้ของมนุษย์

เมื่อกระต่ายตายแล้ว ความลับว่า คุณท้องหรือไม่ท้อง ก็จะออกมา คำตอบอยู่ที่รังไข่ทั้งสองของมันนั่นเอง

3. คางคก ในที่นี้ ตามตำราบอกว่า ต้องเป็นคางคกในอาฟริกาใจเท่านั้นนะ และต้องเป็นคางคกตัวเมียที่อยู่ในวัยสาวด้วย จึงจะใช้ได้ คางคกไทยเลยรอดตัวไป แต่เปล่าหรอก คางคกไทย...ถ้าคุณอ่านต่อไป ก็จะพบว่า คางตกก็มีโอกาสคางเหลืองเป็นวีรชนได้เหมือนกัน

มาถึงช่วงนี้ คุณคงสงสัยซินะว่า คางคกอาฟริกาใต้มันจะบอกความลับ...ว่าท้องหรือไม่...ได้อย่างไร ตามผมมาซิครับ

สมมติว่า ได้คางคกมาเรียบร้อยแล้วจากอาฟริกาใต้โน่น ต้องดูให้ดีนะครับว่า เป็นคางคกตัวเมียซึ่งกำลังอยู่ในวัยสาว ได้คางคกแก่ๆ มาก็เหนื่อยเปล่า

จากนั้นก็เอาฉี่ของผู้ต้องการรู้ว่าท้องหรือไม่ มาทำให้สะอาดปราศจากเชื้อโรค ทำให้เข้มข้นหน่อย ไม่ต้องมากขอแค่ 2 ซี.ซี. เป็นพอ เอามาฉีดเข้าบริเวณเป็นตุ่มๆ ที่น่าเกลียด บนหลังคางคกนั่นแหละ คางคกตัวเดียว เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่นอน เชื่อไม่ได้ ต้องหาคางคกมาให้พอ สัก 2-3 ตัว ฉีดฉี่เข้าตุ่มที่หลังเหมือนกันทุกตัว

ขั้นต่อไป ก็เอาคางคกทั้งหมดไปใส่ในขวดโหล แยกกันขวดละตัวนะครับ เดี๋ยวมันมัวจะกัดกันจนไม่มีเวลามาบอกผลให้กับคุณว่า คุณท้องหรือไม่ท้อง ในขวดโหลก็ต้องใส่น้ำไว้พอประมาณ ไม่ต้องมาก

เปล่าหรอกครับ น้ำในขวด เขามิได้ตั้งใจเอาไว้ให้กบอาบ กินหรอกครับ แต่เอาไว้ทำไม เดี๋ยวผมจะบอกให้ เหนือน้ำขึ้นมาหน่อย เขาทำเป็นตะแกรงเอาไว้ให้คางคกได้นั่ง ได้นอน หรือจะเดินก็ตามแต่จะสะดวก เป็นอันว่าคางคกได้อยู่เหนือน้ำ พอจะนึกภาพออกหรือเปล่าครับ

เมื่อจับคางคกใส่ขวดเรียบร้อย... คางคกที่ฉีดฉี่เข้าหลังแล้วนะครับ อย่าลืม...จากนั้นคุณก็ร้องเพลงรอไปก่อน หรือจะไปดูหนังสักสองสามรอบ เห็นว่าทิ้งคางคกไว้นานกว่า 6 ชั่วโมงแล้ว ก็หวนกลับมาดูใหม่ มองไปในน้ำที่ก้นขวดโหลก่อนอื่น... คุณเคยเห็นไข่คางคกหรือเปล่าครับ เอาละถ้าไม่เคย ไข่กบละเคยเห็นไม๊ ว๊า! ถ้าไม่เคยอีก ก็เป็นแมงรัก เอ๊า...นั่นแหละครับ ถ้าหากว่าคุณเอาฉี่คนท้องมาตรวจ แล้วละก้อ ไม่เกิน 24 ชั่วโมง คางคกจะไข่ออกมาให้เห็น ถ้าเป็นฉี่ธรรมดา...คางคกจะเฉย เป็นไงครับ พอเข้าใจหรือเปล่าครับคุณ...ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ...ถึงอย่างไรคุณกับผมก็คงไม่บ้า พอจะไปเสาะหาอีคางคกถึงอาฟริกาใต้โน่น เพราะเรามีวิธีที่ดีกว่านี้อีก เชิญอ่านต่อไปเถอะครับ

ดังกล่าวแล้วข้างต้นว่า ก็มีบทบาทมาช่วยคนในชาติได้เหมือนกัน ไม่ต้องใช้คางคกอาฟริกาใต้ให้ลำบาก แม้แต่กบก็ใช้ได้เหมือนกันครับ

นับว่าเป็นโชคดีของคางคกตัวเมีย หรือกบตัวเมียไทยอย่างยิ่ง เพราเราหันมาใช้ตัวผู้แทน ตัวเมียเลยไม่ต้องมาลำบากกับความอยากรู้ของมนุษย์เรา คางคกตัวผู้จะบอกกับคุณได้อย่างไรว่า ท้องหรือไม่ท้อง ต้องมีพิธีรีตองกันนิดหน่อย

ประการแรก คุณต้องหาคางคกตัวผู้วัยหนุ่มฉกรรจ์ 2-3 ตัว จากนั้นก็เอาฉี่ที่เตรียมไว้อย่างสะอาดและเข้มข้นจากหญิงสาวที่ต้องการตรวจว่า ตั้งท้องหรือไม่ ไม่ต้องมากแค่ 2 ซี.ซี. ฉีดเข้าตุ่มหลังบนหลังคางคกที่ช่วยกันจับมา จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ในคางคกตัวเมียที่ผ่านมาข้างต้น มีไข่ตกถ้าหากฉี่นั้นมาจากคนท้อง ทีนี้ในคางคกตัวผู้ คุณพอจะเดาได้ไหมครับว่า จะมีอะไรออกมา...อ๋อ! ใช่แล้ว เชื้ออสุจิครับ 2-6 ชั่วโมง หลังจากฉีดฉี่แล้ว คุณก็คอยดูได้ว่า เจ้าคางคกมันหลั่งน้ำอสุจิออกมาหรือไม่ ถ้าหลั่งออกมาเจ้าของฉี่นั้นท้อง แต่ถ้าเจ้าคางคกยังคงยิ้มเฉยอยู่ ก็เป็นอันว่าไม่ท้อง ถ้าหากอยากมีลูกก็ต้องเหนื่อยกันต่อไป แต่ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ก็สบายไป และคราวหน้าคราวหลัง คุมกำเนิดให้ดี...ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเกรงว่า คางคกมันจะเดือดร้อนอีกน่ะซี

มาถึงยุคปัจจุบันนี้ วิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมาก นับว่าเป็นโชคดีของหนูๆ ทั้งหลาย รวมทั้งกระต่ายและคางคกด้วย ที่ไม่ต้องมาลำบากลำบนกับความอยากรู้ของพวกมนุษย์อีก...ทำไมหรือครับ... ก็เพราะว่าสมัยนี้มีวิธีการตรวจการตั้งท้องที่ทันสมัย ไม่ต้องมีใครเจ็บตัว

ข้อมูลสื่อ

7-016
นิตยสารหมอชาวบ้าน 7
พฤศจิกายน 2522
อื่น ๆ
นพ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ