• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กวัยหนึ่งขวบถึงขวบครึ่ง

เด็กวัยหนึ่งขวบถึงขวบครึ่ง

สภาพผิดปกติ

259. ไม่ยอมกินข้าว

มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ชอบบ่นว่า ลูกไม่ยอมกินข้าว เมื่อถามว่าอยากให้ลูกกินข้าวมากสักแค่ไหน คำตอบก็คือ ตามตำราบอกว่า เด็กวัยนี้ต้องกินข้าวถ้วยครึ่ง หรือว่าเด็กข้างบ้านเขากินตั้งสองชาม แต่ลูกของตนควรกินข้าวเท่าไรจึงจะพอดีนั้นคุณแม่มักไม่รู้ เด็กบางคนกินข้าวเพียงมื้อละครึ่งถ้วย แต่น้ำหนักเพิ่มเฉลี่ยวันละ 5 กรัม ซึ่งก็นับว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเด็กคนนั้น (แต่ช่วงฤดูร้อนเด็กไม่ค่อยยอมกิน น้ำหนักจึงลดลง) ถ้าลูกคุณเป็นเด็กที่กินน้อยมาตั้งแต่เกิด ถึงจะอายุเกิน 1 ขวบ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ถ้าแกยังกินน้อยอยู่

สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เด็กไม่กินข้าวก็เพราะคุณแม่บังคับ การบอกเด็กทุกวันว่า ถ้าไม่กินข้าวจะไม่ยอมให้ลงจากเก้าอี้ จะทำให้เด็กเกลียดข้าว ถ้าคุณแม่คิดว่าลูกตัวเล็กเกินไป จึงบังคับให้กินข้าวเพื่อจะได้โตขึ้นล่ะก็ เป็นความคิดที่ผิด เพราะเด็กตัวเล็ก ต้องการอาหารโปรตีนจำพวกเนื้อสัตว์ นม ปลา มากกว่าข้าว

ช่วงต้นฤดูร้อน หากเด็กที่ปกติกินอาหารได้ดี เกิดไม่ค่อยยอมกินข้าวและอารมณ์ไม่ดี ขอให้นึกถึงโรคตุ่มเม็ดพองในปาก (ดู 185 โรคตุ่มเม็ดพองในปาก “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 48) ถ้าปากมีกลิ่นและน้ำลายไหลย้อยละก็ใช่แน่

260. ไม่อ้วน

คุณแม่ส่วนใหญ่คิดว่าเด็กยิ่งอ้วนยิ่งแข็งแรง ถ้ายังชูมือขึ้นแล้วเห็นซี่โครงถนัดจนนับได้ละก็ คุณแม่จะบ่นว่าลูกฉันผอมจนเห็นซี่โครง การประกวดสุขภาพเด็กซึ่งสนับสนุนโดยบริษัทผลิตนม และยกย่องให้เด็กที่กินนมเก่งจนอ้วนตัวกลมเป็นเด็กสุขภาพดี ทำให้บรรดาคุณแม่ทั้งหลายพากันเข้าใจว่าเด็กอ้วนดีกว่าเด็กผอม ถ้าอยากจะดูว่าความอ้วนเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายมากน้อยแค่ไหน ก็ขอให้ดูมวย นักมวยเก่งๆ นั้นไม่มีคนอ้วน นักมวยคนไหนท้องยื่นออกมานิดเดียว โดนต่อยท้องเมื่อไรลงไปกองทันทีไม่มีพลัง

วัยเด็กเป็นวัยสร้างพลังเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นเด็กไม่ควรจะอ้วน เด็กน้ำหนักเพิ่มเพียงปีละ 2 กิโล แต่ตัวยืดยาวขึ้นถึง 9 ซ.ม.จะทำให้อ้วนได้อย่างไร การที่คุณแม่คิดว่าลูกไม่ยอมอ้วนสักที ก็เพราะคุณแม่เห็นลูกไม่ค่อยกินข้าว จึงเหมาเอาว่าที่ไม่อ้วนเพราะไม่ค่อยกินข้าว อันที่จริงเด็กไม่กินข้าว เพราะไม่ต้องการน้ำตาลมาก ซึ่งจะทำให้อ้วนเกินไปออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ และที่น่าสังเวชที่สุดก็คือ คุณแม่ที่พาลูกไปฉีดยาอ้วน หรือกินยาอ้วน เพราะคนที่จะอ้วนคือคนที่ฉีดยาให้ หรือขายยาให้ต่างหาก

261. ไม่ยอมพูด

เด็กบางคนอายุขวบเศษแล้วแต่ยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำ เด็กข้างบ้านอายุเท่ากันหรืออายุน้อยกว่ายังพูดจ๋อยๆ พ่อแม่ของเด็กที่ไม่ยอมพูดก็ชักไม่สบายใจ เป็นห่วงว่าลูกจะปัญญาอ่อนหรือเปล่า ที่จริงการพูดได้เร็วไม่ได้หมายความว่าเด็กคนนั้นฉลาดกว่าเด็กคนอื่นแต่อย่างใด

ถ้าเด็กฟังอะไรได้ยิน และทำกิจกรรมอย่างอื่นได้เหมือนเด็กในวัยเดียวกันละก็ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องระดับสติปัญญา เวลาบอกให้เด็กหยิบหนังสือพิมพ์มาให้ที แกก็หยิบให้ หรือถามคุณพ่ออยู่ไหนแกก็ชี้ให้ดู ก็แสดงว่าเด็กยังไม่พูดแต่หูก็ได้ยิน เด็กผู้ชายที่ไม่ยอมพูดอะไรเลยจนอายุเกือบสองขวบก็มีไม่น้อย

เด็กที่สติปัญญาต่ำถึงขั้นปัญญาอ่อนนั้น เราจะสังเกตเห็นจากกิริยาอื่นๆ ได้ชัดกว่าเรื่องไม่ยอมพูด

ถ้าหากเส้นใต้ลิ้นของเด็กโยงมาถึงปลายลิ้นทำให้เด็กพูดลำบาก การผ่าตัดทำได้ง่ายมาก ควรให้หมอผ่าตัดให้

เมื่อเด็กไม่ยอมพูด สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรสังเกตดูคือ หูของเด็กได้ยินหรือไม่ ถ้าเรียกชื่อแล้วแกหันมาละก็ไม่มีปัญหา การทดสอบด้วยเสียงกลอง หรือเสียงกริ่งนาฬิกาปลุกนั้นไม่แน่นอน เพราะเด็กอาจรู้สึกได้จากความสั่นสะเทือน

เด็กที่หมอเคยบอกว่าเป็นวัณโรคและเคยฉีดยาสเตรปโตมัยซิน หรือเด็กที่เกิดมาเป็นโรคโลหิตเป็นพิษ (Septicemia) ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล ต้องใช้กานามัยซินนั้น หากอายุเกือบขวบครึ่งแล้วยังไม่ยอมพูด ต้องพาไปให้หมอหู-คอ-จมูกตรวจดูอย่างละเอียด ถ้าประสาทหูไม่ดี ต้องรับปรึกษาครูโรงเรียนหูหนวกและรีบฝึกพูดโดยเร็ว

ถึงเด็กจะไม่ค่อยยอมพูด แต่ถ้าแกพูดคำว่า “ไม่” หรือ “เหมียวๆ ” หรือ “จ๋าจ้ะ” ได้คำใดคำหนึ่ง ก็แปลว่าหูของแกได้ยิน และต่อไปจะต้องพูดได้ เวลาเราให้ดูหนังสือภาพและถามว่า “ลูกหมาอยู่ไหนคะ?” หรือ “ไหนรถยนต์คะ?” หากเด็กชี้รูปสุนัขและรถยนต์ได้ ก็แสดงว่าหูไม่เป็นอะไร ถ้าคนในครอบครัวมีมาก และแต่ละคนพูดกับเด็กด้วยภาษาต่างๆ กัน เด็กจะจำภาษาได้ยาก

ถ้าแม่ของเด็กเป็นคนไม่ค่อยพูดเวลาทำอะไรก็ทำเงียบๆ เด็กจะมีโอกาสเรียนรู้ภาษาได้น้อย ควรพูดกับเด็กอยู่เสมอ แต่ความช่างพูดหรือไม่ช่างพูด อาจเป็นกรรมพันธุ์ด้วยก็ได้

262. ยังเดินไม่ได้

เด็กข้างบ้านอายุเพิ่งจะหนึ่งขวบแต่เดินได้แล้ว ลูกเราอายุขวบเกือบจะครึ่งอยู่แล้วยังเดินไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่คงรู้สึกหนักใจ แต่มีตัวอย่างของเด็กที่เดินไม่ได้จนกระทั่งอายุเกินขวบครึ่งอยู่มากมาย และความเจริญเติบโตของเด็กเหล่านั้นก็ปกติดีทุกอย่าง

ถ้าเด็กอายุเกินหนึ่งขวบแล้วยังนั่งไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเด็กเกาะยืนได้และเกาะเดินได้นิดหน่อย แล้วละก็ ต่อไปแกจะเดินได้แน่นอน เวลาอากาศหนาวต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นและยังใส่ผ้าอ้อมหนาเตอะ เด็กหัดเดินได้ลำบาก

เด็กที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 2 กิโล ตอนแรกเกิด ย่อมเดินได้ช้ากว่าเด็กอื่น และในทางตรงกันข้าม เด็กที่อ้วนเกินไปก็เดินได้ช้าเหมือนกัน สมัยนี้ไม่ค่อยมีกรณีที่ว่าเด็กเดินไม่ได้ เพราะกระดูกต้นขาหลุดโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ หรือเป็นโรคกระดูกอ่อนเพราะขาดวิตามินดี

ข้อมูลสื่อ

74-010
นิตยสารหมอชาวบ้าน 74
มิถุนายน 2528