• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคของมนุษย์กับยาไทย

โรคของมนุษย์กับยาไทย

 

มนุษย์เราสถิตย์อยู่บนพื้นพิภพ ตั้งแต่สมัยหินจบจนเท้าแตะบนพื้นดวงจันทร์ ชีวิตที่เคยอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย สมองมนุษย์ได้พัฒนาไปอย่างมากมายจนสามารถผลิตสมองกล เปลี่ยนหัวใจเทียม มีวัคซีนป้องกันโรคต่าง ฯลฯ
อาหารที่เคยขบเคี้ยวสมัยหินเปลี่ยนมาเป็นอาหารสำเร็จรูป สามารถประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ เพื่อความสะดวกสบายและทุ่นแรงได้อย่างมากมาย

ชีวิตที่เคยอยู่ทุ่งโล่งหรือท่ามกลางโขดเขาลำเนาไพร กลายมาอยู่ที่แออัดท่ามกลางป่าที่เรียกว่าป่าคอนกรีต อันตรายกลัวสัตว์ป่า กลับกลายมากลัวภัยมนุษย์ด้วยกันเองและภัยในป่าคอนกรีตที่คร่าชีวิตมนุษย์ไปเสียไม่ใช่น้อย ซึ่งมิใช่โรคแต่เป็นภัยบนท้องถนน
นอกจากนั้นภัยที่กำลังน่ากลัวมากขึ้นทุกวันคือ สภาพแวดล้อมที่กำลังเป็นพิษ และคงค่อย ๆ คร่าชีวิตมนุษย์อย่างไม่รู้ตัว หากมนุษย์ไม่หันมาสนใจสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ

มนุษย์กำลังภาคภูมิใจที่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ แต่ก็หาสนใจไม่ว่า หากไม่มีสิ่งที่ธรรมชาติได้สะสมสร้างไว้ให้แต่เก่าก่อนแล้ว มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะมีอะไรให้ทำลายเช่นทุกวันนี้
หันกลับมาดูยาที่เป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่กำลังถูกทอดทิ้งดูบ้าง...

ยาที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้บ้านเรามี 2 ประเภท ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “ยาโบราณ (ยาไทยและยาจีน)” ประเภทหนึ่ง และ “ยาปัจจุบัน (ยาฝรั่ง)” อีกประเภทหนึ่ง
ในสมัยก่อน เด็ก ผู้ใหญ่ เป็นฝีเป็นหนอง มักใช้ยาสมุนไพรเช่น หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ หัวยั้ง ต้นเหงือกปลาหมอ รากพุดอ รากมะดูก ต้มเคี่ยวให้น้ำงวด เอาน้ำกิน และใช้เปลือกลูกมังคุดหรือเปลือกลูกทับทิมที่ตากแห้งสะอาดฝนกับน้ำปูนใสทาภายนอก ก็ทำให้ฝีหนองหายได้

ต่อมาการรักษาแบบพื้นบ้านโดยเฉพาะในเมืองก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง เพราะยาแผนฝรั่งได้เข้าและมีประสิทธิภาพในการรักษาที่รวดเร็วกว่า แต่โรคดื้อยาก็ติดตามมาในชนบทยังปรากฏว่ามีผู้ใช้ยาไทยแผนโบราณกันอยู่มาก เช่น เป็นหัด อีสุอีใส ยังนิยมใช้ยาไทยกันอยู่ และก็ยังได้ผลดีเสมอมา แม้แต่ในกรุงเทพ ฯ ก็ยังมีผู้ใช้อยู่

ยาที่ใช้แก้หัด อีสุกอีใส ของโบราณนี้เป็นยาหาง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเงินทองแพงมาก มีตัวยา 5 ราก
1.รากชิงชี่
2.รากหญ้านางแดง
3.รากท้าวยายม่อม
4.รากคนทา
5.รากมะเคื่อขุมพร

หนักสิ่งละ 30 กรัม ต้มเคี่ยวให้น้ำงวด ผู้ใหญ่กินมื้อละ 3-4 ช้อนโต๊ะ, เด็กครั้งละ ครึ่ง- 1 ช้อนโต๊ะโดยผสมกับยาเขียว ผู้ใหญ่ผสม 1 ช้อนกาแฟ , เด็ก ครึ่งช้อนกาแฟ กินทุก 4 ชั่วโมง
โรคนี้เป็นโรคมาแต่โบราณ แม้ปัจจุบันจะมีวัคซีนฉีดป้องกันได้ แต่คนที่มีรายได้น้อยก็ยังไม่สามารถที่จะฉีดวัคซีนนี้ป้องกันได้ เพราะราคาแพง โรคนี้ก็ยังจำเป็นที่จะเกิดขึ้นต่อไป}

ถึงยาสมัยใหม่จะมีประสิทธิภาพดี แต่ยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคหัดหรืออีสุกอีใสโดยเฉพาะ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งยังไม่มียาอะไรที่ใช้ฆ่ามันได้ ผู้ที่สนใจก็อาจหายานี้ไว้เพื่อบรรเทาโรคนี้ได้ ถ้าไม่มีโรคอื่นที่แทรกซ้อน
สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเดินไออย่างรุนแรง หอบเหนื่อย ต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะอาการดังกล่าวนั้น หมอโบราณว่า “หัดหลบ” (หมอสมัยใหม่บอกว่าเกิดมีโรคแทรกซ้อน เช่น ท้องเดิน ปอดบวม เป็นต้น )

หัดไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่หัดทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดความต้านทานโรค ผู้ป่วยอาจตายด้วยโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีอาการโรคอื่นแทรกซ้อนยาไทยก็ยังพอใช้ได้อยู่ทุกวันนี้
 

ข้อมูลสื่อ

44-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 44
ธันวาคม 2525
ประเสริฐ พรหมณี