• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กสิบเดือนถึงสิบเอ็ดเดือน

 

 

                                 


 

สภาพผิดปกติ


228.ถนัดซ้าย
คุณแม่จะเริ่มสงสัยว่าลูกคนนี้ถนัดซ้ายหรืออย่างไร เมื่อเด็กอยู่ในวัยนี้เวลาเล่นของเล่น เวลายื่นมือมารับขนมที่คุณแม่ส่งให้ หรือเวลาหยิบช้อน เด็กจะยื่นมือซ้ายมาก่อนเสมอ คุณแม่จึงสังเกตเห็น คนเราจะถนัดซ้ายหรือขวานั้นเป็นมาแต่กำเนิด ไม่ใช่เป็นเพราะใช้แขนซ้ายมากถึงได้ถนัดซ้าย เมื่อคุณแม่เห็นว่าลูกท่าทางจะถนัดซ้าย คงอยากจะแก้ไขโดยพยายามไม่ให้ใช้มือซ้าย แต่หมอไม่เห็นด้วย คนเราจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวามันเป็นสิทธิของคนนั้น คงเป็นเพราะการเขียนหนังสือจะต้องด้วยมือขวา คนจึงพยายาม “ดัดนิสัย” คนถนัดซ้ายให้ใช้มือขวาดังนั้นคนที่เกิดมาถนัดซ้ายจึงมักจะช้ำใจมากในวัยเด็ก เพราะถูกดุว่าในเรื่องไม่น่าโดนดุเลย

นักเทนนิสเอย จิตรกรเอย ศิลปินเอย มีมากมายที่ถนัดซ้าย การเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายไปทางขวาก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้ ไม่เห็นจะต้อง “ดัดนิสัย” กันตรงไหนถ้าหากจะหัดให้เขียนหนังสือด้วยมือขวา เอาไว้หัดตอนเด็กโตเข้าโรงเรียนแล้วก็ได้ ระยะที่คุณแม่สังเกตเห็นลูกถนัดซ้ายนี้แหละ คือช่วงที่มือกำลังทำหน้าที่สำคัญให้เด็ก เด็กใช้มือสัมผัสโลกรอบกายเพื่อเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ คุณแม่ควรสนับสนุนให้เด็กใช้มือ ถ้าไปจับมือข้างที่ถนัดมัดเสียไม่ให้ใช้ ก็เท่ากับมัดจินตนาการสร้างสรรค์ที่เกิดจากมือเด็กไปด้วยไม่ว่าลูกจะใช้มือข้างไหน คุณแม่ควรช่วยให้เด็กได้ใช้มืออย่างถนัดจึงเป็นการสนับสนุนให้เด็กเกิดความอยากทำอะไรต่ออะไรด้วยตนเอง อย่าเพิ่งคิด “ดัดนิสัย” การใช้มือของเด็กวัยนี้เลย


เด็กสิบเอ็ดเดือนถึงหนึ่งขวบ
ลักษณะของเด็ก


229.ลักษณะของเด็กวัย 11 เดือน ถึง 1 ขวบ

เด็กวัยใกล้จะหนึ่งขวบนี้ รู้จักแยกแยะความสัมพันธ์ของบุคคลรอบกายแล้ว ใครเป็นพ่อแม่หรือเป็นคนอื่นคนไหนเคยเห็นหน้าบ่อย คนไหนเป็นคนแปลกหน้า เด็กกำลังก้าวเข้าสู่สังคมของคนรอบ ๆ อย่างเต็มตัว พวกผู้ใหญ่จะรู้สึกว่า เด็กชอบทำอะไรเลียนแบบผู้ใหญ่บ่อย ๆ พอเห็นคุณแม่กำลังเช็ดโต๊ะอาหาร หนูน้อยก็เข้ามาใกล้และเอามือลูบโต๊ะบ้าง เวลาคุณพ่อใช้ค้อนตอกตะปูโป๊ก ๆ หนูก็เอาช้อนเคาะโต๊ะป๊อก ๆ บ้าง เด็กวัยนี้จะดีใจที่สุดเมื่อได้อยู่ในหมู่ของเด็กโตกว่าเล็กน้อยและพวกพี่ ๆ สนใจจะเล่นด้วย ถึงแม้ว่าจะเล่นกันจริง ๆ ยังไม่ได้ แต่ถ้าพี่ ๆส่งของเล่นมาให้ถือ หรือโยนลูกบอลมาให้ หรือช่วยเข็นรถที่หนูน้อยนั่ง หนูจะยิ้มแฉ่งทีเดียวเวลาได้นั่งรถไฟหรือรถโดยสารถ้ามีเด็กอื่นอยู่ใกล้ ๆ หนูจะทำท่าอยากเล่นกับเด็กด้วยกันมากกว่าที่จะสนใจทิวทัศน์นอกรถ เด็กชอบได้รับคำชม โดยเฉพาะเวลาคนรอบข้างยุให้แสดง “ท่าเก่ง” อวดคนอื่น เด็กบางคนพอถูกยุก็ชูมือรำแต้ ให้ผู้ใหญ่หัวเราะด้วยความเอ็นดูเมื่อก่อน เด็กจะไม่ยอมส่งของเล่นให้ใครง่าย ๆ แต่พอวัยนี้ ถ้าคุณแม่แบมือบอกว่า “ขอ” หนูจะยอมส่งของให้เด็กเริ่มเข้าใจว่า คนเราผูกพันกันด้วยภาษาพูด เวลาถูกเรียกหนูจะหันมามอง เมื่อบอกว่า “บ๊าย บายไปละนะ ” หนูก็โบกมือให้

เด็กเข้าใจภาษาพูดขึ้นมาก แต่ยังพูดเองได้เพียงไม่กี่คำ เช่น แม่, ป้อ, จ๋าจ๊ะ, หม่ำ ๆ , ไม่, เจ็บ, ตี ฯลฯ
แต่มีเด็กบางคนซึ่งทั้ง ๆที่เข้าใจเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดเกือบทุกอย่าง แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมพูดสักคำก็มี การที่เด็กพูดได้เร็ว ไม่ได้แปลว่าเป็นเด็กฉลาดกว่าเด็กอื่น และถ้าลูกคุณยังไม่ยอมพูดในวัยนี้ก็ไม่ต้องตกใจ
คุณแม่บางคนเป็นคนทำงานเก่งและเร็ว แต่เวลาทำงานไม่ยอมพูดสักคำ เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูก ป้อนข้าวลูก ได้แต่ทำให้เฉย ๆ โดยไม่คุยด้วย ถ้าคุณแม่ขยับแต่มือโดยไม่ขยับปากเลย ลูกก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้ภาษา คุณแม่ควรคุยกับลูกอยู่เสมอ และคุณแม่ส่วนใหญ่ก็ชอบคุยกับลูกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

เด็กวัยนี้เคลื่อนไหวไปไหน ๆ ได้เองมากแล้ว บางคนก็เดินได้แล้ว แต่บางคนยังเกาะเดินอยู่ เวลาเด็กเริ่มหัดเดิน มักจะเดินตุปัดตุเป๋ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นโรคกระดูกต้นขาหลุดจากข้อต่อสะโพกมาแต่กำเนิด เด็กที่เป็นโรคนี้ อาการเดินจะเป๋เอามาก ๆ และส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่ก่อนถึงวัยหัดเดินเสียอีก
เก้าอี้หัดเดินไม่เหมาะสำหรับเด็กวัยนี้เพราะไม่ปลอดภัย ไม่ควรใช้ แต่ถ้าจะใช้คุณแม่ควรระวังให้ดี
เด็กใช้มือได้คล่องแล้ว สามารถเปิดฝาขวดได้เอง ดึงปลั๊กไฟออกเองได้ บางครั้งจะหมุนปุ่มเปิดปิดเตาแก๊สหุงต้มเล่น คุณแม่เผลอไม่ได้เลย เด็กวัยหนึ่งขวบนี้มีความอยากรู้อยากเห็นมาก เห็นบันไดก็อยากจะขึ้นและสามารถปีนขึ้นไปชั้นบนได้ ทั้ง ๆ ที่ยังเดินไม่ได้ เวลาเห็นกล่อง เจ้าหนูก็อยากมุดลงไป ถ้ามีถุงพลาสติกก็จะเอามาครอบหัวเล่น เห็นปากกาตกอยู่จะจับขีดเขียนเล่นบนพื้น และถ้าเจอกระติกน้ำร้อน ก็อยากจะเทน้ำร้อนออกมา เวลาเห็นเด็กทำท่าจะทำอะไรที่เป็นอันตราย คุณแม่ต้องดุทันที ห้ามไม่ให้เด็กทำการดุเด็กในวัยนี้ ไม่ใช่เป็นการสอนศีลธรรม เพราะเด็กอายุเท่านี้ ยังไม่สามารถเข้าใจว่าการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ดี จะต้องจำใส่ใจไว้เพื่อจะได้ไม่ทำอีกในวันหน้า ถ้าเด็กประสบอุบัติเหตุเมื่อใด ก็เป็นความผิดของพ่อแม่อย่างเต็มประตูที่ไม่ระมัดระวังลูกให้ดีพอ จะมาโทษลูกว่าแม่สอนแล้วลูกอยากไม่จำเองไม่ได้คุณแม่ต้องฝึกให้ลูกหยุดการกระทำที่จะก่อให้เกิดอันตรายทันทีที่ได้เสียงคุณแม่ร้องห้ามว่า “ไม่ได้นะ!” และถ้าเด็กหยุดทำ คุณแม่ต้องชมเชยแกทุกครั้ง เป็นการสอนให้ลูกรู้ว่า ถ้าทำตามที่คุณแม่ห้าม ลูกจะได้รับคำชมเชย

ในเรื่องการนอน เด็กซน ๆ จะนอนกลางวันเพียงครั้งเดียว เวลานอนก็ต่างๆ กัน เด็กที่ตื๋นแต่เช้ามืดมักนอนกลางวันในช่วงเช้า แต่เด็กส่วนใหญ่จะนอนตอนบ่ายประมาณ 2-3 ชั่วโมง มีเด็กบางคนซึ่งนอนเก่ง นอนตอนเช้า 2 ชั่วโมง และยังนอนตอนบ่ายอีก 2 ชั่วโมง เด็กบางคนตื่นนอนขึ้นมาก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดี บางคนตื่นขึ้นมาจะโยเยอยู่ 20-30 นาที และก่อนนอนก็ต้องร้องกวนสักพักหนึ่งก่อนจึงจะยอมนอน
ตอนกลางคืน เด็กส่วนใหญ่นอนตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึงโมงเช้า แต่ก็มีมากเหมือนกันที่เลย 4 ทุ่มแล้วยังไม่ยอมนอน เด็กพวกนี้จึงเป็นเด็กตื่นสายไปด้วย ก่อนที่คุณแม่จะนอน มักจะดูว่าลูกฉี่เปียกหรือไม่ ถ้าไม่เปียกก็จับให้ลูกฉี่ และตอนกลางดึกจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มีเด็กจำนวนมากที่ไม่ฉี่เลยจนกระทั่งถึงเช้า ส่วนเด็กที่ฉี่บ่อยนั้น คงยังต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้คืนละ 3-4 ครั้ง คุณแม่บางคนไม่สนใจลูกจะนอนแฉะหรือไม่พอเข้านอนก็หลับสนิททั้งแม่ทั้งลูกจนถึงเช้า ระหว่างนั้นลูกจะฉี่สักกี่ครั้งก็ไม่ตื่นทั้งคู่ แบบนี้ถ้าก้นไม่แดง ก็ไม่เป็นไร แต่เด็กบางคนทนไม่ได้เมื่อก้นเปียกแฉะ แกจะร้องทุกครั้งจนกว่าคุณแม่จะเปลี่ยน เรื่องอย่างนี้เป็นนิสัยของเด็กแต่ละคน ไม่ใช่เป็นเพราะการฝึก

เด็กวัยนี้มีฟันบนฟันล่างรวม 4 ซี่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ให้กินข้าวสวยเหมือนผู้ใหญ่ แต่มีเด็กบางคนที่ไม่ชอบกินข้าว เด็กที่เคยกินเก่งมาตั้งแต่วัย 4 เดือน พอถึงวัยนี้จะกินข้าวเก่งด้วย ส่วนเด็กที่กินน้อยมาตลอด จะกินข้าวได้ไม่ถึงครึ่งถ้วย กับข้าวก็กินน้อย ตามปกติเราจะให้เด็กหย่านมแม่และกินข้าวเป็นหลักเหมือนผู้ใหญ่ในวัย 1 ขวบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้เด็กดื่มนมเลย เด็กยังควรได้รับนมวันละไม่ต่ำกว่า 500 ซีซี. โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ชอบกินข้าว คุณแม่ควรให้เด็กได้กับข้าวพวกโปรตีน (ปลา ไข่ เนื้อ หมู ไก่ ถั่ว) อย่างเพียงพอ แต่ถ้ากับข้าวก็ไม่ยอมกินเหมือนกัน ก็เห็นจะต้องให้นมเหมือนเดิมไปก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าเด็กได้เล่นออกกำลังกายอย่างพอเพียง เด็กจะกินอาหารได้มากโดยคุณแม่ไม่ต้องบังคับเลย เพราะฉะนั้น แทนที่คุณแม่จะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอาหารของลูก ควรพาลูกออกไปเที่ยวเล่น ออกกำลังกายดีกว่า มีบางบ้างซึ่งคุณแม่อยู่ในฐานะลูกสะใภ้ ต้องทำงานรับใช้คนทั้งบ้านตามธรรมเนียมเก่า ๆ ถ้าพาลูกออกนอกบ้านบ่อย ๆจะถูกค้อนเอา หาว่าแม่นี่ขี้เกียจเอาแต่เที่ยว แถมยังหัดให้ลูกเที่ยวเก่งตั้งแต่อ้อนแต่ออก แบบนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของคุณพ่อที่จะอธิบายให้ญาติผู้ใหญ่เข้าใจ

เด็กแต่ละคนชอบขนมไม่เหมือนกัน บางคนชอบขนมหวาน บางคนชอบขนมเค็ม ข้อสำคัญในการให้ขนมเด็กคือ อย่าให้พร่ำเพรื่อไม่เป็นเวลา จนขนมกลายเป็นอาหารหลัก ข้าวเป็นอาหารรอง การขับถ่ายของเด็กวัยนี้ บางคนอึวันละครั้ง บางคนวันเว้นวันครั้ง บางคนวันละ 2 ครั้ง เด็กยังบอกคุณแม่ไม่ได้ว่า “ปวดอึ” หรือ “ปวดฉี่” คุณแม่ต้องสังเกตเอาเอง เด็กที่ร้องไห้อาละวาดไม่ยอมนั่งกระโถน คุณแม่ไม่ควรบังคับให้นั่ง
เด็กที่ไม่เคยเป็นไข้หวัดตัวร้อนมาก่อนเลย ถ้าเกิดมีไข้สูงขึ้นมา ให้นึกถึงโรคส่าไข้ก่อนอื่น (ดูหัวข้อ 168 “โรคส่าไข้” หมอชาวบ้าน ฉบับที่ 41) เมื่ออายุเกิน 1 ขวบ โอกาสที่จะเป็นโรคส่าไข้มีน้อยลงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นเสียเลย นอกจากนั้นเมื่อเด็กมีไข้สูง คุณแม่ควรนึกถึงโรคอื่น ๆด้วย เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก สมองอักเสบ ควรพาลูกไปให้หมอตรวจดูอาการเพื่อวินิจฉัยโรคทุกครั้งที่เด็กตัวร้อน
 

ข้อมูลสื่อ

64-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 64
สิงหาคม 2527