• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กสี่ขวบ ถึงห้าขวบ

                           

 

 

 



353. ฝึกร่างกายให้แข็งแรง
การฝึกร่ายกายของเด็กให้แข็งแรงจะต้องมีทั้งเวลาและสถานที่ เด็กในเมืองใหญ่สมัยนี้พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ทั้งยังขาดสถานที่ที่กว้างพอสำหรับเล่นออกกำลังกายด้วย เมื่อไม่มีสนามกว้างหรือเครื่องเล่น หากจะให้เด็กออกกำลังกายทุกวัน ก็คงต้องให้เดินหรือวิ่งเหยาะประมาณวันละ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งพ่อ หรือแม่จะต้องวิ่งด้วย แต่พ่อแม่ก็ไม่มีเวลา อีกประการหนึ่งเด็กวัยนี้ คงไม่ยอมเดินหรือวิ่งเหยาะเพื่อออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เพราะไม่สนุก
เด็กบ้านนอกมีโอกาสดีกว่า เด็กในเมืองในข้อนี้ เพราะเด็กบ้านนอก มีทุ่งกว้างวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ เป็นฝูงไล่จับผีเสื้อบ้าง แมลงต่าง ๆ บ้าง หาปูหาปลา เล่นว่าว ได้ออกกำลังกายอย่างสนุกสนานทั้งวัน
เด็กในเมืองแข็งแรงขึ้นถ้ามีโอกาสได้เล่นในสนามกว้างกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนอนุบาล เพราะชีวิตตอนกลาวันส่วนใหญ่ของเด็กอยู่ในโรงเรียน ครูและผู้ปกครอง ควรคำนึงถึงสุขภาพของเด็กเท่าเทียมกับการเรียน เพราะสุขภาพกายเป็นพื้นฐานของสุขภาพสมองด้วย

 

 

 

 

354. เด็กอารมณ์อ่อนไหวง่าย
เด็กบางคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย มีอะไรมากระทบนิดหน่อยก็ร้องไห้เวลาฟังนิทานถึงตอนเศร้าแกจะน้ำตาคลอทีเดียว เวลาถูกเพื่อนรังแก หรือถูกว่าเอาแรง ๆ แกก็ร้องไห้แงวิ่งกลับบ้าน พ่อแม่จึงนึกว่าลูกเป็นเด็กอ่อนแอ  เมื่อเข้าโรงเรียนอนุบาลหรือสถานเลี้ยงเด็กครูก็หาว่าเป็นเด็กไม่เอาไหน ใจไม่สู้ ทำงานช้า ถูกดุนิดดุหน่อยก็น้ำตาร่วงพรู
เด็กแบบนี้นอกจากอารมณ์อ่อนไหวง่ายแล้ว ยังเป็นคนละเอียดอ่อน และประสาทไวต่อสิ่งกระตุ้น ทนกลิ่นเหม็น เช่น กลิ่นน้ำมัน กลิ่นสี ไม่ค่อยได้ ไม่ชอบกลิ่นหัวหอม กระเทียม ผักชี และอาหารกลิ่นฉุน เวลานั่งรอนานก็รู้สึกคลื่นเหียนอาเจียน หูก็ว่าไวต่อเสียง

เด็กอารมณ์อ่อนไหวง่ายนี้ ผู้เลี้ยงต้องเลี้ยงอย่างระมัดระวัง ถ้าแม่เป็นคนอ่อนไหวง่าย ก็พอจะเข้าใจลูกเมื่อนึกถึงวัยเด็กของตน แต่ถ้าเด็กมีนิสัยเหมือนพ่อ และแม่เป็นคนใจแข็ง ไม่เข้าใจลูก เด็กก็แย่ หากพ่อไม่คอยช่วยเอาไว้ เราต้องไม่คิดว่าเด็กอ่อนไหวง่ายเป็นเด็กไม่เอาไหน อย่าดุด่าเด็กว่า ใจไม่สู้ ใจน้อย ขี้แย อ่อนแอ คนเราไม่เหมือนกันทุกคน คนละเอียดอ่อนแบบนี้ก็มี และคนประเภทนี้แหล่ะ ที่ช่วยทำให้โลกสดสวยด้วยศิลปะ พ่อแม่ควรให้ความสำคัญต่ออารมณ์อันละเอียดอ่อนของลูก เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจสุนทรียภาพอย่างดียิ่ง
แน่นอน เราต้องฝึกให้เด็กเข้มแข็งขึ้น เด็กที่เมารถง่าย ก็ใช้วิธียืดระยะทางขึ้นรถ ให้ไกลขึ้นทีละน้อย เวลาอยู่ในรถชวนเด็กร้องเพลง เด็กจะเพลินจนลืมเมารถ เมื่อลูกร้องไห้ เพราะถูกเพื่อนรังแกหรือล้อเลียน อย่าบังคับให้กลับไปสู้กับเพื่อน น่าจะชวนเล่นสนุก เพื่อให้ลูกลืมเรื่องร้ายนั้นเสีย เด็กจะได้รู้ว่า ชีวิตนี้มิใช่มีแต่ความทุกข์ ความสุข ก็มีมากมาย

โรงเรียนอนุบาลหรือสถานเลี้ยงเด็กที่มีนักเรียนจำนวนมาก ครูย่อมดูและเด็กไม่ทั่วถึง เด็กแบบนี้จะถูกเด็กประเภทหัวโจกกลั่นแกล้ง จนต้องทำตัวลีบเล็กทนอึดอัดอยู่ในโรงเรียนทั้งวัน และเมื่อกลับมาถึงบ้าน หากต้องมาพบกับเสียงบ่นดุว่าของแม่อีกละก็ เด็กคงอึดอัดไม่รู้จบ
การโอ๋ลูกเกินไปก็ไม่ดีแน่นอน แต่อย่างน้อยที่สุดแม่ไม่ควรคิดว่าการมีอารมณ์อ่อนไหวง่ายเป็นความอ่อนแอ หรือเป็นปมด้อยของลูก คนเราต่างจิตต่างใจกัน ชีวิตไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ คนมีนิสัยแบบนี้ก็สามารถมีครอบครัวที่เข้าใจเขา และออยู่อย่างเป็นสุขได้ในสังคม

 


 

 

 355. เด็กพูดโกหก
เมื่อเด็กพูดโกหกอย่าเพิ่งด่วน คิดว่าเด็กทำผิดศีลธรรม และสมควรลงโทษตักเตือน เวลาเด็กเล่าเรื่องสนุกให้พ่อแม่ฟัง เด็กมักจะโกหกผสมโรงเข้าไปด้วย เพราะในความทรงจำของเด็กจะมีทั้งความจริงปะปนกับจินตนาการของแกเอง เมื่อดูภาพวาดของเด็ก เราจะเห็นจินตนาการแปลก ๆ ที่ผู้ใหญ่นึกไม่ถึง เพราะผู้ใหญ่มีความสามารถทางนี้ต่ำกว่า จึงมองเห็นแต่สิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น หากเราดุเด็กว่าอย่าพูดโกหกเป็นอันขาด แกคงหมดสนุก และไม่กล้าสร้างจินตนาการอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม บางครั้งเด็ก ก็พูดโกหกเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเวลาถูกแม่คาดคั้นว่า “ใครเป็นคนทำ!” และเด็กเคยถูกตีด้วยเรื่องแบบนี้มาก่อน เด็กจะพูดโกหกโดยยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ เพราะกลัวถูกลงโทษหากเด็กพูดโกหกเพราะต้องการหนีความผิด แม่ต้องทำให้ลูกรู้ในครั้งแรกว่า หลอกผู้ใหญ่ไม่สำเร็จแน่ มิฉะนั้น แกจะโกหกซ้ำแล้วซ้ำอีก

เด็กพูดโกหกเป็นเพราะเอาอย่างผู้ใหญ่ ถ้าไม่อยากให้เด็กพูดโกหก ผู้ใหญ่ในบ้านจะต้องไม่พูดโกหกด้วย

(อ่านต่อฉบับหน้า )

ข้อมูลสื่อ

119-019
นิตยสารหมอชาวบ้าน 119
มีนาคม 2532