• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

บทที่ 3 ชีวิความเป็นอยู่ (สภาพแวดล้อม) ที่กระตุ้นพัฒนาการทางสมอง


20. อย่าดุเมื่อลูกขีดเขียนรูปตามผนังห้อง
เมื่อเด็กเริ่มเดินได้ แกจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ซุกซนยิ่งขึ้น และทำอะไรต่อมิอะไรให้พ่อแม่อกสั่นขวัญหายอยู่บ่อย ๆ ช่วงวัยนี้ จะเป็นวัยเด็กเริ่มวาดรูป แกหัดขีดเขียนบนกระดาษโดยไม่ต้องมีใครสอน ภาพที่เด็กวาด ผู้ใหญ่อาจดูไม่ออก แต่เด็กยืนยันว่าภาพเส้นวน ๆ กลม ๆ นั้นคือ หน้าของคุณแม่บ้าง เป็นรูปสุนัขในบ้านบ้าง เด็กวาดภาพบนกระดาษสักระยะหนึ่งก็เกิดความเบื่อ จึงหันมาวาดรูปบนโต๊ะ บนพื้น หรือบนผนังห้อง เวลาเห็นลูกวาดรูปเลอะเทอะบนผนัง คุณคงดุว่า “ลูกทำอะไร วาดรูปเลอะเทอะไม่ได้นะ แม่ห้ามไว้แล้วนี่ลูก”  การดุแบบนี้ไม่ดีเลย เพราะจะทำให้เด็กกลัวฝังใจว่าการวาดรูปเล่นนั้นไม่ดี เวลาจะจับดินสอขีดเขียนเล่นทีไร แกจะนึกถึงหน้าดุ ๆ ของคุณแม่ทุกที

การวาดรูป คือการแสดงออกอย่างหนึ่งของเด็กเล็ก ซึ่งยังไม่สามารถบรรยายสิ่งที่ตนคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้ เวลาเห็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นประทับใจ เห็นรถยนต์ที่คิดว่าเก๋ไก๋ เด็กจะอธิบายความรู้สึกออกมาไม่ได้ จึงวาดออกมาเป็นภาพ แม้ว่าภาพนั้น ผู้ใหญ่จะดูไม่ออกแต่เด็กก็พึงพอใจในฝีมือของตนเอง
การวาดภาพคือการทำให้ภาพพจน์ในสมองปรากฏต่อสายตา จึงมีประโยชน์มากต่อพัฒนาการทางสมอง เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรห้ามการกระทำที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก

ระยะนี้ การศึกษาสำหรับเด็กวัย 3 ขวบ กำลังเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น พ่อแม่บางคนส่งลูกไปเรียนพิเศษตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล ให้เรียนภาษาอังกฤษบ้าง เรียนเลขบ้าง ตามความต้องการของพ่อแม่ เด็กอาจยอมเรียนก็จริง แต่ก็เป็นการเรียนอย่าง “ยินยอม” มิใช่เป็นการเรียนเพราะความ “อยาก”
ความจริงพ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนนู่นเรียนนี่ ก็เพราะความรักลูกอยากให้ลูกได้ดีในภายภาคหน้านั่นเอง
อย่างไรก็ดี ผลการบังคับนี้จะออกมาตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ เพราะกลายเป็นการริดรอนศักยภาพของเด็กไปเสีย เด็กหมดเวลาไปกับสิ่งที่พ่อแม่บังคับให้เรียน แต่สิ่งที่เด็กอยากทำด้วยตนเองกลับถูกห้ามปรามแม้แต่การวาดรูปเล่น ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อเด็ก ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่ ใคร่ครวญข้อนี้ดีๆ ด้วยครับ

ก่อนหน้านี้มีผู้เน้นเรื่อง “การพัฒนาสมองด้านขวา” คือ ความคิดที่ว่า หลังจากร่ำเรียนเลขและทฤษฏีต่างๆ ซึ่งเป็นการใช้สมองด้านซ้ายมามากแล้ว เราควรจะฝึกสมองด้านขวา ซึ่งเป็นศูนย์ประสาทสัมผัสบ้าง เพื่อทำให้สมองดีขึ้น แต่ผมคิดว่า สมองคนเรานั้นหากปล่อยไปตามธรรมชาติ มันจะพัฒนาทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างสมดุลกัน การที่เอียงกะเท่เร่อยู่ด้านซ้ายด้านเดียวก็เพราะพ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนเลข เรียนภาษา ไม่ยอมให้ทำอย่างอื่นนั่นเอง หากเด็กได้เรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติสมองด้านซ้ายของแกก็พัฒนา และเมื่อได้วาดรูปเล่นตามใจชอบ สมองด้านขวาก็พัฒนาไปเองอย่างสมดุล

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้หมายความว่าเราควรปล่อยให้เด็กทำทุกสิ่งได้ตามต้องการอย่างอิสระเสรี โดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นดีหรือเลว การทำให้ผนังห้องสกปรกเลอะเทอะเป็นสิ่งไม่ควรทำ แต่ก็ไม่ควรดุเอ็ดตะโร น่าจะอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าทำไมไม่ควรทำเช่นนั้น เมื่อเด็กเข้าใจแล้ว ก็หากระดาษให้เด็กได้วาดรูปตามความพอใจ และได้แสดงออกอย่างเต็มที่
 

( อ่านต่อฉบับหน้า )

ถ้าอยากมีลูกหัวดีจากหนังสือ KODOMO NO ATAMA O YOKUSURU SEIKATSU SHUKAN
เขียนโดย DR. YOSHIRO NAKAMATSU ประธานสมาคม นักประดิษฐ์นานาชาติ
แปล/เรียบเรียง โดย พรอนงค์ นิยมค้า


 

ข้อมูลสื่อ

117-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 117
มกราคม 2532
อื่น ๆ
Dr.YOSHIRO NAKAMATSU, พรอนงค์ นิยมค้า