• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กเก้าเดือนถึงสิบเดือน สภาพผิดปกติ


212. เด็กเจ้าอารมณ์
คุณพ่อลืมไฟแช็ควางทิ้งไว้ ลูกมาเห็นเข้าจึงหยิบเล่นเพลินอยู่ พอคุณพ่อคุณแม่เหลือบมาเห็นก็รีบจะเอามาเก็บ หนูน้อยกลับกำเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ ถ้าคุณแม่พยายามแกะมือเอาให้ได้ เจ้าหนูคงจะแผดเสียงร้องไห้ลั่นไปเลย ทั้งที่เมื่อเดือนก่อนๆ แกเคยยอมตามคุณแม่ทุกอย่าง

การที่เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะเด็กเกิดอาการผิดปกติอะไร แต่เป็นเพราะเด็กโตขึ้น จึงแสดงออกอย่างชัดเจน เด็กบางคนแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน แต่เด็กบางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น เด็กเจ้าอารมณ์จะแสดงตนอย่างชัดเจนซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องอุปนิสัยที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

เด็กเจ้าอารมณ์เป็นเด็กที่ค่อนข้างเลี้ยงยาก เพราะมักจะไม่ยอมทำตามพ่อแม่ง่ายๆ จึงเกิดการต่อต้านกันบ่อยๆ ซึ่งทุกครั้งเด็กจะแผดเสียงเพื่อให้พ่อแม่เป็นฝ่ายยอม โดยเฉพาะตอนตื่นนอนเช้าและตอนง่วงนอน เด็กมักจะอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยยอมทำตามพ่อแม่

การที่เด็กเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะพ่อแม่อบรมเลี้ยงดูไม่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกแบบนี้ ต้องมีวิธีจะจัดการกับลูก วิธีที่ดีที่สุดคือ พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับเด็ก

เป็นต้นว่า ขณะลูกกำลังเล่นไฟแช็กเพลินอยู่ ถ้าฝืนบังคับจะเอาคืนเด็กจะเกิดอารมณ์ต่อต้านทันที คุณแม่ควรใช้วิธีตีหน้าเฉยๆ และเอาของอย่างอื่น (เช่น ขนม) ให้ลูกแทน แล้วค่อยๆ เอาไฟแช็กคืน หรือพาออกไปข้างนอก พอเด็กสนใจกับสุนัขที่กำลังวิ่งเล่น ค่อยไฟแช็กคืนอย่างหน้าตาเฉย

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ปะทะกับลูกบ่อยๆ เด็กจะเรียนรู้วิธีเอาชนะพ่อแม่และจะแผดเสียงร้องเป็นชุดๆ ไม่ยอมหยุด จนกว่าพ่อแม่จะยอมแพ้ และถ้าคุณพ่อคุณแม่ยอมแพ้สักครั้งหนึ่ง ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไร แกจะแผดเสียงจนพ่อแม่กลัว คุณพ่อคุณแม่ควรใช้วิธีหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ถึงเด็กจะร้องแค่ไหนต้องไม่ยอมแพ้ และพยายามหาทางทำให้เด็กสนในเรื่องอื่น แต่ต้องไม่ตัดสัมพันธ์กับลูกอย่างจริงจัง ถ้าเด็กเริ่มแสดงออกท่าทีอยากจะขอสงบศึกคุณแม่ต้องรีบตอบสนองให้ทันที
การให้เด็กเจ้าอารมณ์กินยากล่อมประสาทนั้นไม่เห็นด้วยเลย

213. กินของแปลกปลอมเข้าไป
เด็กวัยนี้ชอบเก็บของเล็กๆ ที่ตกอยู่แล้วเอาเข้าปาก และถ้าเด็กหัวเราหรือร้องไห้ในขณะที่มีอะไรอยู่ในปากของนั้นอาจจะตกลงไปในหลอดลมได้

ของแปลกปลอมมีทางที่จะเข้าไปได้ 2 ทาง คือ เข้าไปในหลอดอาหารแล้วลงกระเพาะไป หรือเข้าไปในหลอดลมซึ่งเป็นทางไปสู่ปอด

ถ้าของเข้าไปในกระเพาะ จะไม่มีปัญหาอะไรนัก แต่ถ้าของติดอยู่ในหลอดอาหารละก็ยุ่ง หรือถ้าไปติดค้างอยู่ที่กล่องเสียงหรือหลอดลมจะยิ่งแย่

การจะตรวจดูว่าของเข้าไปอยู่ที่ไหนนั้น เป็นเรื่องยาก แต่ถ้าของลงไปอยู่ในกระเพาะเรียบร้อย เด็กจะร่าเริงเล่นซนได้ตามปกติ

แต่ถ้าเด็กกลืนของชิ้นใหญ่เข้าไปและไปติดอยู่ที่หลอดอาหาร เด็กจะทุรนทุรายตาเหลือก ถ้าของติดอยู่ที่กล่องเสียงหรือหลอดลม เด็กจะไออย่างทรมานและร้องไห้ ถ้าเสียงร้องไห้แหบแห้งแสดงว่าของติดอยู่ที่กล่องเสียง

เวลาเด็กกลืนของแปลกปลอมเข้าไปติดอยู่ข้างในและทำท่าทุรนทุรายให้ใช้ทั้งสองมือจับข้อเท้าทั้งสองของเด็กให้หัวห้อยลงแล้วเขย่า ถ้าของติดอยู่ที่กล่องเสียงมักจะหลุดออกมา แต่ถ้าไม่หลุดออกมา รีบพาไปหาหมอทันทีถ้าพาไปโรงพยาบาลที่มีแผนก หู คอ จมูก ได้ยิ่งดี

ในกรณีที่เด็กกลืนอะไรเข้าไปแล้วไม่ได้แสดงอาการผิดปกติ คุณแม่ไม่ต้องร้อนใจ พยายามตรวจดูให้รู้ว่ากลืนอะไรเข้าไป และหาทางแก้ไข

ถ้าไม่ใช่ของแหลมคมและลงไปอยู่ในกระเพาะแล้วจะไม่ติดค้างที่ไหนอีก เพราะทางข้างหน้านั้นใหญ่กว่าทางที่ผ่านมา ถ้าเป็น เหรียญ กระดุม แหวน วงล้อรถของเล่น เมล็ดผลไม้ ฝาหลอดยาสีฟัน ฯลฯ ของเหล่านี้จะออกมากับอุจจาระ แต่จะออกมาในวันรุ่งขึ้นหรือกินเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ก็ได้

แม้แต่ของแหลมคม ก็จะอกมาได้เอง ใบมีดโกน เข็มเย็บผ้า จะออกมาได้โดยไม่ทำให้เกิดบาดแผลข้างใน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่เข็มกลัดซ่อนปลาย เศษใบมีด เศษแก้ว ต้องคิดว่าเป็นอันตราย ควรฉายเอกซเรย์ดูว่าอยู่ที่ไหน คุณแม่อย่าให้ลูกกินยาถ่ายออกมาเองเป็นอันขาด

ของกินที่กินเข้าไปแล้ว ถ้าออกมากับอุจจาระเมื่อไหร่ก็เป็นอันว่าสิ้นกังวลได้ เพราะฉะนั้นคุณแม่จะต้องตรวจอุจจาระดูทุกวัน

มีบ่อยครั้งที่คุณแม่ไม่ทันเห็นว่าเด็กกลืนของเข้าไปหรือเปล่า แต่สงสัยว่าจะกลืนเข้าไป เช่น เห็นเด็กเล่นกระดุมอยู่ แล้วกระก็เกิดหายไป ถ้าไม่เห็นตอนเด็กกินเข้าไป ควรจะหาให้ทั่วอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ถ้าหาไม่พบจริงๆ ให้สงสัยว่าเด็กกลืนข้าไป และพาไปหาหมอ ถึงจะโดนหมอหัวเราะใส่เอาทีหลังเมื่อตรวจไม่พบอะไรก็ช่างเถอะ

ในกรณีที่มีของแปลกปลอมเข้าไปในจมูก ไม่ควรเอาออกเองที่บ้าน เพราะของที่หลุดเข้าไปในจมูกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของลื่นๆ (เช่น ลูกแก้ว เมล็ดถั่ว เมล็ดน้อยหน่า) ซึ่งเครื่องมือในบ้าน ไม่สามารถเอาออกได้สะดวก ถึงคุณแม่จะเห็นจากข้างนอกและดูท่าทางว่าจะเอาออกได้ง่าย ก็ไม่ควรเอาออกเอง เพราะถ้าพลาด ของนั้นอาจหลุดลึกเข้าไป ทำให้เอาออกยากยิ่งขึ้นไปอีก

เด็กอายุนี้น่าจะงดการกินถั่วลิสงคั่ว น้อยหน่า เนื่องจากอาจหลุดเข้าหลอดลม มีเด็กไทยเสียชีวิตแบบนี้ทุกๆ ปี

บางครั้งเด็กเอาของใส่จมูก หลุดเข้าไปข้างในโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบซึ่งหลังจากนั้นหลายวันจะมีกลิ่นเหม็นออกจาปากและจมูกของเด็ก คุณพ่อหรือคนอื่นจะรู้สึกเวลาอุ้มเด็ก แต่คุณแม่อาจไม่ได้กลิ่นเพราะชินแล้ว ถ้าเด็กมีกลิ่นเหม็นออกจากปากและจมูก ต้องพาไปหาหมอ หู คอ จมูก ตรวจดูยิ่งถ้ามีน้ำไหลออกมาจากหู ข้างหนึ่งและมีเลือดปน ค่อนข้างจะแน่ใจได้ว่ามีของแปลกปลอมเข้าไป

....ท้องเสีย ดูหัวข้อ 199 ท้องเสีย (หมอชาวบ้าน ฉบับ 53 )
....ตกจากที่สูง ดูหัวข้อ 197 ตกจากที่สูง (หมอชาวบ้าน ฉบับ 53 )
....ถูกของร้อน ดูหัวข้อ 198 ถูกของร้อน (หมอชาวบ้าน ฉบับ 53 )
....ชักเพราะไข้สูง ดูหัวข้อ 183 ชัก (หมอชาวบ้าน ฉบับ 47 )
....ร้องกะทันหันเหมือนเจ็บปวด ดูหัวข้อ 199 ร้องจ้าอย่างกะทันหัน (หมอชาวบ้าน ฉบับ 30 ) และ ดูหัวข้อ 132 โรคลำไส้กลืนกัน (หมอชาวบ้าน ฉบับ 31 )
....หืด ดูหัวข้อ 186 โรคหืดในเด็ก (หมอชาวบ้าน ฉบับ 48 )
 

ข้อมูลสื่อ

58-006
นิตยสารหมอชาวบ้าน 58
กุมภาพันธ์ 2527