• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กสี่เดือนถึงห้าเดือน (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

                 

                                      
 

 

การเลี้ยงดู

 

 

122.เลี้ยงลูกให้แข็งแรง

เด็กอายุ 4 เดือนขึ้นไป คอจะแข็งแล้ว และถ้าจับนั่งอิงกับหมอนในรถเข็นก็นั่งได้ คุณแม่พาออกข้างนอกได้สะดวกขึ้น เด็กเองจะสนใจสภาพรอบตัวมากขึ้น ดังนั้นควรให้เด็กอยู่นอกบ้าน
อย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมงขึ้นไป คุณแม่อาจเอาลูกใส่รถเข็นวางไว้ใต้ร่มไม้ในสวน ถ้าไม่มีรถเข็น จะปูเสื่อหรือผ้าผูกเปลญวณให้นอนใต้ต้นไม้ก็ยังไหว แต่ต้องคอยระวังมดหน่อย ถ้าอุ้มเดินเที่ยวในช่วงที่อากาศร้อนจะต้องพักทุก 15 นาที เอาเด็กวางในที่เย็นๆ เพราะอุ้มนานๆ ไอตัวจากแม่จะทำให้เด็กตัวร้อนเกินไป เวลาพาลูกเดินเที่ยว ไม่ใช่สักแต่ว่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินงุ่มๆ ไม่พูดไม่จาเหมือนนักวิ่ง มาราธอน ควรคุยกับลูกไปด้วย เช่น “เห็นไหมลูก ลูกหมาน่ารักจังเลย”ผีเสื้อมันบินไปทางโน้นแน่ะ” เด็กคนนั้นเขามีลูกโปร่งด้วยนะ ลูกอยากเล่นไหมจ๊ะ” ฯลฯ เด็กเรียนภาษาจากการได้ยิน ได้ฟังคำพูดซ้ำๆ กันหลายๆ ครั้ง การคุยกับลูกเป็นการสอนภาษาไทยให้ลูกโดยไม่รู้ตัว แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องบอกคุณแม่ก็คงทำอยู่แล้ว เพราะธรรมชาติของพ่อแม่ซึ่งรักลูกย่อมอยากคุยกับลูกอยู่เสมอ


สมัยก่อน เราอยู่บ้านแบบไทย ยกใต้ถุนสูงโดยไม่กั้นห้อง ลมพัดผ่านเย็นสบาย ตอนกลางวันเด็กอ่อนนอนเปลอยู่ใต้ถุนบ้านก็ได้รับอากาศสดชื่นจากภายนอกโดยอัตโนมัติ แต่บ้านสมัยใหม่มักกั้นห้องปิดหมดทั้งชั้นบนชั้นล่าง แถมมีมุ้งลวดด้วยจนลมเกือบจะไม่ผ่าน ถ้าคุณแม่เลี้ยงลูกอยู่แต่ในบ้าน โอกาสที่เด็กจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นภายนอกก็น้อยลงเด็กจะไม่แข็งแรง นอกจากนั้น สมัยก่อนพ่อแม่มักไม่ทำอาหารเด็กให้ลูกเป็นพิเศษ พ่อแม่กินอย่างไรก็แบ่งให้ลูกกินเหมือนกัน จึงไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารเสริม แต่สมัยนี้เรามักทำอาหารเสริมให้เด็กเป็นพิเศษ (อาจเป็นเพราะความรู้ทางโภชนาการดีขึ้น และคุณแม่ส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านมีหลายบ้านที่พึ่งอาหารปิ่นโตเป็นประจำ จึงต้องทำให้ลูกเป็นพิเศษต่างหาก) การทำอาหารเสริมให้เด็กอายุ 4 เดือนนั้นค่อนข้างเสียเวลา เพราะต้องบดให้ละเอียดและเครื่องมือเครื่องใช้ทุกชิ้นต้องฆ่าเชื้อโรคอย่างดี ทำผักบดให้ลุกกิน 2 ช้อนชา เสียเวลาตั้งชั่วโมงสู้เอาเวลานี้พาลูกเที่ยวนอกบ้านจะดีกว่ามากสำหรับสุขภาพของลูก อาหารเสริม (นอกจากน้ำผลไม้)ยังไม่ต้องให้ก็ได้ ถ้าอยากให้จริงๆ ก็แบ่งจากอาหารที่ทำให้ผู้ใหญ่ (ในกรณีนี้ผู้ใหญ่ต้องให้ความร่วมมือกินอาหารที่เด็กก็กินได้ด้วย เช่น เต้าหู้ ฟักทอง ฯลฯ) หรือถ้ามีสตางค์มากหน่อยและที่บ้านไม่ได้ทำอาหารเอง อาจซื้ออาหารเด็กอ่อนสำเร็จรูปจากต่างประเทศให้ ที่จริงไม่ค่อยอยากแนะนำ เพราะเมืองไทยเสียดุลการค้ามากอยู่แล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน และไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกอยู่แล้ว อาจต้องยอมเสียดุลบ้าง เพื่อจะได้มีเวลาใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น กลับจากทำงานตอนเย็น แทนที่จะมานั่งทำอาหารให้ลูก พาลูกเดินชมนกชมไม้นอกบ้านจะดีกว่าสำหรับสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทั้งแม่ทั้งลูก เมื่อกลับจากพาลูกเดินเล่นควรตรวจดูเสื้อผ้าลูกว่าเปียกเหงื่อหรือไม่ ถ้าเปียกก็เปลี่ยนให้ แล้วให้เด็กกินน้ำต้มสุก หรือน้ำผลไม้เพื่อทดแทนเหงื่อที่ออกไป


เด็กที่มีเสมหะมาก มีเสียงครืดคราดในหน้าอกอยู่เรื่อย และชอบไอตอนเช้ามืด คุณแม่มักระวังไม่ให้ออกตากลมนอกบ้านเพราะกลัวป่วย แต่ถ้าเด็กร่าเริงดี กินนมดีและไม่มีไข้ ก็ไม่ต้องกลัว พาออกถูกอากาศภายนอกมากๆ จะดีกว่า

 

 

 

 


123.ฝึกลูกนั่งกระโถน
เมื่อคุณย่าคุณยายมาเยี่ยมหลาน พอดีหลานตื่นแต่ยังไม่ฉี่จึงจับนั่งกระโถน บอกหลานให้ฉี่หลานอาจฉี่ลงกระโถนตามคำสั่งคุณแม่เห็นลูกทำได้ ก็นึกว่าถึงเวลาฝึกให้ลูกนั่งกระโถนได้แล้ว วันหนึ่งๆ เฝ้าแต่จับลูกนั่งกระโถนจะฝึกให้ได้ แต่เด็กมักจะไม่ยอมตามคุณแม่ คุณแม่เลยหัวเสียต้องไปปรึกษาคนโน้นคนนี้ว่าทำอย่างไร จึงจะฝึกลูกนั่งกระโถนได้คนโน้นว่าอย่างโน้นคนนี้ว่าอย่านี้คุณแม่เลยทำไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรดี

ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว การฝึกเด็กอายุ 4 เดือน ให้นั่งกระโถนนั้นไม่มีความหมาย เด็กจะสามารถบอกอึหรือฉี่ได้อย่างเร็วที่สุดเมื่ออายุ 1 ขวบขึ้นไป ตามปกติจะบอกได้ราวอายุขวบครึ่งถึงสองขวบ

สำหรับการถ่ายอุจจาระ เด็กบางคนกว่าจะอึออกมาได้ต้องเบ่งอยู่นาน พอแม่เห็นลูกทำท่าเบ่งก็รีบจับนั่งกระโถนเด็กจะอึลงกระโถนทุกครั้ง แบบนี้ไม่เรียกว่าลูกนั่งกระโถนเป็น เพราะยังบอกอึไม่ได้คุณแม่รู้เองจากสีหน้าของลูกแต่คุณแม่บางคนขี้อวดคุยอวดกับเพื่อนบ้านว่า ลูกนั่งกระโถนได้แล้วไม่เคยอึเปื้อนกางเกงเลย คุณแม่คนอื่นที่มีลูกอายุ 6-7 เดือนได้ยินเช่นนั้นก็กลับมาคิดสงสัยว่า “เอ ลูกเราไม่ได้เรื่องหรืออย่างไร โตกว่าเขาอีก แต่ยังอึเลอะเทอะกางเกงทุกวัน ไม่ยอมอึในกระโถนสักที” เด็กที่อึสะดวกไม่ต้องเบ่งนาน มักจะอึออกมาเต็มกางเกงก่อนที่คุณแม่จะสังเกตเห็น ไม่ทันได้จับนั่งกระโถนสักที

ส่วนการถ่ายปัสสาวะนั้น ก่อนฉี่เด็กไม่ต้องเบ่ง คุณแม่จึงสังเกตไม่ได้ ต้องอาศัยกะเวลาเอา พอถึงเวลาใกล้จะฉี่ก็จับนั่งกระโถน อาจมีบางครั้งที่บังเอิญได้เวลาพอดี เด็กจึงฉี่ลงกระโถน

เด็กอายุ 4 เดือน คอแข็งแล้วจับนั่งกระโถนได้ไม่ลำบาก คุณแม่อาจจับนั่งกระโถน หลังตื่นนอนตอนเช้า และตอนกลางวันหรือสัก 10 นาทีหลังกินนม บางครั้งเด็กจะยอมฉี่ลงกระโถนแต่มักไม่สำเร็จเสียมากกว่า เด็กที่กินนมเป็นเวลาและกินเท่าๆ กันทุกมื้อ วันหนึ่งๆ ฉี่ไม่บ่อย จะหัดให้นั่งกระโถนได้ง่ายกว่าเพราะกะเวลาให้นั่งได้ง่าย แต่ถ้าเด็กฉี่บ่อย วันหนึ่งฉี่ 10-15 ครั้ง จะหัดให้นั่งกระโถนได้ยาก ส่วนใหญ่จะฉี่รดกางเกงเสียมากกว่า

การที่คุณแม่ฝึกให้ลูกนั่งกระโถนเร็วตั้งแต่อายุ 4-5 เดือน (บางคนฝึกตั้งแต่เด็กยังอายุไม่ถึงเดือน คอก็ยังไม่แข็ง ทรมานทรกรรมทั้งแม่ทั้งลูก) ก็ไม่ทำให้เด็กบอกอึหรือฉี่ได้เร็วขึ้น คุณแม่ที่ขยันถอดกางเกงลูกทุกชั่วโมง แล้วจับนั่งกระโถนร้องฉี่ ฉี่ คราวละ 2-3 นาที นั้น น่าจะเรียกว่า “ประสาท” เสียมากกว่า ถ้าอยากจะลองฝึกลูกนั่งกระโถนจริงๆ ทำแค่ตอนเช้ากับตอนกลางวันหลังตื่นนอนก็พอแล้ว

 


 
สภาพแวดล้อม

 

124.ป้องกันอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยสำหรับเด็กในวัยนี้ คือ อุบัติเหตุตกเตียง ซึ่งยังครองแชมป์อยู่ เพราะคุณแม่ชอบเผลอลืมยกที่กั้นเตียงขึ้น หรือบางครั้งไม่ได้ลืม แต่คิดว่าแป๊บเดียวไม่เป็นไร วิ่งไปหยิบของ พอรีบวิ่งกลับมาลูกหล่นโครมลงมาพอดี ถ้าเด็กอายุ4 เดือนแล้วตกเตียงเกิน 2 ครั้งขึ้นไป คุณแม่ควรปูผ้าห่มหรือพรมไว้ใต้เตียง เวลาเด็กตกจะได้ไม่ฟาดพื้นกระดานโดยตรง

คุณต้องไม่วางเครื่องใช้ที่ทำจากโลหะเช่น เตารีด กระติกน้ำร้อน กาน้ำร้อน ที่ปิ้งขนมปัง เตาไฟฟ้า ฯลฯ ไว้ใต้เตียงเด็กโดยเด็ดขาด เด็กตกเตียงขนาดสูง 1 เมตร ถึงแม้จะเอาหัวฟาดพื้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาหน้าฟาดกับเครื่องใช้โลหะจนหน้าแตก อาจเป็นแผลเป็นตลอดชีวิต

บางครั้งคุณแม่เอาลูกนอนกับพื้น แล้วจุดยากันยุงวางไว้ใกล้ๆ เด็กพลิกตัวไปถูกแล้วโดนไฟลวกก็มี เวลาใช้ยากันยุงต้องวางไว้ห่างๆ หน่อยอย่าปล่อยให้ลูกนอนที่ระเบียงคนเดียว เพราะนอกจากจะเกิดอุบัติเหตุตกระเบียงแล้ว บางครั้ง แมวหรือหนูจะแอบมาเลียนมที่แก้มเด็ก แล้วกัดเด็กเข้าด้วย

บางครั้งเด็กกำลังนอนอยู่ ลมพัดเอาถุงพลาสติกมาคลุมหน้า ปิดจมูกจนหายใจไม่ออกได้ เด็กอายุ 4 เดือนจะร้อง แต่ยังใช้มือปัดเอาออกเองได้ยาก คุณแม่ต้องระวังเรื่องถุงพลาสติกให้มาก ต้องเก็บให้เรียบร้อยอย่าเอาไว้ใกล้เด็กเป็นอันขาดมีเด็กตายเพราะถุงพลาสติกมากขึ้นทุกวัน


เมื่อเด็กอายุได้ 4 เดือน คุณแม่หลายคนจะพาใส่รถเข็นเที่ยว ถ้าใช้รถเข็นคันเก่าของลูกคนพี่ ต้องตรวจดูความเรียบร้อยเสียก่อน เพราะถ้าโชคไม่ดี ขณะกำลังเข็นอยู่รถเกิดหักกะทันหัน เด็กอาจจะกระเด็นตกรถได้

ในบางกรณี เด็กอายุ 2-4 เดือนที่แข็งแรงดี อาจสิ้นลมหายใจอย่างกะทันหันโดยไม่รู้สาเหตุ แต่โอกาสอย่างนี้มีน้อยมากเหมือนโอกาสที่จะถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 กรณีเช่นนี้มักเกิดในช่วงที่แม่ห่างจากเตียงลูกไปเพียงไม่กี่นาที พอกลับมาลูกตายเสียแล้ว โดยหาสาเหตุไม่ได้ ส่วนใหญ่ผ่าศพดูก็ไม่รู้สาเหตุ อาจเป็นเพราะได้รับเชื้อโรคจำนวนมากอย่างกะทันหัน หรือเป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิด หรือเป็นโรคที่มีสารแกมม่าโกลบุลินในเลือดต่ำ (hypogamma globulinemia) หรือเกิดอาการแพ้ต่อน้ำนมที่ดื่ม หรืออะไรก็ได้เวลาเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้ คุณแม่มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำให้ลูกตาย โดยเฉพาะถ้าให้ลูกนอนคว่ำ คนอื่นจะหาว่าคุณแม่ทำให้ลูกหายใจไม่ออกจึงตาย แต่ความจริงเด็ก อายุ 4 เดือน ถ้าไม่ได้เป็นโรคอัมพาตเนื่องจากสมองพิการแล้ว จะไม่ตายเพราะนอนคว่ำแล้วหายใจไม่ออก ถ้าหายใจไม่ออกตายจะทราบได้ทันทีจากการผ่าตัดพิสูจน์ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณแม่ควรให้ผ่าศพพิสูจน์ดู จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรลูกตัวเอง ข้อสำคัญ ถ้าคุณแม่พบลูกในอาการเช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ นวดหัวใจ ผายปอดให้ และตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย


(อ่านต่อฉบับหน้า)

 

ข้อมูลสื่อ

28-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 28
สิงหาคม 2524