• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ลมผิดเดือน


ชาวบ้านทางเหนือ โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ส่วนมาก จะรู้ดีว่าลมผิดเดือนคืออะไร
“ลมผิดเดือน”
เป็นชื่อของโรคชนิดหนึ่งที่มีแต่ในตำราหมอไทยโบราณโดยเฉพาะทางเหนือ แต่หาได้มีชื่อในตำราหมอของฝรั่งไม่

การอยู่ไฟหลังคลอด คนทางเหนือเรียกว่า “อยู่เดือน” อาการผิดปกติชนิดนี้เกิดขึ้นขณะเมื่อผู้หญิงกำลังอยู่เดือนจึงเรียกว่า ลมผิดเดือน อาการของลมผิดเดือนนี้ มีหลายร้อยหลายพันอย่างเป็นต้นว่า ผอมแห้งแรงน้อย ใจสั่นวิงเวียน หน้ามืด เป็นลม ชัก เป็นหนักๆ เข้าบางคนถึงกับประสาทเสียเป็นบ้าไปเลยก็มี ผู้หญิงทางเหนือกลัวกันนัก เพราะลงได้เป็นแล้วเล่ากันว่ามักจะติดตัวไปจนแก่ เป็นๆ หายๆ อยู่เรื่อย

การผิดเดือนนี้ ชาวบ้านเขาว่ามีอยู่สองอย่างคือ “ผิดกิน” และ “ผิดสาบ”

ผิดกิน ก็คือ ขณะเมื่อยู่ไฟ เกิดไปกินของแสลงเข้า ซึ่งก็มีอยู่ร้อยแปด หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ บ้างก็ว่าเนื้อวัว เนื้อควาย บ้างก็ว่าเนื้อไก่ และบางคนก็บอกว่าแล้วแต่ตัวใครตัวมัน ใครจะผิดจะแสลงอันไหนก็แล้วแต่

ส่วนการผิดสาบนั้นคือ ขณะเมื่ออยู่ไฟเกิดไปได้กลิ่นอะไรที่ “ไม่ถูกกับลม” คือไปต้องจมกูเข้า เป็นต้นว่า ได้กลิ่นแกงผักชะอม กลิ่นควันไฟ กลิ่นน้ำอบ น้ำหอม หรือกลิ่นน้ำมันใส่ผมของพ่อเจ้าประคุณสามี ก็อาจมีอาการต่างๆ กลายเป็นลมผิดเดือนได้

การรักษามักมีหลายอย่าง ตำราโบราณก็มีทั้งอาบทั้งอบ ทำก็เป็นการใหญ่ จนบรรดาหมอพื้นบ้านทางเหนือตั้งตัวได้หลายคนแล้วเพราะโรคนี้

เมื่อหันมาดูทางหมอแผนปัจจุบัน จากการที่ได้ทดลองรักษามา หมอหลายคนยอมรับว่า ลมผิดเดือนเป็นโรคประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดในระหว่างอยู่ไฟ โรคนี้ฝรั่งเขาผูกดวงตั้งชื่อไว้แล้วเหมือนกัน เขาบอกว่ามี แต่ไม่ค่อยมาก เพราะการอยู่ไฟของเขาไม่มีหรือมี แต่ไม่ทรหดโหดเหี้ยมเหมือนของเรา


ทำไมถึงว่าการอยู่ไฟของเราทรหดโหดเหี้ยมก็
ลองคิดดู
ผู้หญิงคนหนึ่งคลอดลูกออกมาใหม่ๆ ความเจ็บปวดจากการคลอดก็ยังมีอยู่ ต้องระวังเนื้อตัวให้สะอาด บาดแผลจะได้ไม่ติดเชื้อเป็นหนอง จะเดินจะเหินก็เจ็บช่วยตัวเองก็เกือบไม่ได้ ยังต้องมาดูแลลูกที่คลอดออกมาอีก ต้องคอยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาเด็กจะขี้จะเยี่ยว วันหนึ่งเป็นสิบๆ ครั้ง กลางค่ำกลางคืนแทนที่จะได้พักผ่อนก็ต้องตื่นมาดูแลลูก แถมกลางวันบางคนต้องซักผ้าอ้อมให้ลูก ซักผ้าเลือดของตัวเอง เพราะพ่อเจ้าประคุณผัวบางคนตั้งข้อรังเกียจ แล้วยังไม่พอ การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ผิดมนุษย์ธรรมดา คือต้องใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาว บางทีใส่เสื้อกันหนาว ใส่ถุงเท้า แม้จะร้อนสักปานใดก็ตาม ออกไปไหนก็ไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในห้องที่ปิดหน้าต่างหมด จะร้อนจนแทบละลายยังไงก็ออกไปไหนไม่ได้ เพราะเดี๋ยวเกิดไป “สาบ” อะไรเข้าจะผิดเดือน แล้วอาหารการกินจะกินไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ต้องกินแต่ “ข้าวจี่” คือข้าวเหนียวผิงไฟกับเกลือ กินอย่างนี้ทุกวันจนครบหนึ่งเดือน


ขณะที่อยู่ในระยะหนึ่งเดือนนี้ บางครั้งก็ยังต้อง “อบยา” หรือ “รมยา” คือการนั่งยองๆ ในห้องเล็กๆ หรือบางทีใช้สุ่มไก่ครอบ เอาผ้าคลุมแล้วเอาน้ำยาสมุนไพรลาดบนอิฐที่เผาร้อนๆ ให้เกิดเป็นไอผ่านมาทางช่องขาและลำตัวขณะนั่งยองๆ เพื่อทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีพิธีเล็กๆ น้อยๆ อีกร้อยแปดพันประการ น้องๆ เข้าคุกว่างั้นเถอะ

แล้วจะไม่ให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งประสาทกินได้อย่างไร
เห็นไหมครับ
คนเราปกติถ้าอยู่ในภาวะนี้สักเจ็ดวันก็จะตายอยู่แล้ว นี่เล่นว่าซะเป็นเดือน ความเครียดทั้งทางกายและใจย่อมมีขึ้นแน่นอน คนที่ทนได้ก็รอดไปคนที่ทนไม่ได้ พอได้กลิ่นอะไรนิดอะไรหน่อย ก็หาทางออกเป็นลมเป็นแล้งไปเลย ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียเพราะกินแต่ข้าวจี่อยู่แล้ว การเป็นอะไรก็ย่อมง่ายขึ้น แถมยังไม่พอ เดี๋ยวคนนี้มาพูดกรอกหูอย่างนั้น จนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

แล้วใครล่ะที่จะอดเป็นโรคประสาทได้
ที่รอดมาได้นับว่าบุญแล้ว ดูคนชาติอื่นที่เขาไม่ได้อยู่ไฟฉบับหฤโหดอย่างเรา เขายังไม่เห็นเป็นไร
จึงจะเห็นว่า “ลมผิดเดือน” น่าจะเป็นโรคประสาทชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากความตึงเครียดระหว่างการอยู่ไฟ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเป็น ก็ให้ปฏิวัติการอยู่ไฟเสียใหม่ โดยปฏิบัติดังต่อไปนี้

1.ในสองอาทิตย์แรกหลังคลอด ควรพักผ่อนอยู่กับบ้าน อย่าเพิ่งทำงานหนัก หรือเดินขึ้นบันไดสูงๆ หลังสองอาทิตย์ ค่อยๆ ทำงานบ้านที่เคยทำเป็นงานเบาๆ ที่ไม่ต้องออกแรงมาก แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอหลัง 8 อาทิตย์แล้ว ก็ทำได้ทุกอย่างตามปกติ

2.การพักผ่อน ควรนอนให้มากๆ ลูกกวนนักก็ให้พ่อละอ่อนช่วยดูแลบ้าง หรืออาจขอแรงญาติพี่น้องหรือแม้แต่ลูกคนโตดูแลแทนบ้างก็ได้

3.รักษาอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาด ใหม่ๆ จะมีน้ำคาวปลาออก ประมาณ 2 อาทิตย์จะหาย ระหว่างนี้ก็ล้างด้วยน้ำสะอาด ถ้ามีด่างทับทิมก็ใส่ลงในน้ำด้วย ล้างทุกครั้งที่มีการอุจจาระ, ปัสสาวะ

4.การเลี้ยงลูกด้วยนม ควรรักษาหัวนมให้สะอาด โดยอาจล้างด้วยสบู่เป็นบางครั้งจนสะอาด

5.การร่วมหลับนอนกับสามี ควรทำหลัง 8 อาทิตย์แล้ว ก่อนหน้านี้ให้หาอะไรเคาะหน้าแข้งไปก่อน

6.มดลูก ห้ามประคบเด็ดขาด บางคนเอายาอะไรก็ไม่รู้มาประคบจนหน้าท้องดำเหี่ยวน่าเกลียดมาก

7.อาหารการกิน กินได้เหมือนคนปกติ แต่สร้างเสริมอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่ว ให้มากกว่าปกติ พวกเหล้ายาห้ามกิน เพราะเหล้าจะซึมไปที่น้ำนมลูกจะเมาด้วย

8.อาจมีการบริหารร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องกลับสู่สภาพปกติ หน้าท้องจะได้กลับสวยเหมือนเดิม การบริหารนี้อาจติดต่อสอบถามได้ที่สถานีอนามัยหรือโรงหมอทุกแห่ง แต่ก็อย่างว่าชาวบ้านเราแค่อยู่ไฟอย่างผมว่านี้ พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยก็จะเล่นงานเอาตายแล้ว ถ้าขืนออกกายบริหาร ยกแข้งยกขาบิดตัวไปมาอีก ผมว่าบ้านคงแตกแน่ แต่ถ้าทำได้ก็ดีครับ

แล้วอย่าลืม ถ้าสงสัยหรือมีอะไรผิดปกติไม่ค่อยแน่ใจ ให้รีบปรึกษาผดุงครรภ์หรือหมอทันที
ขอย้ำอีกทีว่า ต้องพยายามทำจิตใจให้สบาย ไม่ควรห่วงหรือกังวลอะไรมาก เพราะความกังวลจะทำให้สุขภาพเสื่อมและน้ำนมอาจน้อยลงได้

ผมเคยเห็นคนเขาอยู่ไฟ ผู้หญิงแต่งตัวสบายๆ อาจแต่งหน้าบ้างก็ได้ไม่ผิดอะไรตรงไหนหรอก ดีซะอีก จะได้ดูมีชีวิตชีวา แล้วทุกอย่างก็จะไปได้สวย ไม่ต้องกลัวจะเป็นลมผิดเดือนกันอีก
แล้วอย่าลืม ศึกษาวิธีเลี้ยงดูลูกให้ถูกต้อง โดยถามที่สถานีอนามัยหรือผดุงครรภ์ก็ได้
การอยู่ไฟที่ถูกต้อง ก็มีแค่นี้
ขอให้เลิกกลัวได้แล้วครับ ลมผิดเดือนผิดปีอะไรเหล่านี้
ผิดมากๆ เดี๋ยวพ่อละอ่อนเกิดเบื่อ ไปหาบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่จะลำบาก…!

 

ข้อมูลสื่อ

34-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 34
กุมภาพันธ์ 2525
นพ.อนุสสรณ์ สิทธิราษฎร์