• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อเพศเป็นภัยในวัยรุ่น

“ต้อย มานี่ซิ แม่จะตบเอ็งให้ปากฉีก”

แม่แจ๋วโมโหโกรธาหนักหนา เมื่อบังเอิญเปิดกระเป๋าลูกสาว เพื่อจะเอากุญแจจักรยานไปซื้อไข่พะโล้กับขาหมูที่ตลาด แล้วพบแผงยาคุมกำเนิดที่ลูกกินไปแล้วครึ่งแผง

“หมอจ๋า…ฉันจะทำยังไงกับมันดี” แม่แจ๋วพาเด็กหญิงต้อยมาอายุ 15 ขวบมาด้วย
แม่แจ๋วยื่นแผงยาคุมกำเนิดให้ผมดู ความจริงยาคุมแผงนั้นผมเป็นคนสั่งให้พยาบาลจ่ายให้เด็กหญิงต้อยไปเอง

ทำไมผมจึงทำเช่นนี้กับวัยรุ่น ?
คุณเชื่อไหมครับ ? เดือนที่แล้วมีเด็กนัดเรียน ม.ศ.4 มาคลอดลูกที่โรงพยาบาลผม เอ๊ย! โรงพยาบาลอำเภอ ในชุดเครื่องแบบนักเรียนหญิง ถือกระเป๋าหนังสือนักเรียนมาคลอดด้วย
เดือนนี้มีนักเรียนชาย ม.ศ.5 เกือบ 10 คนมารักษากามโรค ทั้งแผลริมอ่อน ริมแข็ง และหนองใน
มันเป็นความผิดของเด็กนักเรียนหรือของพ่อแม่ หรือของคุณครู หรือของหมอ หรือของสื่อมวลชน ที่ไม่ได้สอนเรื่องเพศศึกษาให้วัยรุ่นเลย


เพศศึกษาในวัยรุ่นเป็นดาบ 2 คม เพราะถ้าหากเอาไปใช้ป้องกันตัว และเรียนรู้เพื่อความเข้าใจก็เป็นคุณ
ถ้าหากเรียนเพื่อจะเอาไปเพิ่มกามราคะ ก็เป็นโทษ คงจะไม่เป็นบาปของหมอเกินไปนัก ถ้าหากสำรวจสถิติพบว่า วัยรุ่นเกินครึ่งสมัยนี้ รู้จักการร่วมเพศกันตั้งแต่ 15-19 ปี และเด็กนัดเรียนหญิงสมัยนี้ เขาเสียพรหมจรรย์กันไม่ใช่น้อยแล้วจ้า...
ขออย่างเดียว อย่าให้ท้องไม่มีพ่อ หรือท้องทั้งที่พ่อและแม่ไม่ต้องการให้เกิดมาก็แล้วกัน
เด็กบางคน มาร้องห่มร้องไห้ขอให้หมอทำแท้งให้ เมื่อท้องได้ 3 เดือนกว่าๆ หมอจะทำอย่างไรดีล่ะ ?
ต่อไปนี้เป็นปัญหาทางเพศซึ่งอาจจะเป็นภัยในวัยรุ่น 4 ประการ ซึ่งแม่แจ๋ว พ่อตุ๊ ต้องปวดหัวอยู่ทุกวัน เลยพยายามเสนอให้ช่วยกันคิดหน่อย

 

 


1 ทรรศนะคติของเราต่อเรื่องเพศ
ทุกวันนี้เมืองไทยมีสมาคมวางแผนครอบครัว ทำหมันต่างๆ มากมายเหลือเกิน มีบทความทางวิทยุกระจายเสียงของกองวางแผนครอบครัว มีคอลัมน์ถาม-ตอบเรื่องเพศมากมายในหนังสือพิมพ์ และตามแม็กกาซีนทุกชนิด อาทิเช่น การสำเร็จความใคร่ การตั้งครรภ์ การตกขาว กามโรค การคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย ความวิตถารทางเพศ เช่น โฮโมเซ็กช่วล เลสเบี้ยน ตลอดจนนิยายโป๊ขนาดสะบัดช่อที่ลงในหนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับก็ดี หนังสือเหล่านี้เด็กนักเรียนและวัยรุ่นอ่านกันเกร่อทุกคน

พ่อแม่ ครู และแพทย์ จะตัดสินใจและวางตัวอย่างไร จะมีทรรศนะคติต่อเรื่องเพศที่จะสอนให้ลูกมากน้อยเพียงใด พ่อแม่หลายคนมักด่าลูกเมื่อลูกถามว่า

“แม่ ทำยังไงถึงจะไม่ท้อง”

บางคนเห็นลูกสาวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปกับเพื่อนชาย ก็จะเรียกมาด่าว่าเสีย 3 วัน 3 คืน จนกระทั่งเห็นเด็กข้างบ้านท้องโตนั่นแหละ จึงจะยอมเรียกลูกมาอธิบายว่า การตั้งครรภ์นั้นเป็นอย่างไร ?

“แล้วหนูจะกินยาคุมกำเนิดบ้างได้ไหม ?” ลูกสาวถาม

“แล้วแต่เอ็งซิ” ถ้าตอบอย่างนี้ละก้อพังทุกราย เพราะเด็กวัยรุ่นทุกคนเป็นวัยชอบลองของทุกอย่างอยู่แล้ว แม่ๆ ทุกรายควรจะรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด

“ลูกจะมีแฟน หรือยุ่งกับผู้ชายไม่ได้จนกว่าจะอายุครบ 20” แม่บางคนถึงกับยื่นคำขาดต่อลูกสาว

มารดาที่ดี บิดาที่มี ไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องเพศเสมอไป แต่ควรจะตอบคำถามและให้ความอบอุ่น แสดงทรรศนะคติให้ชัดเจนต่อลูกวัยรุ่นทุกคน เท่าที่ความรู้และความสามารถของพ่อแม่พึงจะให้ได้ จะผิดหรือถูกก็ไม่เป็นไร


 


2 ความรู้สึกของพ่อแม่ที่ผิดหวังและว้าเหว่

มารดาหลายคนที่พยายามเอาความคิดทางเพศเก่าๆ สมัยตนเองเป็นวัยรุ่นมายัดเยียดให้ลูกอีกต่อหนึ่ง
พ่อแม่ที่เคยเป็นกามโรคแล้วเอามาติดลูก หรือหนีตามกันมาโดยผิดประเพณี หรือแอบไปได้เสียกันก่อนแต่งงาน มักกลัวว่าลูกจะเหมือนตัว จึงย้ำคิดย้ำด่าลูกในเรื่องเพศ

พ่อแม่ที่หย่ากัน อาจจะยัดเยียดความเกลียดชังเพศตรงข้ามที่เคยทำความเจ็บซ้ำให้ตนเองมาก่อนใส่เข้าไปในสมองลูกทุกๆ วัน ซึ่งเป็นภัยมาก เพราะจะทำให้เด็กเกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัวในเรื่องเพศ จนกลายเป็นกระเทยไป

พ่อแม่หลายคู่ที่แต่งงานกันแล้วเกิดความว้าเหว่ในทางเพศ เพราะทั้งคู่ต่างก็ขาดความเข้าใจในเรื่องเพศของตัวเอง ก็อาจจะละลายที่จะพูดเรื่องเพศให้เด็กวัยรุ่นฟัง
วัยรุ่นนั้นเป็นเด็กหนุ่มสาวที่มีพลังทางเพศที่รุนแรงและสูงสุด จึงต้องการคำสอนที่ถูกต้องจากพ่อแม่ ถ้าหากพ่อแม่ไม่ทราบน่าจะไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลอำเภอได้ทุกแห่ง ดีกว่าให้เด็กไปลองกันเอง

เด็กๆ วัยรุ่นมักจะถามคำถามต่อไปนี้กับพ่อแม่

หนูไม่มีแฟนเหมือนคนอื่นนี่ผิดปกติไหม ?

“แฟนเขาล่วงเกินหนูไปแล้ว แม่จะตีหนูจนตายไหม”

พ่อแม่มักจะพยายามบอกลูกทุกคนว่า  “ลูกเอ๋ย อย่าสนใจเรื่องแฟนเลย พยายามเรียนหนังสือให้จบก่อนเถิด ถ้าจบแล้วจะไปหาเมียหาผัวที่ดีแค่ไหนก็ได้”

ความจริงคำตอบนี้ก็ดี
แต่เด็กที่ไกลพ่อแม่ เช่น ไปอยู่โรงเรียนประจำ เกิดเสียเด็กไปติดแฟน เป็นนักร้องบ้าง พ่อแม่จะรบกับลูกจนตายอย่างไรได้

ถ้าพ่อแม่รุนแรง เด็กอาจหนีเตลิดเปิดเปิงไปไกลใหญ่ ดีไม่ดี ไปติดาเสพติด กลายเป็นโจรไปเลย ทั้งๆ ที่ฐานะของพ่อแม่ร่ำรวยมาก

พ่อแม่บางคนที่มีความคิดเรื่องเพศในทางเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ จะตกใจจนเป็นลม พอรู้ว่าลูกชายไปเที่ยวซ่องมา

 


3 พ่อแม่ที่ต้องการบังคับควบคุมเรื่องเพศของวัยรุ่นมากเกินไป
ปัญหาใหญ่มากในเรื่องเพศ ซึ่งเป็นภัยของวัยรุ่น คือ พ่อแม่หลายคนพยายามจู่จี้จุกจิกบังคับลูกมากเกินไป โดยไม่รับฟังหรือสอบถามความเป็นจริงของสภาพแวดล้อมทางสังคมเรื่องเพศของลูกวัยรุ่นเลย
เมื่อก่อนแม่เคยบอกลูกได้ พอยิ่งโตยิ่งบังคับลูกไม่ได้ ความจริงการที่พ่อแม่จะบ่น จะบังคับลูกทำโน่นทำนี่ทุกอย่างมันหมดสมัยแล้ว

เด็กวัยรุ่นนั้นมักจะนิยมชมชอบคนที่แต่งตัวฉูดฉาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานวัด งานรำวง งานบุญต่างๆ เมื่อเห็นพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยกันแต่งตัวสวยๆ ก็อยากทักทาย หรือ “จีบ” เพราะเป็นแรงผลักดันตามธรรมชาติด้วย

อันนี้พ่อแม่คงจะมานั่งบังคับไม่ให้ติดต่อกันไม่ไหว พ่อแม่ควรจะลองปล่อยให้ลูกมีเพื่อนแปลกหน้าดูบ้าง ในขอบเขตที่ไม่เป็นอันตรายจนเกินไป

พ่อแม่จะบอกลูกว่า “สมัยก่อนนะ พ่อเขาจะมาดูตัวแม่น่ะอายุ 18 ปีแล้ว ต้องมีปู่ ย่า ตา ยาย มาคอยนั่งคุมด้วย ถ้าลูกประพฤติผิด นอกลู่นอกทางสันดานไม่ดี พ่อจะตัดออกจากกองมรดกเสียเลย”

คำขู่ของพ่อแม่ในเรื่องเพศนั้นมักรุนแรงเสมอเพื่อบังคับให้ลูกกลัวและตกใจ แต่ที่ไหนได้ วัยรุ่นนั้นยิ่ง ห้ามเหมือนยิ่งยุ ให้ยิ่งอยากลอง

พ่อแม่บางคนที่ใจกว้าง พยายามสอบถามเรื่องเพศจากลูกบ่อยๆ ก็มี แล้วก็ให้คำตองเท่าที่จะตอบได้
มีเด็กหญิงบางรายเป็นลมตอนมาโรงเรียน เพราะตกเลือดบนรถเมล์ ซึ่งความจริงแล้วคือประจำเดือนครั้งแรกในชีวิตของเด็กเองต่างหาก แต่เกิดจากพ่อแม่ที่พยายามปกปิด บังคับไม่ให้เด็กรู้หรือสนใจเลยว่า ประจำเดือนคืออะไร

ความจริงเพียงแต่พ่อแม่สอบถามว่า รู้เรื่องเพศอะไรจากโรงเรียนบ้างและอะไรที่ยังไม่รู้ก็เพียงตอบคำถามให้ลูกๆ เท่านั้น อย่าไปบังคับลูกวัยรุ่นในเรื่องทางเพศมากเกินไป

 


4 พ่อแม่เป็นผู้ดีเกินไปในเรื่องเพศ
พ่อแม่หลายคนพยายามสอนให้ลูกเป็นผู้ดี โดยการไม่พูดถึงเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่นเลย เพราะกลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กวัยรุ่นมีความกระตือรือร้นและสนใจเรื่องเพศมากเกินไปจนเลยเถิด

ความจริงเรื่องความรู้สึกทางเพศของวัยรุ่นนั้น เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องมีสิ่งกระตุ้น
วัยรุ่นบางคนถึงแม้จะมีสิ่งกระตุ้นก็มิใช่จะวิ่งพรวดพราดออกนอกบ้านไปเที่ยวซ่องไปหาผู้หญิงทันทีเมื่อไร? เพราะเด็กวัยรุ่นก็เป็นคนธรรมดาที่มีความยั้งคิดมากพอควร

การตั้งมาตรฐานความประพฤติของลูก ควรจะให้พอดีกับเด็กแต่ละวัยแต่ละฐานะและสิ่งแวดล้อม
พ่อแม่บางคนสอนลูกว่า “ลูกเอ๋ย การที่ลูกมีแฟนเป็นลูกของ สส.คนนั้นน่ะ จงจำไว้นะว่า ถ้าจะรักเขา ก็รักให้พอดี ถ้าไม่ได้แต่งงานกับเขาในอนาคตก็อย่าเสียใจ แต่ถ้าลูกไปทำให้เด็กเขารักแล้ว ก็ยาไปทำให้ผู้หญิงเขาเสียใจเหมือนกัน”

การตั้งมาตรฐานทางเพศของลูกมิใช่เรื่องการตั้งครรภ์ การกินยาคุมกำเนิด อย่างเดียว ยังรวมไปถึงความประพฤติเรื่องการมีแฟนด้วย เพราะถึงอย่างไรถ้าห้ามน้ำไม่ให้ไหล ห้ามไฟไม่ให้มีควันไม่ได้ ก็คลห้ามวัยรุ่นไม่ให้มีแฟนไม้ได้เช่นกัน

ความจริงสมัยนี้ การที่พ่อแม่จะยัดเยียดให้ลูกแต่งงานหรือคอยขัดขวางเด็กวัยรุ่นที่ชอบพอกันไม่ให้แต่งงานกันเพราะความยากจน เหมือนนิยายของไม้เมืองเดิมสมัยก่อน ก็คงจะหายาก

แต่พ่อแม่ก็ควรจะช่วยลูกๆ โดยการดูแลให้คำสั่งสอนในเรื่องเพศตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่มสาวตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนจนถึงการตั้งครรภ์ เด็กชายก็ให้รู้เรื่องเชื้ออสุจิ การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ตลอดจนกามโรค โดยที่พ่อแม่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอายอะไรหนักหนา


เรื่องเพศวัยรุ่น เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของเด็กวัยทีนเอจนี้ เด็กต้องการคำแนะนำคำสั่งสอนและผู้ชี้ทางให้ อย่าปล่อยลูกหลานวัยรุ่นของท่านไว้ตามลำพังในความมืดทางเพศ ให้ต้องคลำหาทางออกกันเอง จนตกกระไดบ้านขาหักและเป็นอันตรายมาก

เด็กวัยรุ่นของเราเป็นของมีค่า เรื่องของเพศเป็นเรื่องที่ต้องรู้ให้ถูกทิศถูกทางและมีความรับผิดชอบที่ถูกต้องด้วย

เพศศึกษามิใช่เรื่องที่จะลอยมาตามลมของวัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว หมอ พ่อ แม่ ครู ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาทุกคนต้องหันมาสนใจ เพราะมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ที่ท่านสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาสามัญประจำบ้าน เรื่องไส้ติ่งอักเสบ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคมาลาเรีย ทีเดียว

พ่อแม่ทุกคนคงจะไม่มีความสุขใจนัก ถ้าลูกชายวัย 17 ปีต้องกินยานอนหลับถึง 1 กำมือ แล้วเข้านอนโรงพยาบาล เพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจเรื่องแฟน เอาแต่ดุด่าอย่างเดียว


การที่เด็กหญิงอายุ 15 ปีตกใจจนเป็นลม เมื่อมีประจำเดือน ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียน ม.ศ.5 ซึ่งตั้งครรภ์แล้วคลอด ต้องเสียอนาคตการเรียน และเด็กที่เกิดมาก็ไม่มีใครต้องการสักคนเดียวไม่ว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ต้องออกจากโรงเรียน เข้าสังคมไม่ได้ คบเพื่อนไม่ได้ หนีหายไปจากสังคม เป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งนัก


เรื่องเพศศึกษาในวัยรุ่น จึงสมควรที่จะหันมาสนใจกันอย่างจริงจัง เพราะสังคมทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปมากมายและรวดเร็ว จนกระทั่งผู้เป็นพ่อแม่บางคนตามไม่ค่อยทัน แต่ก็ขอให้สนใจที่จะดูแลลูกเถิด อนาคตทางเพศของลูกจะได้ไม่เสียเพราะเรื่องเพศ


 

ข้อมูลสื่อ

35-012
นิตยสารหมอชาวบ้าน 35
มีนาคม 2525
เพศชาวบ้าน
นพ.สันติภาพ ไชยวงศ์เกียรติ