• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สธ. เตือนผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เสี่ยงโรคใหม่ “ซีวีเอส”

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ในการทำงานหรือค้นหาข้อมูล รวมถึงใช้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี ๒๕๕๑ คนไทยอายุ ๖ ปีขึ้นไป ใช้คอมพิวเตอร์จำนวน ๑๖.๙๙ ล้านคน ทุก ๑๐๐ ครัวเรือน จะมีบ้านที่มีคอมพิวเตอร์ ๒๔.๘ เครื่อง การใช้คอมพิวเตอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากในปี ๒๕๔๗ มีผู้ใช้ ๑๒.๕๔ ล้านคน


ผลจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และมีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เกิดอาการที่เรียกว่า ซีวีเอส (CVS : Computer Vision Syndrome) ซึ่งมี ๒ กลุ่มอาการใหญ่ๆ กระทบต่อการทำงานของอวัยวะ ได้แก่ ตา เนื่องจากใช้มองคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน และกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งเกี่ยวกับท่านั่งขณะใช้คอมพิวเตอร์ กลุ่มหลังนี้ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุเกิน ๔๐ ปี ที่มีปัญหาเรื่องโรคต่างๆ เช่น โรคข้อ ระบบกล้ามเนื้อ ซึ่งนับวันจะมีเพิ่มมากขึ้น หากใช้คอมพิวเตอร์ไม่ถูกวิธีจะมีปัญหาทั้งสายตาและมีอาการปวดไหล่ ปวดคอมากขึ้น


ด้านนายแพทย์ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า มีผลการวิจัยพบว่า เด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จะทำให้สายตาสั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ โดยเฉพาะเด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ส่วนผู้ที่สายตาสั้นอยู่แล้วจะทำให้สั้นมากขึ้น ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มอาการทางตา แต่ไม่มีตัวเลขที่แน่นอน ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง พบว่ามีเด็กสายตาสั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ แต่ไม่มีอันตรายต่อตา มีเพียงผลข้างเคียง เช่น อาการล้า ตาแห้ง ตามัวชั่วคราว ไม่ถึงขั้นตาบอด และมีอาการคอเคล็ด ปวดไหล่ ปวดข้อ ในบางคนจะเป็นระยะยาว สาเหตุที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการทางตา เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเกิน ๒๕ นาที ปรับจอคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะกับระดับสายตา วางเมาส์ไม่ได้ระดับกับแขน ความสว่างของไฟ และการนั่งเป็นเวลานาน เป็นต้น


นายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า การจ้องมองคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีผลต่อระบบของการกลอกตา ระบบกล้ามเนื้อและประสาท ซึ่งจะเกิดหลังจากใช้สายตานานผิดปกติ ทำให้ดวงตาล้า ตึงเครียด ตาช้ำ ตาแดง แสบตา การมองเห็นภาพไม่ชัด มองเห็นมัวๆ น้ำตาไหลมาก ปวดหัว ปวดคอ ปวดไหล่และหลัง

การป้องกันปัญหาทางสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์ ควรกะพริบตาบ่อยๆ พักสายตาเป็นเวลา ๒๕ นาที พัก ๕ นาที หรือ ๓๐ นาที พัก ๑๐ นาที หรือมองวิวนอกหน้าต่าง มุมห้อง หรือไปเดินเล่น “การงีบหลับบนโต๊ะทำงานหลังอาหารเที่ยงประมาณ ๑๕ นาที เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดในเวลาทำงาน และควรใส่แว่นสายตาที่เหมาะสม ควรใช้แว่นตาชั้นเดียว ชนิดใช้เลนส์เคลือบสารป้องกันการสะท้อนของแสง และป้องกันรังสีคลื่นแม่เหล็กด้วย” นายแพทย์ฐาปนวงศ์กล่าว
 

วิธีป้องกันอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดคือ การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตาประมาณ ๒๐-๒๖ นิ้ว วางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้อยู่ต่ำกว่าศอก แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลัง และที่สำคัญไม่ควรส่องเข้าหาจอคอมพิวเตอร์ ควรปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีความสว่างเท่ากับความสว่างของห้อง ปรับความถี่ของคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ ๗๐-๘๐ เฮิรตซ์ หรือปรับให้สูงสุดเท่าที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ยังรู้สึกสบายตา การใช้ตัวหนังสือควรใช้ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว ใช้แผ่นกรองแสง และดูแลหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้มีฝุ่นเกาะติด เพื่อให้การมองเห็นชัดเจน
 

ข้อมูลสื่อ

374-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 374
มิถุนายน 2553
กองบรรณาธิการ