นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้ตรวจราชการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี เพื่อชี้แจงมาตรการดำเนินงาน “โครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ให้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำ “โครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวงฯ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นโครงการต่อเนื่อง ๓ ปี ระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๔ โดยเน้นการแก้ปัญหาโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคสำคัญที่คนไทยอายุ ๓๕ ปีขึ้นไป เสี่ยงป่วยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเป็นสาเหตุเกิดโรคอื่นตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย และตาบอด เป็นต้น
หลังจากเริ่มโครงการฯ ในปี ๒๕๕๒ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขทั่วประเทศ พบว่าคนไทยกว่า ๔ ล้านคน เสี่ยงป่วยเป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง จากการตรวจค้นหาโรคเบาหวานเกือบ ๒๑ ล้านคน พบปกติร้อยละ ๘๕ อีกร้อยละ ๗ เป็นโรคเบาหวานแล้วรวม ๑.๔ ล้านกว่าคน ประกอบด้วยผู้ที่เริ่มป่วย ๓๕๓,๑๘๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๒ และป่วยมานานแล้ว ๑,๐๗๐,๗๓๗ คน ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อน ๑๐๗,๒๒๕ คน อันดับ ๑ ได้แก่ ตาต้อกระจก รองลงมาคือ เท้าเน่า และไตวาย และยังพบผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ๑.๗ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๘ จัดว่าเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวาน หากไม่มีการแก้ไขพฤติกรรม
ส่วนการตรวจค้นหาผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ได้ตรวจวัดความดันโลหิต ๒๑ ล้านกว่าคน พบร้อยละ ๗๘ ปกติ อีกร้อยละ ๑๐ หรือ ๒.๑ ล้านกว่าคนมีอาการป่วยเป็นโรคแล้ว โดยเป็นผู้ที่เพิ่งป่วย ๖๕๑,๘๖๗ คน และป่วยมานานแล้ว ๑.๕ ล้านกว่าคน ในจำนวนนี้มีโรคแทรกซ้อน ๙๓,๑๔๔ คน ที่พบมากอันดับ ๑ คือ โรคหัวใจ รองลงมาคือโรคหลอดเลือดในสมอง ไตวาย ตาต้อกระจก ต้อหิน และยังพบผู้ที่มีความดันโลหิตสูงผิดปกติ ๒.๔ ล้านคน หรือประมาณร้อยละ ๑๑ หากดูแลตนเองไม่ดี จะมีโอกาสป่วยสูง
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในปี ๒๕๕๓ นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ ป้องกันโรค ๒ โรคนี้อย่างเต็มที่ ใช้งบประมาณจาก สปสช. ๖๔ ล้านบาท โดยจะทำการตรวจคัดกรองโรคอย่างต่อเนื่องฟรี ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๐ ของผู้ที่อายุ ๓๕ ปีขึ้นไป และจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง ตั้งเป้าลดอัตราเพิ่มการเข้ารักษาด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงไม่เกินร้อยละ ๓ โดยจะให้มีหมู่บ้านต้นแบบการเฝ้าระวังโรคดังกล่าวจังหวัดละ ๒ แห่งด้วย
- อ่าน 4,899 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้