• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

แตงโม ผลไม้ก่อนอาหาร?

 

         แตงโม Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum & Nakai เป็นพืชวงศ์แตง Cucurbitaceae ภาคอีสานเรียกบักโม ภาคเหนือเรียกบะเต้า คนตรังเรียกแตงจีน มีชื่อสามัญว่า Watermelon แปลว่า "แตงน้ำ" เพราะในผลแตงโมมีน้ำเป็นส่วนใหญ่
         แตงโมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบทะเลทรายคาลาฮารี ในทวีปดังกล่าวมีแตงโมขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด มีทั้งพันธุ์ที่เนื้อผลมีรสหวาน จืด และรสขม
         ชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่ปลูกแตงโมไว้กินเมื่อ ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว
         ประเทศจีนปลูกแตงโมคริสต์ศตวรรษที่ ๑๐ และปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่ปลูกแตงโมมากที่สุดในโลก
         คริสต์ศตวรรษที่ ๑๓ พบบันทึกการนำแตงโมเข้าสู่ทวีปยุโรปโดยผู้รุกรานชาวมัวร์ และถูกนำเข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือโดยทาสผิวดำที่ถูกนำไปใช้แรงงานในไร่ในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕  
         แตงโมเป็นไม้เถาอยู่ในวงศ์เดียวกับแตงกวา ลำต้นเป็นเถาเลื้อยแผ่ไปตามพื้นดิน ใบมีลักษณะเว้าลึก ๓-๔ หยัก ก้านใบยาว ทั้งเถาและใบมีขนอ่อนปกคลุม ผลพัฒนาจากรังไข่
         ผลแตงโมมีทั้งแบบกลม กลมรี และทรงกระบอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล ๑๕-๒๐ เซนติเมตร เปลือกแข็ง สีเขียว สีเขียวเข้ม และสีเหลือง บ้างก็มีลวดลายสีขาวเป็นแถบยาวจากขั้วถึงปลายผล รสชาติของเนื้อผลคือฉ่ำน้ำและหวานกรอบ ในเนื้อมีเมล็ดสีดำขนาดเล็กแทรกอยู่บริเวณใจกลางผล
         แตงโมที่มีการปลูกในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะของผลและเมล็ด ได้แก่ พันธุ์ธรรมดา พันธุ์ไม่มีเมล็ด และพันธุ์กินเมล็ดที่นำไปผลิตเป็นเม็ดก๊วยจี๊นั่นเอง

คุณค่าทางโภชนาการ
แตงโม เนื้อผล (กินได้) คุณค่าทางโภชนาการต่อ ๑๐๐ กรัม
------------------------------------------------------------------------------------------------------
พลังงาน                                      ๓๐       กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต                            ๗.๕๕  กรัม
น้ำตาล                                        ๖.๒๐   กรัม
เส้นใยอาหาร                               ๐.๔๐   กรัม
ไขมัน                                           ๐.๑๕   กรัม
โปรตีน                                         ๐.๖๑    กรัม
น้ำ                                                ๙๑.๔๕    กรัม
วิตามินเอ (เทียบเท่า)                  ๒๘ μg (๓%)
วิตามินบี ๑ (ไทอะมีน)                 ๐.๐๓๓    มิลลิกรัม (๓%)
วิตามินบี ๒ (ไรโบฟลาวิน)           ๐.๐๒๑    มิลลิกรัม (๑%)
วิตามินบี ๓ (ไนอะซิน)                 ๐.๑๗๘ มิลลิกรัม (๑%)
วิตามินบี ๕ (กรดแพนโทเทนิก)   ๐.๒๒๑    มิลลิกรัม (๔%)
วิตามินบี ๖                                  ๐.๐๔๕    มิลลิกรัม (๓%)
วิตามินบี ๙ (โฟเลต)                   ๓ μg (๑%)
วิตามินซี                                    ๘.๑๐    มิลลิกรัม (๑๔%)
แคลเซียม                                  ๗ มิลลิกรัม (๑%)
เหล็ก                                         ๐.๒๔    มิลลิกรัม (๒%)
แมกนีเซียม                                ๑๐    มิลลิกรัม (๓%)
ฟอสฟอรัส                                  ๑๑    มิลลิกรัม  (๒%)
โพแทสเซียม                             ๑๑๒    มิลลิกรัม (๒%)
สังกะสี                                       ๐.๑๐    มิลลิกรัม (๑%)
ร้อยละเมื่อเทียบกับปริมาณแนะนำของสหรัฐอเมริกาที่ผู้ใหญ่ควรกินใน ๑ วัน
แหล่งข้อมูล : USDA Nutrient database

         แตงโมเป็นผลไม้ที่มีพลังงานต่ำ แตงโมมีน้ำตาลทั้งหมดร้อยละ ๖.๘๑-๙.๓๖ โดยมีน้ำตาลฟรักโทสร้อยละ ๓-๔ น้ำตาลกลูโคสร้อยละ ๑-๓ และน้ำตาลซูโคสร้อยละ ๒-๕ เมื่อกินแตงโมจะได้น้ำถึงร้อยละ ๙๒ มีวิตามินซี บีตาแคโรทีน ไลโคพีน และแร่ธาตุอื่น
         ทั่วโลกกินเนื้อแตงโมเป็นผลไม้ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างอ่อน แต่ในประเทศไทยพบการกินแตงโมเป็นผักในอาหารมื้อหลักด้วย
         ในอดีตคุณยายของผู้เขียนจะกินปลาแห้งแตงโมกับข้าวสวย เป็นปลาช่อนแห้งผัดหอมเจียวเคล้าน้ำตาลขลุกขลิก ตักข้าว ๑ ช้อนโรยผัดปลาแห้ง แกล้มแตงโมแดงเข้มเต็มคำ เมื่อเคี้ยวมีน้ำแตงโมเคล้าข้าวปลาแห้งหวานหอม...
         ไม่ลองไม่รู้ค่ะสุดยอดคนโบราณสรรหามากินจริงๆ ไม่ทราบคิดได้อย่างไร เสียดายปัจจุบันแทบไม่เห็นอาหารนี้แล้ว อยากกินแต่ทำไม่เป็น...
         นับเป็นอาหารผู้สูงอายุที่ชาญฉลาดเพราะน้ำแตงโมมีคุณสมบัติเพิ่มความอยากอาหาร เมนูนี้เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย ปลาแห้งผัดเก็บได้นานไม่ต้องอาศัยตู้เย็น และได้โปรตีนจากเนื้อปลาแห้งอีกด้วย
         เปลือกผลกินได้ มีธาตุอาหารซ่อนไว้มากแต่ในทวีปอเมริกาเหนือไม่มีวัฒนธรรมการกินเปลือกแตงโม ที่ไม่กินเพราะเปลือกแตงโมปราศจากรสชาติ
         ในประเทศไทยมีการปอกผิวเปลือกแตงโมสีเขียวเข้มออก เอาเปลือกด้านในมาประกอบอาหารกับเครืองปรุงมีรส เช่น แกงส้ม
         บางประเทศกินเป็นผัก แต่ที่จีนนำเปลือกแตงโมที่ฝานผิวนอกออกแล้วมาปรุงเป็นผัดผักกับกระเทียม พริก ต้นหอม น้ำตาลและเหล้าขาว ต้มพะโล้ หรือดองเก็บไว้กิน เปลือกแตงโมดองนี้มีกินกันในหมู่ชนหลายวัฒนธรรม เช่น รัสเซีย โรมาเนีย บัลแกเรีย ยูเครน และตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาบางแห่ง
         น้ำแตงโมมีการดื่มกันมากในประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน บ้างนำน้ำแตงโมมาหมักเป็นไวน์
         ทางเหนือของประเทศไทยนำน้ำแตงโมมาผลิตเป็นขนมขบเคี้ยวเรียกข้าวแต๋นน้ำแตงโม
         เมล็ดแตงโมตากแห้งคั่วกินได้ เท่าที่ทราบมีกินในจีน เวียดนาม และไทย
         ความรู้อายุรเวทจากอินเดียกล่าวว่า เนื้อแตงโมเสริมธาตุไฟและธาตุน้ำ มีคุณสมบัติช่วยเจริญอาหาร เพิ่มกากอาหารเพื่อการขับถ่ายที่ดี แก้อาการกระหายน้ำ ลดไข้และระบายความร้อนในร่างกาย บำรุงไตและม้าม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอย่างอ่อนลดการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
         ส่วนการแพทย์แผนจีนใช้เปลือกแตงโมและเปลือกฟักเขียวอย่างละ ๓๐ กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ ๓ ครั้งในการควบคุมอาการผู้ป่วยเบาหวาน
         แตงโมมีกรดอะมิโนซิทรูลีน พบมากในส่วนที่เป็นเปลือก กรดอะมิโนนี้กระตุ้นการสร้างไนตริกออกไซด์ผ่านการแปรสภาพเป็นกรดอะมิโนอาร์จีนีน สารไนตริกออกไซด์ช่วยเสริมการทำงานของเซลล์เอนโดทีเลี่ยมที่บุหลอดเลือด มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดอ่อนนิ่ม คล้ายกับฤทธิ์ของยาไวอากร้า
         งานวิจัยจากเยอรมนีพบว่า การกินกรดอะมิโนซิทรูลีนดีกว่าการกินกรดอะมิโนอาร์จีนีนเพราะไปแปรสภาพเป็นกรดอะมิโนอาร์จีนีนหลังการดูดซึม จึงไปเพิ่มปริมาณไนตริกออกไซด์ได้โดยตรงโดยไม่มีการสูญเสียไปโดยการขับออกของเอนไซม์อาร์จีเนสในลำไส้เล็ก
         ดังนั้น การกินแตงโมและเปลือกแตงโมมีส่วนช่วยสุขภาพทางเพศในเพศชาย บ้างเชื่อว่าเปลือกแตงโมกระตุ้นกำหนัดได้ด้วย
         เมล็ดแตงโมมีโปรตีนสูง ช่วยบำรุงร่างกาย ปอด สมอง แต่ควรจำกัดปริมาณการกินถ้าเมล็ดแตงโมมีความเค็มสูง
         แตงโมเป็นผลไม้พลังงานต่ำ คุณค่าสูง ราคาประหยัดที่หากินได้ทั้งปี ลองกินเนื้อแตงโมและนำเปลือกมาประกอบอาหารดูบ้างนะคะเพื่อสุขภาพของหลอดเลือดค่ะ
 

ข้อมูลสื่อ

380-030
นิตยสารหมอชาวบ้าน 380
ธันวาคม 2553
บทความพิเศษ