• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กล้วยบวชชี

 อทิตดา บุญประเดิม, ริญ เจริญศิริ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
กล้วยบวชชี

กล้วยบวชชี เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นขนมที่ดูเหมือน ธรรมดา แต่มีความเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า มะพร้าวหรือน้ำกะทิเป็นวัตถุดิบที่คนไทยนำมาใช้ประกอบอาหาร ตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบัน หรือจะใช้กล้วยไข่ก็ได้
การทำกล้วยบวชชีในตำรับนี้ผู้เขียนจะใช้กะทิธัญพืชเป็นส่วนประกอบแทนกะทิทั่วไป เพื่อให้เป็นตำรับสุขภาพที่ทุกคนกินได้
ส่วนผสม
กล้วยน้ำว้าสุก ๑๒ ผล ขนาดกลาง, กะทิธัญพืช ๖ ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย ๒๐๐ กรัม, เกลือ ๕ กรัม
วิธีทำ
๑. ปอกเปลือกกล้วยให้สะอาด หั่นให้เป็น ๔ ชิ้นต่อ ๑ ผล
๒. นำกล้วยไปต้มในน้ำเดือดให้พอสุกเพื่อเอายางออก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
๓. นำกะทิตั้งไฟปานกลางให้เดือดใส่กล้วยลงไป หรี่ไฟอ่อน เพื่อให้ความหวานของกล้วยออกมา
๔. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ตามด้วยเกลือ ชิมรสให้ออกมัน หวาน เค็มเล็กน้อย รสกลมกล่อม

หมายเหตุ การทำกล้วยบวชชีให้อร่อย กล้วยจะต้องเป็นกล้วยสวน ไม่ฝาด ไม่มีเมล็ด กะทิไม่ควรเคี่ยวจนแตกมัน เมื่อเวลากินจะติดลิ้น ปาก ไม่อร่อยชวนกิน
ปริมาณ อาหารสำเร็จได้น้ำหนักประมาณ ๑,๘๐๐ กรัม
เสิร์ฟได้ประมาณ ๑๒ คน คนละ ๑๕๐ กรัม

กล้วยบวชชีทำจากกะทิธัญพืชถ้วยนี้ให้พลังงาน ๒๗๕ กิโลแคลอรี หรือคิดเป็น ๑ ใน ๖ ของผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ ๑,๖๐๐ กิโลแคลอรี และให้ไขมัน ๑๖.๒  กรัม หรือประมาณร้อยละ ๒๗ ของปริมาณไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (แนะนำโดยเฉลี่ย ๖๐ กรัม)  ซึ่งไขมันนี้มาจากน้ำกะทินั่นเอง สำหรับกล้วยบวชชีที่ใช้กะทิธรรมดาและมีความเข้มข้นของกะทิปานกลางให้พลังงานมากกว่ากล้วยบวชชีที่ทำจากกะทิธัญพืชประมาณ ๕๐ กิโลแคลอรี โดยให้ไขมันและคาร์ไบ-ไฮเดรตมากกว่า เนื่องจากพลังงานและไขมันจากกล้วยบวชชีส่วนใหญ่มาจากกะทิและน้ำตาล

ดังนั้น ขนมหวานถ้วยนี้จะให้พลังงานและไขมันมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการคั้น กะทิและปริมาณ แต่ถ้าใช้กะทิสำเร็จรูป ควรผสมน้ำลงไปเพื่อเจือจางความเข้มข้นของกะทิ ส่วนน้ำตาลให้ใส่พอประมาณอย่าให้กล้วยบวชชีมีรสชาติหวานจัด

ถ้าเป็นกล้วยบวชชีที่ซื้อมาจากร้านค้า เราอาจลดพลังงานและไขมันได้โดยการกินในส่วนที่เป็นน้ำกะทิแต่พอประมาณเท่านั้น หรือถ้ารู้สึกว่ากินในส่วนน้ำกะทิมากไปสักหน่อย เมื่อกินอาหารในมื้อต่อไปเราควรลดหรือหลีกเลี่ยงการกินอาหารประเภทผัด  ทอด อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ และเนื้อสัตว์ที่มีมันมาก เช่น เนื้อหมูติดมัน เนื้อไก่และเป็ดที่มีหนังติดอยู่ เป็นต้น

สำหรับการกินขนมหวานที่ทำจากผลไม้ ธัญพืชหรือพืชผักบางชนิด มีข้อดีกว่าขนมหวานทั่วๆ ไปที่ทำมาจากแป้ง คือ เราจะได้ใยอาหารเพิ่มขึ้นมา
สำหรับกล้วยบวชชี ๑ ถ้วย ให้ใยอาหารประมาณ ร้อยละ ๕ ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (แนะนำ ๒๕ กรัม)

ส่วนปริมาณวิตามินซีถ้ากินกล้วยน้ำว้าสุก ๑ ผล จะได้รับวิตามินซีประมาณ ๖.๒ มิลลิกรัมหรือร้อยละ ๑๐ ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (แนะนำ ๖๐ มิลลิกรัม แต่เมื่อนำกล้วยน้ำว้ามาทำกล้วยบวชชี ปริมาณวิตามินซีส่วนหนึ่งจะถูกทำลายไปด้วยความร้อน ดังนั้น ปริมาณวิตามินซีที่เราได้รับจากกล้วยบวชชี ๑ ถ้วย จะน้อยกว่าที่แสดงในตารางคุณค่าทางโภชนาการ 

 


 

ข้อมูลสื่อ

343-016
นิตยสารหมอชาวบ้าน 343
พฤศจิกายน 2550
เข้าครัว
อาทิตดา บุญประเดิม