• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคเรื้อน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

โรคเรื้อนไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

ยายอ่อนมีนิ้วเท้างอ ฉันสงสัยว่าแกคงเป็นโรคเรื้อน เมื่อหลายเดือนก่อนแกเอากับข้าวมาให้ฉันกิน ฉันก็รับไว้ แต่ไม่กล้ากินกลัวติดโรคเรื้อน"
คำบอกเล่าของคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้กับยายอ่อน ซึ่งในอดีตเคยเป็นโรคเรื้อน แต่รักษาหายแล้ว คงเหลือแต่ความพิการนิ้วเท้างอเล็กน้อย
ผู้ป่วยโรคเรื้อนหรือผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็น โรคเรื้อน มักได้รับความรังเกียจจากคนในชุมชน ด้วยความเชื่อความเข้าใจผิดๆ ที่ได้รับการบอกเล่าต่อๆ กันมา ทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนได้รับทุกข์ทรมานจากความรังเกียจ กลัว ทั้งที่โรคเรื้อนไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ เลย

ยังมีคนเป็นโรคเรื้อนอีกหรือไม่
โรคเรื้อนในวันนี้ มีคนเป็นน้อยลง คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้จักโรคเรื้อน และให้ความสนใจลดลง จนกระทั่งบางคนที่มีอาการเริ่มแรกของโรค ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเรื้อน

รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นโรคเรื้อน
โรคเรื้อน มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น บ้างก็เรียกขี้ทูด กุฏฐัง ไทกอ พยาธิเนื้อตาย โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง ในระยะเริ่มแรกของโรค คือผิวหนังจะเป็นวงด่างสีจางขาว หรือเป็นวงสีเข้มกว่าผิวหนังปกติ มีอาการชา หรือบางคนอาจเป็นผื่น แผ่น    นูนแดง เป็นตุ่ม หรือวงขอบแดง ไม่คัน หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบไปรับการรักษาก็อาจก่อให้เกิดความพิการได้

ใครมีโอกาสเป็นโรคเรื้อนได้บ้าง
โรคเรื้อนติดต่อกันได้โดยการสัมผัสคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคเรื้อนระยะติดต่อ (มีอาการ ผื่น ตุ่ม กระจายทั่วตัว) ที่ยังไม่ได้รับการรักษา ทุกคนมีโอกาสรับเชื้อโรคเรื้อน แต่คนที่มีโอกาสเป็นโรคเรื้อน จะมีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น (คนที่รับเชื้อโรคเรื้อน 100 คน จะมีคนเป็นโรคเรื้อน 3 คน) คนที่มีภูมิต้านทาน ต่อเชื้อโรคเรื้อนผิดปกติเท่านั้น จึงจะเป็นโรคเรื้อนได้ ดังนั้นโรคเรื้อนจึงไม่ใช่โรคที่จะติดต่อกันได้ง่ายๆ และที่สำคัญโรคเรื้อนไม่ได้ติดต่อทางกรรมพันธุ์ ไม่ได้ติดต่อทางน้ำหรืออาหาร

ทำไมผู้คนจึงรังเกียจโรคเรื้อน
ผู้ป่วยโรคเรื้อน ได้รับความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นโรคเรื้อน หรือเพียงถูกสงสัยว่าเป็นโรคเรื้อนก็จะถูกสังคมรังเกียจ เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักนึกถึงความพิการน่าเกลียด น่ากลัว ของผู้ป่วยโรคเรื้อนในสมัยก่อนที่มีความพิการรุนแรง ซึ่งความจริงแล้ว ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว ถึงแม้มีความพิการ ก็จะไม่แพร่โรคให้ผู้อื่นอีกต่อไป

ความรังเกียจโรคเรื้อน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนท้อถอย หมดกำลังใจที่จะไปรักษา และผู้ป่วยต้องหลบซ่อนตัวไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นโรคเรื้อน เพราะกลัวถูกรังเกียจ

โรคเรื้อนรักษาหายหรือไม่
ปัจจุบันมียาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเรื้อนให้หายขาดปราศจากเชื้อโรค ผู้ป่วยที่มีอาการระยะเริ่มแรกใช้เวลารักษา 6 เดือน แต่หากเป็นมาก  หรือมีอาการระยะติดต่อต้องใช้เวลารักษา 2 ปี คนที่มีอาการน่าสงสัย หรือเป็นโรคเรื้อนสามารถรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาล สถานีอนามัย สถานบริการสาธารณสุข ใกล้บ้านทุกแห่ง และคนที่เป็นโรคเรื้อนก็สามารถอยู่กับครอบครัวได้ตามปกติ เพราะผู้ที่เป็นโรคเรื้อนเมื่อได้กินยารักษาในสัปดาห์แรกก็จะไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นแล้ว

หากเราได้ทำความเข้าใจเรื่องโรคเรื้อนอย่างถ่องแท้แล้ว จะเห็นว่าโรคเรื้อน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ เราสามารถพูดคุยกินอาหารร่วมกับผู้ป่วยทั้งที่กำลังรักษา และหายจากโรคแล้วได้ และควรเป็นกำลังใจให้   ผู้ประสบปัญหาโรคเรื้อนสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้ตามปกติเช่นเราทุกคน

ข้อมูลสื่อ

345-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน 345
มกราคม 2551
เรื่องน่ารู้