• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

รักษาใจ

รักษาใจ


ปัจจุบันอายุ ๔๐ ปี ขณะที่มีอายุได้ ๒๓ ปี เข้ารับราชการเป็นครู ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจในความเป็นครูของตัวเองมาก และตั้งใจสอนมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งอาชีพครูต้องยุติลง เพราะผิดหวังในความรักจากชายผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นครูเหมือนกัน เขาทิ้งข้าพเจ้าไปมีผู้หญิงอื่น ทนดูไม่ไหวก็เลยต้องไปกับชายอื่นด้วยเช่นกัน ความหวังในการที่จะมีครอบครัว สร้างครอบครัวใหม่ หลังจากจบการศึกษาแล้วก็ต้องพังทลายจนหมดสิ้นด้วยเช่นกัน เริ่มคิดมาก และสอนเด็กนักเรียนไม่ได้ เพราะคิดว่าตนเองเป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์ไม่ได้ เนื่องด้วยเคยสอนลูกศิษย์ในวิชาพระพุทธศาสนาว่าชาวพุทธนิยมมีสามีเดียวภรรยาเดียว จึงเป็นสาเหตุให้คิดฆ่าตัวตาย โดยใช้สายหม้อหุงข้าวไฟฟ้ารัดคอ แต่สายหม้อหุงข้าวขาดเลยรอดชีวิตมาได้หลังจากนั้นก็ต้องไปรักษาตัวที่คลินิก และเริ่มเป็นโรคซึมเศร้านี้เรื่อยมา รักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด ระยะเวลา ๕ ปีผ่านไป ก็ยังสอนเด็กนักเรียนไม่ได้ ลาหยุดจนไม่มีวันลาแล้ว จึงได้ลาออกจากราชการ ทันทีที่ลาออกจากราชการ ข้าพเจ้ารู้สึกโล่งใจว่า เราไม่มีหน้าที่อะไรที่จะต้องทำแล้ว ก็เกิดความสบายใจไปพักหนึ่ง และคิดว่าเราเป็นโรคนี้เพราะผิดหวังในเรื่องความรัก แต่หวังว่าจะต้องสมหวังในความรักสักครั้งหนึ่งให้ได้ ก็เลยเริ่มแสวงหาคนที่จะมารักและแต่งงานด้วย แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอสักที แถมยังต้องอกหักผิดหวังอยู่ตลอดเวลา คนที่ชอบและหวังจะแต่งงานด้วยก็พากันแต่งงานไปหมดสิ้น ข้าพเจ้าคิดว่าทางนี้ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง เราต้องมีความสุขในชีวิตด้วยตัวของเราเอง ไม่ใช่ให้ใครมาทำให้เรามีความสุข น้องๆ ก็ให้แง่คิดและให้กำลังใจตลอดมา และพาไปรักษาโรคนี้ด้วย

คุณพ่อคุณแม่ก็พลอยเป็นทุกข์เป็นร้อนไปกับข้าพเจ้า จวบจนคุณพ่อเสียชีวิตก็ยังคงห่วงลูกคนนี้อยู่ คุณพ่อบ่นกับคนรอบข้างว่า ทำไมพระไม่คุ้มครองคนดีๆ บ้าง คุณพ่อดื่มเหล้าจนไม่สบาย แล้วก็เสียชีวิตจากคุณแม่และลูกๆ โดยไม่ทันได้เห็นหน้าหลานสักคน ตอนที่คุณพ่อสิ้นใจ ข้าพเจ้าไม่ร้องไห้เพราะเป็นโรคนี้อยู่ แต่พอได้เห็นคุณพ่อตอนท่านนอนสงบอยู่ในโลงศพ ข้าพเจ้าก็น้ำตาไหลแล้วก็บอกกับคุณพ่อไว้ในใจว่า หลับให้สบายเถอะค่ะ อย่าห่วงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าจะรักษาตัวเองให้หาย...ตั้งใจไว้อย่างนั้น อาการนี้พอได้หายทุเลาลงเมื่อน้องๆ พาไปรักษาตัวกับจิตแพทย์ที่เชียงใหม่ เขาให้อยู่โรงพยาบาล ๑ เดือน และให้ยาตัวใหม่มา กินแล้วอาการดีขึ้นมากไม่ก้าวร้าวขว้างปาสิ่งของ รักษามาได้ ๔-๕ ปีแล้ว ต้องเสียค่ายาแพงมาก แต่คุณแม่ก็เต็มใจ เพื่อลูกคนนี้จะได้หายเสียที ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปหาคุณหมออีก ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๒ ได้ค้นพบตัวเอง ข้าพเจ้าอธิบายให้คุณแม่ น้องๆ และน้องเขยฟังว่าเป็นอย่างไร ปรากฏเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน ๒ ขั้ว ซึ่งเราอยู่ในขั้วบวกแล้วก็ลบด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นขั้วบวก สนุกอยู่คนเดียว แล้วก็คิดว่าคนอื่นทำสัญลักษณ์ให้กับเรารู้ใจเราทุกคน พอบอกกับคุณหมอ คุณหมอก็เลยส่งกลับมารักษาที่บ้านต่อ จะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทางไกล

ปัจจุบันไปหาหมอทุกเดือนโดยมีน้องสาวซึ่งเป็นโสดเช่นกัน (อาชีพพยาบาล) และคุณแม่จะเป็นคนพาไป น้องคนนี้ก็ไม่แต่งงานและบอกว่าคนที่แต่งงานเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ไหนจะต้องดูแลคู่ของตนและยังดูแลลูกอีกด้วย ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย ปัจจุบันยังกินยาอยู่ และคงต้องกินยาไปตลอดชีวิต เพราะสารเคมีในสมองเปลี่ยนไปเสียแล้ว อาการก็มีไม่มากนัก ถ้าเครียดก็จะกัดฟันเป็นบางครั้ง และอาศัยการออกกำลังโดยการเต้นแอโรบิกเป็นประจำทุกวันก็ช่วยได้ และเป็นการผ่อนคลายทางหนึ่ง การที่ข้าพเจ้าหายจากการเป็นโรคนี้หรือทุเลาลงบ้างนั้นเป็นเพราะได้ศึกษาธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ธรรมของพระพุทธเจ้าเคยทำให้ต้องคิดมากมาแล้ว และเป็นสาเหตุของการเป็นโรคนี้ นั่นเป็นเพราะว่าไม่รู้จักปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไข และนำเอาหลักของพระพุทธองค์มาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนนั่นเอง

หลักการที่ว่า คือ ทำจิตให้ว่าง ละเว้นจากการมีตัวกู ของกู ดังเช่นที่ท่านพุทธทาสภิกขุได้นำเสนอนั้นก็น่าจะนำมาใช้ ถ้าไม่มีอะไรเป็นของเรา ทุกๆ อย่างก็จะไม่เกิด ไม่มีการสูญเสีย เช่น เสียใจ เสียร่างกาย เสียทรัพย์สินสิ่งของ มีเกิดก็ต้องมีดับ เป็นเรื่องธรรมดาของโลกนี้จริงๆ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ในทุกๆ สิ่ง ทุกๆ เรื่อง คนเราเกิดก็ต้องตาย ไม่มีใครหนีกฎธรรมชาตินี้พ้นได้สักราย เพราะฉะนั้น เวลาที่มีชีวิตอยู่ควรทำความดี ทำจิตใจ ให้ผ่องใส สว่าง สะอาด สงบ ละจากกิเลส คือ เครื่องที่ทำให้ไม่เศร้าหมองทั้งปวงจะดีกว่า ละจากรัก โลภ โกรธ หลง ทำใจให้เป็นกลาง เป็นมัชฌิมาปฏิปทาเอาไว้ คือ พยายามให้ใจตั้งอยู่ในความไม่สุข ไม่ทุกข์ แล้วเราจะได้เข้าถึงนิพพาน หรืออรหันต์ สภาวะของความเป็นอรหันต์ คือ ไม่มีเกิด ไม่มีดับอีกต่อไป นั่นก็คือ ไม่ต้องดีใจ ไม่ต้องเสียใจ ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์อีกต่อไป ถ้าทำใจให้เป็นกลางได้ เราก็เป็นสภาวะนิรันดร์ คือ ไม่รัก ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงอีกต่อไป ซึ่งสภาวะปัจจุบันทำได้ยากมาก

เวลาเราสูญเสียสิ่งที่เรารัก เราก็เสียใจ เวลาเราได้สิ่งที่เราต้องการ เราอยากได้เราก็ดีใจเป็นล้นพ้น อย่างนี้เป็นต้น ถ้าทำใจให้เป็นกลางได้จะดีมาก เมื่อมีสติปัญญาก็จะเกิด อันนี้ก็เกิดความสว่างตามมา อันนี้เป็นธรรมที่สำคัญของพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำตลอดมา หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ทุเลาจากอาการของโรคนี้แล้ว คือ การสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้านอนทุกคืน ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิประมาณ ๑๐-๑๕ นาทีทุกคืน นั่งเพื่อประการหนึ่งให้ใจสงบ และอีกประการหนึ่งข้าพเจ้าจะนั่งระลึกถึงเหตุการณ์ว่าวันนี้เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง อนึ่งเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า วันนี้เราทำอะไรผิดอะไรถูกไปบ้างหรือเปล่า จะได้แก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมในวันพรุ่งนี้ เราได้ทำอะไรที่ไปเบียดเบียนใคร ทำให้ใครเดือดร้อนบ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าก็จะนั่งระลึกถึง

ข้าพเจ้าขอให้คนที่ข้าพเจ้ารักทุกคน อันมีคุณพ่อ คุณแม่ น้องๆ หลานๆ ญาติพี่น้องทุกคน ให้พวกเรามีความสุขตลอดไป ส่วนคนที่ข้าพเจ้าไม่ชอบ หรือเป็นศัตรูกับเขา ข้าพเจ้าก็จะแผ่เมตตาให้พวกเขาไปดีมีสุข อย่ามารบกวนเบียดเบียนกันอีกเลย แล้วข้าพเจ้าก็นอนหลับฝันดีทุกคืน สิ่งที่ข้าพเจ้าดีใจที่สุดและภาคภูมิใจมาก ก็คือ การที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับราชการเป็นครูสอนเด็กนักเรียน ได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมของเด็กและนิสัยของเด็ก ข้าพเจ้านำความรู้นั้นมาใช้กับการเลี้ยงดูหลานของข้าพเจ้า ทำให้หลาน ของข้าพเจ้าเป็นเด็กน่ารัก เจริญเติบโตสมวัยและน่ารัก เป็นเด็กดีของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ท้ายสุดนี้อยากจะย้ำว่า สุขภาพกายที่ดีต้องมีสุขภาพ จิตที่ดีควบคุมอยู่ด้วย ถ้าท่านมีสุขภาพจิตที่ดี เรื่องสุขภาพกายที่ดีก็จะตามมา ถึงแม้ว่าท่านจะเจ็บป่วยทางร่างกาย แต่ถ้ามีสุขภาพจิตที่ดี ท่านก็จะหายเจ็บป่วยได้โดยไว เพราะฉะนั้นสุขภาพจิตที่ดีจึงสำคัญมากต่อชีวิตของคนเรา การบำรุงรักษาสุขภาพจิตให้ดี เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับชีวิตของคนเรา

ข้อมูลสื่อ

298-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 298
กุมภาพันธ์ 2547
เรือจ้าง เจ้าพระยา