• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไมโครเวฟ

บ้านราคาเป็นสิบล้านทำไมถึงปลูกได้ แค่ไมโครเวฟไม่ถึงหมื่นทำไมถึงไม่ซื้อ ความรู้สึกเหล่านี้มันสะสม มันโกรธ มันไม่สบายใจ มันไม่มีทางออก

คุณแต๋วเป็นคนสวยจริงๆ เอวบาง ร่างน้อย แต่งตัวสดใส มีเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นใหญ่เต็มตัวไปหมด แสดงว่าเวลาที่คุณแต๋วสุขภาพดีคงสวยกว่านี้อีกหลายเท่า แต่วันนี้คุณแต๋วหน้าตาเศร้าจนบอกไม่ถูก เมื่อนั่งลงคุณแต๋วก็เริ่มเล่าว่า

แต๋วรู้สึกว่าตัวเองสับสน เบื่อ อยากเลิกกับสามี บางครั้งถึงขั้นคิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต๋วตัดสินใจไม่ถูกเพราะแต๋วมีลูกสาวคนโตอายุ ๓ ขวบและยังมีเจ้าตัวเล็กในท้องซึ่งตรวจพบว่าท้องได้ประมาณ ๖สัปดาห์ ตอนนี้ที่บ้านยังไม่รู้ว่าแต๋วท้องอีก เพราะแต๋วไปตรวจมาเมื่อวาน ถ้าไม่มีลูกคนนี้บางทีแต๋วอาจจะกินยาฆ่าตัวตายไปแล้ว
ระหว่างพูดน้ำตาคุณแต๋วไหลออกมาไม่ขาดสาย เหมือนจะหยุดไม่ได้

คุณแต๋วเล่าว่าเธอแต่งงานมา ๔ ปี กับสามีที่เป็นลูกชายคนโตของเศรษฐีประจำจังหวัด คุณพ่อคุณแม่ของสามีเป็นเจ้าของโรงสีใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโด่งดังไปทั้งภาค ท่านมีลูกหลายคน คนอื่นๆแต่งไปหมดแล้ว เหลือแต่สามีคุณแต๋ว คุณแต๋วเองก็ไม่เคยพบปะสามี รู้แต่ว่ามีแม่สื่อพามาดูตัวที่บ้านแล้วสามีก็ตัดสินใจแต่งงานกับคุณแต๋ว

คุณแต๋วนั้นไม่เคยรักเคยชอบใครมาก่อน เพราะอยู่แต่ในบ้านกับคุณแม่ แล้วก็ทำงานตามสภาพลูกผู้หญิง ลึกๆ คุณแต๋วรู้สึกกลัว เพราะรู้สึกว่าสามีเป็นคนดุ กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจ แต่ในที่สุดคุณแม่ก็บอกว่า
"แต่งไปเหอะ พ่อแม่ผู้ชายเขาบอกว่าลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามาในบ้านนี้ เอาเข้ามาก็เพื่อมาดูแลบ้าน ไม่ได้ให้มาเหน็ดเหนื่อยทำงานทำการอะไร"

เมื่อคุณแม่เห็นดีคุณแต๋วก็เลยไม่มีทางเลือก ในที่สุดก็แต่งงานกันไป เมื่อแต่งงานกันไม่นานคุณแต๋วจึงรู้ว่าสามีเคยมีผู้หญิงคนอื่นมาก่อน แต่พ่อแม่ไม่ชอบเลยบังคับให้เลิก เวลาสามีอารมณ์ไม่ดีหรือกินเหล้าเข้าไป สามีก็จะขับรถผลุนผลันออกไปจากบ้าน พร้อมกับมองคุณแต๋วด้วยท่าทีกินเลือดกินเนื้อ แล้วพูดว่าเธอเป็นมารชีวิตของฉัน คุณแต๋วตกใจมากเพราะไม่เคยทราบตรงนี้มาก่อน เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า

"แม่ก็ไม่รู้มาก่อน แต่ถ้าเขาเลือกลูกมาเป็นลูกสะใภ้ก็แปลว่าลูกคือเมียของเขา ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั้นพ่อแม่ก็คงจัดการกันเอง"
ต่อมาคุณแต๋วก็ทราบว่า สามีเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เพราะพ่อแม่จัดการจริง พ่อแม่สามีปลูกบ้านหลังใหญ่ราคาสิบล้านเรียกว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัด ธุรกิจที่ทำก็ใหญ่ที่สุดในระดับภาค

คุณแม่บอกว่าคุณแต๋วมีหน้าที่ปรนนิบัติสามี ดูแลลูก ทำกับข้าวกับปลานิดๆหน่อยๆให้สามีกิน เพราะสามีไม่ค่อยอยู่บ้าน มักจะเดินทางไปประชุม หรือไปติดต่อธุรกิจต่างๆ บางครั้งคุณแต๋วก็ได้ข่าวจากคนอื่นว่าสามียังแอบไปหาผู้หญิงคนนั้นเป็นครั้งคราว แต่หลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวพ่อแม่จะรู้ คุณแต๋วรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก โกรธสามี โกรธทุกคน งานบ้านสามีชอบให้คุณแต๋วทำให้เรียบร้อย แม่สามีก็มักจะเข้ามาแนะนำว่า อันนั้นยังไม่ดี อันนี้ยังไม่เรียบร้อย ทำอันนี้อีกนิด ทำอันนี้อีกหน่อย

คุณแต๋วบอกว่าบ้านหลังใหญ่นี้เธออยู่กับสามีและพ่อแม่สามี ส่วนน้องๆ ทั้งหลายซึ่งแต่งงานก่อนหน้านี้แยกไปอยู่บ้านส่วนตัว โดยอ้างว่าอยากอยู่กันตามลำพัง บ้านหลังใหญ่ไม่ใช่ภาระเธอที่ต้องกวาดถู ที่นี่มีแม่บ้านแต่ภาระของเธอคือดูแลสามี บางครั้งสามีอยากจะกินกาแฟ บางครั้งสามีอยากจะกินอาหาร เธอเคยนึกอยากจะได้ไมโครเวฟสักเครื่องหนึ่งเพื่อให้การทำอาหารของเธอง่ายขึ้น

คุณแต๋วชำนาญเรื่องการใช้ไมโครเวฟมาก เพราะสมัยที่อยู่กับคุณแม่ของคุณแต๋วที่บ้านใช้แต่เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แต่มาที่นี่เธอเคยถามสามีว่าถ้าเข้าไปในเมืองอยากจะซื้อไมโครเวฟมาสักเครื่องหนึ่ง สามีก็มองหน้าพูดเป็นทำนองว่า "ก็เตาแก๊สไงใช้ไปสิ ทำไมต้องไมโครเวฟเปลืองเงิน" ยิ่งกับแม่สามีคุณแต๋วทำตัวไม่ถูก เพราะรู้สึกว่าสามีกลัวแม่ คุณแต๋วเองก็พยายามทำโน่นทำนี่ให้คุณแม่สามีพอใจ แต่เธอก็บอกว่าเดาใจไม่ถูกไม่รู้ว่าคุณแม่ชอบหรือเปล่า

คุณแต๋วบอกว่าเวลาเธอเครียดมากๆ เธอขาดสติเธอก็จะต่อว่าสามี พูดถึงความในใจต่างๆที่เธอไม่พอใจ เพื่อให้สามีเข้าใจเธอ และดูแลเธอให้มากกว่าเดิม แต่ผิดคาดสามีกลับบอกว่าถ้าไม่อยากอยู่ที่นี้ อยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับไปได้เลยจะให้คนขับรถไปส่ง นั่นแหละคุณแต๋วถึงได้รู้สึกท้อถอย
แต่ตอนที่คลอดลูกคนแรก พ่อแม่สามีก็รับขวัญหลานอย่างดี สามีก็รู้สึกเอ็นดูลูกมากเพราะลูกหน้าตาเหมือนสามี

คุณแต๋วรู้สึกว่าตัวเองชักทนไม่ไหวแล้ว เบื่อหน่ายบ้าน นึกในใจว่าบ้านราคาเป็นสิบล้านทำไมถึงปลูกได้แค่ไมโครเวฟไม่ถึงหมื่นทำไมถึงไม่ซื้อ ความรู้สึกเหล่านี้มันสะสม มันโกรธ มันไม่สบายใจ มันไม่มีทางออก คุณแต๋วเริ่มนอนไม่หลับ กินไม่ได้ น้ำหนักลดเอาๆ จนถูกส่งไปตรวจเพราะกลัวจะเป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคร้ายแรงแอบแฝงอยู่ แต่หลังจากตรวจทุกอย่างก็พบว่าปกติ

คุณแม่เป็นคนแนะนำให้คุณแต๋วมารักษากับจิตแพทย์ เพราะชีวิตในวัยเด็กของคุณแต๋วในครอบครัวนั้นเปราะบางเหลือเกิน คุณพ่อคุณแต๋วเป็นผู้ชายสำรวย แต่งตัวหล่อๆ ชอบกินอาหารดีๆ ชอบเที่ยวสนุกสนานไปวันหนึ่งๆ โดยที่มีคุณแม่ของคุณแต๋วเป็นผู้หญิงประจำบ้าน ตั้งแต่หาเงิน เลี้ยงลูก เอาอกเอาใจสามี เวลาทะเลาะกันคุณพ่อจะไล่คุณแม่ออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่ลูกรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นชื่อแม่

คุณแต๋วเล่าว่าคุณพ่อทำกับคุณแม่เหมือนที่สามีทำกับเธอ เธอรู้สึกเสียใจเหลือเกิน คุณพ่อกับคุณแม่เดี๋ยวทะเลาะกัน เดี๋ยวดีกัน แต่ลึกๆ ลงไปแล้วคุณแต๋วบอกว่า เบื่อหน่ายเหลือเกิน เหมือนทุกวันนี้ที่ทะเลาะกับสามี เหมือนกับที่เธอเห็นแม่กับพ่อทะเลาะกัน ระยะหลังเมื่อลูกโตขึ้น ลูกๆ บอกกับคุณแม่ของคุณแต๋วว่าถ้าพ่อแม่จะหย่ากันลูกก็ตามใจ และเมื่อ ๑ ปีก่อนที่คุณแต๋วจะแต่งงานคุณพ่อกับคุณแม่ก็หย่ากัน โดยที่คุณพ่อเป็นคนท้าหย่า คราวนี้คุณแม่เอาจริง และเมื่อหย่ากันสำเร็จแล้ว ไม่ว่าคุณพ่อจะมาอ้อนวอนอย่างไร คุณแม่ก็ไม่สนใจ และตัดขาดจากคุณพ่ออย่างเด็ดขาด แต่ลึกๆ ในใจคุณแต๋วก็สงสารพ่อ ทำให้เธอสับสน

คุณแต๋วเริ่มการรักษากับเราอย่างต่อเนื่อง เธอสามารถปรับตัวให้เข้ากับสามีจนดีขึ้น เธอรู้วิธีการที่จะดูแลสามีโดยไม่เกิดการกระทบกระทั่งกัน คุณแต๋วบอกว่าเดี๋ยวนี้เลิกโทร.ตามสามีแล้ว เวลาสามีไปประชุมกลับดึกก็จะไม่นั่งคอยเพื่อต่อว่าแล้วแต่จะนอนพร้อมลูกเลย สามีจะพอใจมาก บางครั้งเวลาสามีจะออกจากบ้านคุณแต๋วยังเป็นคนจัดกระเป๋าให้ เลยทำให้คุณแต๋วมีคะแนนมากขึ้น สามีบอกว่าคุณแต๋วเติบโตขึ้นและมีสติ อาการนอนไม่หลับไม่เกิดขึ้น คุณแต๋วนอนหลับสนิท และคุณแต๋วสามารถพูดกับสามีได้และรู้สึกว่าความจริงคุณแม่ก็เป็นคนดี แต่เป็นเพราะว่าคุณแต๋วเคยมีคุณแม่ที่เป็นคนเข้มแข็งเหมือนกับคุณแม่สามี เลยทำให้รู้สึกว่าคุณแม่สามีน่าจะดูแลเธอได้ดีกว่านี้ ความจริงเธอไม่ได้เปิดโอกาสให้คุณแม่สามีเธอดูแล

เดี๋ยวนี้คุณแต๋วก็ซื้อไมโครเวฟเข้าบ้านแล้ว เพราะความจริงเพียงแต่คุณแต๋วเดินไปดูคุณแม่สามีก็บอกว่าเลือกเอาไปใช้ที่บ้านสักเครื่องสิ เลยทำให้คุณแต๋วเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากภูมิหลังในวัยเด็กที่ทำให้เธอระมัดระวังตัวมากผิดปกติ แล้วมองทุกอย่างในแง่ที่สงสัยไม่ไว้ใจ และมีความรู้สึกสับสน

คุณแต๋วบอกว่าเดี๋ยวนี้หนูมีสติ หนูมีความสุข และคงจริงอย่างที่คุณแต๋วว่า เดี๋ยวนี้เรานัดพบกันทุก ๒ เดือนและเธอก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า นอกเหนือจากสวยกว่าคนไข้คนอื่นๆ

ชีวิตแต่งงานเป็นชีวิตที่ต้องปรับเข้าหากัน เราทุกคนล้วนแต่มีภูมิหลังของชีวิต ทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง

คงเลือกไม่ได้ที่จะมีชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเราเอาความไม่สมบูรณ์แบบมาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในคราวต่อไป เราทุกคน คู่สมรสทุกคู่น่าจะสามารถดำเนินชีวิตร่วมกันได้ดี เช่นเดียวกับคุณแต๋วและสามี


 

ข้อมูลสื่อ

320-022
นิตยสารหมอชาวบ้าน 320
ธันวาคม 2548
ป้าหมอ