• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อเกิดวิกฤติ

เมื่อเกิดวิกฤติ


ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านไป มีข่าวเกี่ยวกับไก่ให้เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน เริ่มจากข่าวที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกงหรือเวียดนาม ต่างเผชิญกับโรคไข้หวัดนก ทำให้ต้องฆ่าไก่ทิ้งจำนวนมาก ต่อมาก็มีปัญหาในประเทศไทยเรา พบว่าไก่ในเมืองไทย เราเริ่มล้มตายมากขึ้น ข่าวระยะแรกๆ ก็รายงานว่า ไก่ ที่ตายนั้นเกิดจากไก่เป็นโรคอหิวาต์ แต่ต่อมาก็พบว่ามีคนโดยเฉพาะเด็กเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการกินไก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมายอมรับว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาไข้หวัดนกเสียแล้ว

ในช่วงนี้เองวิกฤติของไก่ก็เกิดขึ้น คนทั่วไปต่างก็กลัวจะได้รับเชื้อไข้หวัดนกจากการกินไก่ ก็เลยพร้อมใจกันไม่ซื้อไก่มาปรุงอาหาร และปฏิเสธอาหารที่ปรุงจากไก่ ทำให้เกิดผลกระทบทั้งผู้เลี้ยงไก่ ผู้ขายเนื้อไก่สดในตลาด  ตลอดจนร้านค้าที่ขายอาหารที่ปรุงจากไก่ มีผลให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนทันที นอกจากนี้ยังกระทบไปถึงผู้เลี้ยงไก่ไข่และผู้ขายไข่อีกด้วย เพราะหลายคนอาจเห็นว่าไข่เป็นผลผลิตจากไก่ เมื่อเห็นว่าไก่อันตราย ไข่ก็ย่อมมีอันตรายด้วย ปัญหาดังกล่าวเกิดจากประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องไข้หวัดนก ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทยเรา และจริงๆ แล้วการเกิดไข้หวัดนก ก็ไม่ได้เกิดจากการกินไก่แต่เกิดจากการสัมผัสหรือได้รับเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้รีบเร่งในการออกมาประชาสัมพันธ์ปัญหาหรือความรู้ในเรื่องดังกล่าว จึงทำให้เกิดวิกฤติเกี่ยวกับไก่ในบ้านของเรา



จากข่าวที่เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน รายงานว่าผู้เสียชีวิตได้นำไก่ที่ตายมาปรุงอาหาร ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วไก่ที่ตายไม่ควรนำมาปรุงอาหารกิน ควรนำไปทิ้งมากกว่า  เพราะเราไม่รู้ว่าในไก่ตัวนั้นจะมีเชื้อโรคอะไรที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ แต่จากการที่ผู้เขียนได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเคยมีบ้านอยู่ใกล้เคียงกับฟาร์มไก่ เพื่อนบ้านบอกว่าปกติเมื่อไก่ในฟาร์มตายเจ้าของมักไม่นำไปทิ้ง แต่จะมอบไก่ที่ตายนั้นให้กับคนงานหรือคนที่ยากจนกว่านำไปปรุงอาหารกิน ซึ่งก็ไม่เคยพบว่ากินแล้วทำให้เกิดอันตรายหรือทำให้ตายได้เหมือนไก่เจ้าปัญหาในปัจจุบัน ดังนั้นการที่ผู้เสียชีวิตนำไก่ที่ตายมากินคนทั่วไปอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ได้ว่าต่อไปนี้ หากไก่ตาย ก็อย่านำมาปรุงอาหารกินเด็ดขาด เพราะจะปลอดภัยมากที่สุด  และจะให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เรื่องการล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารทุกครั้ง ก็นับเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย

ปัญหาเรื่องไก่ในปัจจุบัน คือ คนไทยไม่กล้ากินไก่ เพราะกลัวว่ากินแล้วจะเกิดอันตรายหรือทำให้ตายได้อย่างที่เป็นข่าว เรื่องนี้ รศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล  และนายกสมาคมพิษวิทยาแห่งเอเชีย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนอย่าได้วิตกกับข่าวเรื่องไข้หวัดนกจนถึงกับไม่กล้ากินไก่ แต่เนื้อไก่ที่จะนำมากินนั้นควรทำให้สุกจริงๆ  เชื้อไข้หวัดนกซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส H5N1 นั้นหากถูกความร้อน ๗๐ องศาเซลเซียส นาน ๕ นาทีก็ตายแล้ว หรือหากจะใช้เวลาสั้นๆ เพียง ๑ นาทีก็ต้องใช้ความร้อน ๗๕ องศาเซลเซียส ซึ่งจะเห็นได้ว่าเชื้อโรคชนิดนี้ไม่ทนต่อความร้อนเลย ดังนั้น การจะปรุงอาหารอะไรก็ตามต้องพยายามทำให้อาหารนั้นสุกจริงๆ อาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูงมากๆ และเวลานานๆ เช่น ตุ๋น นึ่ง หรืออบ ซึ่งได้แก่อาหารประเภทไก่/ไข่พะโล้ เป็ดพะโล้ ไก่ตุ๋นมะระ ไก่ตุ๋นมะนาวดอง ไก่อบ  เป็นต้น อาหารพวกนี้ต้องใช้ความร้อนสูงและใช้เวลานานมาก เชื้อไวรัส H5N1 จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนอาหารประเภทย่างหรือทอดก่อนจะกินก็ควรดูให้แน่ใจว่าสุกจริงๆ โดยสังเกตจากภายในเนื้อไก่ คือ เนื้อไก่ ต้องแห้งไม่มีเลือดซึมอยู่ ถ้ายังมีเลือดซึมไม่ควรกิน สำหรับการผัดนั้น ควรผัดโดยใช้เวลานานขึ้นกว่าปกติเพื่อให้แน่ใจว่า ไก่สุกจริงๆ

สำหรับไข่นั้นในช่วงนี้ไม่แนะนำให้กินไข่ที่ปรุงไม่สุก  เช่น ไข่ลวก ไข่ดาวที่ไข่แดงไม่สุก น้ำสลัดที่ทำจากไข่ดิบ  ตลอดจนไข่ต้มที่ไข่แดงเป็นยางมะตูม ส่วนไข่เจียว ไข่ตุ๋น  ไข่ต้ม ที่ทำให้สุกทั้งไข่ขาวและไข่แดงกินได้ไม่ต้องกังวล ไก่และไข่นับเป็นอาหารที่ให้ทั้งโปรตีน วิตามิน  แร่ธาตุ  และสารอาหารอื่นๆ มากมาย โดยเฉพาะไข่ ซึ่งมีสารอาหารที่มีคุณค่าแทบทุกชนิด โดยเฉพาะวิตามินเอและธาตุเหล็ก นักโภชนาการแนะนำให้เด็กๆ กินไข่วันละ ๑ ฟอง  เพื่อเสริมให้ได้สารอาหารครบถ้วน ส่วนวัยผู้ใหญ่แนะนำให้กินสัปดาห์ละ ๓ ฟอง แต่ถ้ากินเฉพาะไข่ขาวก็กินได้ทุกวัน ในไข่ขาวจะมีโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีไขมัน  ดังนั้น ถ้าพ่อแม่กลัวว่าเด็กจะได้รับอันตรายก็เลยไม่ยอม ให้เด็กๆ กินไข่ ปัญหาโรคขาดสารอาหารก็อาจจะตามมาได้  ส่วนเนื้อไก่นั้นก็ถือว่าเป็นอาหารที่ให้โปรตีนและมีไขมันต่ำ โดยเฉพาะตรงเนื้อสันในไก่ ซึ่งต่างจากเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็นต้น  เนื้อจากสัตว์ใหญ่จะมีไขมันสูงกว่าเนื้อไก่ ยิ่งเนื้อนุ่มเท่าไหร่ไขมันก็จะยิ่งมากเท่านั้น ดังนั้นการไม่กินไก่แล้วเปลี่ยนไปกินสัตว์ใหญ่แทน ก็จะเป็นเหตุให้ได้รับไขมันมากขึ้น ส่งผลให้อ้วนได้เช่นกัน

ข้อมูลสื่อ

299-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน 299
มีนาคม 2547
เรื่องน่ารู้
ศิริพร โกสุม