• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คนบ้าวิ่ง(๔)

คนบ้าวิ่ง (๔) การวิ่ง หรือจ๊อกกิ้งเพื่อสุขภาพ

การวิ่งหรือจ๊อกกิ้งเพื่อสุขภาพเป็นวิธีการฟิตร่างกายของคนเกือบทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่มีเวลาออกกำลังกายน้อย หลายๆ คนประทับใจการวิ่งตรงที่เป็นกีฬาที่แข่งกับตัวเอง ทำได้คนเดียว ไม่ ต้องรอใคร หรือให้ใครรอ และไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์อื่นใด นอกเสีย จากรองเท้าวิ่งดีๆ เพียงคู่เดียว สามารถวิ่งชมวิวไปรอบหมู่บ้าน สวนสาธารณะ หรือวิ่งบนลู่วิ่งในฟิตเนสก็ได้ทั้งนั้น ถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกชนิดหนึ่ง

การวิ่งอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความคงทนให้กับร่างกายทีละนิดๆ

ความสนุกอยู่ที่การได้เอาชนะตัวเอง วิ่งไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ในใจ จะวิ่งเร็วหรือช้านั้นไม่มีผลเท่าไรนัก หากแต่หัวใจสำคัญ อยู่ที่ระยะทาง และความสม่ำเสมอในการวิ่ง จึงจะทำให้หัวใจและ ปอดได้ทำงานอย่างเต็มสมรรถนะยิ่งขึ้น 

 เคล็ดลับเพื่อเตรียมความพร้อมในการวิ่ง

เคล็ดลับง่ายๆ ที่ผมอยากแนะนำคือ ควรเลือกรองเท้ากีฬาสำหรับการวิ่งที่สวมใส่สบาย นุ่มกระชับเท้า น้ำหนักเบา และมีความทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี เพราะจะช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างสนุก และปลอดภัยต่อเท้ามากขึ้น

ก่อนเริ่มวิ่งควรอบอุ่นร่างกาย บริหารข้อมือ ข้อเท้า เอว และ ช่วงขา ยืดเส้นยืดสายอย่างน้อย ๕ นาที และภายหลังจากการวิ่ง เสร็จแล้วก็ควรค่อยๆ ปรับร่างกายให้เย็นลง (cool down) ด้วย การเปลี่ยนมาเป็นการเดินช้าๆ อีกประมาณ ๕ นาที จนอุณหภูมิในร่างกายและจังหวะการหายใจเข้าสู่ภาวะปกติจึงค่อยหยุด

คนที่มีน้ำหนักมาก หรือยังไม่เคยวิ่งมาก่อนเลย และอยากจะ เริ่มวิ่งกับเขาบ้าง อาจเริ่มจากการเดินก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็น เดินเร็วและวิ่ง แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง และเวลาให้ยาวนานขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับความอดทน และแรงฮึดสู้ของคุณเอง

คนที่เริ่มต้นวิ่งใหม่ๆ ควรจะวิ่งให้ได้วันละประมาณ ๑๕ นาที แบบวันเว้นวัน จนกระทั่งรู้สึกวิ่งได้สบายขึ้น และไม่เหนื่อยเร็ว จึงค่อยเพิ่มเป็น ๔-๕ ครั้งต่อสัปดาห์ วิ่งให้ได้ครั้งละ ๓๐ นาที แล้วร่างกายจะชินไปเอง

ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์อย่างเพียงพอ ทั้งก่อนและหลังการวิ่งประมาณ ๑ ชั่วโมง เพราะการวิ่งจะทำให้ร่างกายเสียเหงื่อมาก น้ำที่ดื่มเข้าไปจะช่วยลดภาวะ การขาดน้ำได้ หรืออาจเลือกดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไปกับเหงื่อภายหลังจากการวิ่งได้ด้วย
 

การวิ่งมาราธอน
มาราธอนเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่ คนที่ชอบวิ่งทั้งหลาย ซึ่งมาจากการวิ่งมาราธอนนั่นเอง 

มาราธอนนั้นจะต่างกับมินิมาราธอน ตรงระยะทาง ตรงที่การวิ่งมาราธอนนั้น ระยะทางประมาณ ๔๒.๑๙๕ กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก ส่วนมินิมาราธอนจะใช้ระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ ใช่นักกีฬา

สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีการแข่งขันที่ใหญ่ๆ ก็คือ กรุงเทพฯ มาราธอน ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกปีประมาณ เดือนพฤศจิกายน นอกจากนั้นแล้วก็จะมีจอมบึงมาราธอน ที่จะมีนักวิ่งมากมายมาร่วมทำการแข่งขัน แต่ถ้าไป ถามผู้ที่ร่วมแข่งขันส่วนใหญ่ว่าเหตุใดถึงสนใจกีฬาและออกกำลังกายประเภทนี้ จะได้รับคำตอบว่าเพื่อทดสอบร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กอายุน้อยๆ หรือ แม้กระทั่งคนที่อยู่ในวัยแก่ก็ยังมาเข้าร่วมการแข่งขัน

ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่จะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากการวิ่งมินิมาราธอน 
ผลดีจากการวิ่งมินิมาราธอน
๑. ทำให้คุณมีความอดทนและเพียรพยายามด้วยตัวของคุณเอง
๒. สังคมยอมรับเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก
๓. ทำให้ร่างกายหลั่งสารออกมาเพื่อทำให้ระบบหายใจมีพลังและปอดสะอาด
๔. ทำให้มีบุคลิกภาพดี หุ่นดี
๕. ทำให้คุณได้สมาธิโดยอัตโนมัติ (อานาปาณสติ)
๖. ทำให้คนรอบข้างเกิดความสนใจและอยากจะรู้จักคนอย่าง คุณมากขึ้น
๗. ทำให้คุณเป็นตัวของตัวเองที่สุด และสามารถพิสูจน์จิตใจ คุณได้จากการวิ่ง
๘. แทบจะไม่พบเห็นความเจ็บไข้ได้ป่วยเลยหลังจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬาประเภทนี้ 
 

เคล็ดลับที่สำคัญของการวิ่งมินิมาราธอน
หัวใจของการวิ่งมินิมาราธอนก็คือ การแบ่งเวลาและจัดตารางการวิ่งของคุณในแต่ละวัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระยะทางและสภาพภูมิประเทศ ได้แก่ ภูเขา ชายทะเล สนามฟุตบอล ๔๐๐ เมตร หรือ แม้กระทั่งถนนคอนกรีตหรือทางเท้าข้างถนน วิธีที่คุณจะได้รับกำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้คุณไม่เกิดความว้าเหว่ เนื่องจากต้องวิ่งในระยะทางไกล และต้องแข่งกับตัวคุณเอง การ  สูดลมหายใจให้เหมาะกับจังหวะการก้าวเท้าเป็นวิธีที่นักกีฬาทีมชาติ ทั้งหลายนิยมกัน ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะดูตัวอย่างมาจากที่นักวิ่งระดับโลกเขาทำกัน เช่น ในโอลิมปิก บอสตันมาราธอน (Boston Marathon) และนิวยอร์กมาราธอน (New York Marathon) นอกจากนั้นก็ยังมีการเพิ่มระยะทางในการวิ่งในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งควรจะค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสิ่งที่จะเป็น กรรมการและโค้ชผู้ฝึกซ้อมของคุณได้ดีที่สุดก็คือนาฬิกาจับเวลาซึ่งนักวิ่งทุกคนจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว เวลาก็เช่นเดียวกัน ถ้าในเวลาวันหยุดหรือถ้าคุณมีเวลาช่วงเช้าเป็นช่วงที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนมาแล้วทั้งคืนและอากาศก็บริสุทธิ์ ซึ่งระยะเวลานี้เป็นระยะเวลาที่นักวิ่งระดับมืออาชีพรู้จักกันดี คุณอาจจะหาเพื่อนมาร่วมวิ่งกับคุณก็ได้ จะทำให้ดึงจังหวะการวิ่งของคุณได้เป็นอย่างดี

ข้อมูลสื่อ

288-011
นิตยสารหมอชาวบ้าน 288
เมษายน 2546
กีฬาบำบัด
ดร.อานนท์ บุญยะรัตนเวช