โคเอนไซม์คิวเทน (coenzyme Q10)กระแสที่กำลังมาแรง

โคเอนไซม์คิวเทน (coenzyme Q10)กระแสที่กำลังมาแรง

เพราะรู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแก่เร็ว และหากสามารถยืดความเป็นสาวออกไปได้นานเท่าไร นั่นดูเหมือนจะเป็นยอดปรารถนาของหญิงสาวทุกคน ดังนั้น จึงมีการคิดค้นวิจัยหาสารต่างๆ ที่จะมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เพื่อให้สามารถต่อต้านริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนผิวหนังทุกส่วนของร่างกายอยู่ตลอดเวลา (แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี) ซึ่งมักมีการโฆษณาว่าสารตัวนั้นช่วยให้ผิวเต่งตึงขึ้นสารตัวนี้ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้นและช่วยให้ผิวขาวขึ้นสาวๆยุคใหม่ที่รักสวยรักงามจึงต้องเกาะติดสถานการณ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

จากวันวานที่มีการโหมกระหน่ำโฆษณาเครื่องสำอางผสมวิตามินอี วิตามินเอ วิตามินซี และกรดผลไม้ (AHA และ BHA) ฯลฯ วันนี้โคเอนไซม์คิวเทน (Co Q10) เป็นน้องใหม่ที่ถูกเปิดตัวต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ในฐานะ "สารต่อต้านริ้วรอย" ตัวล่าสุดที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนานา สารพัด เช่น ครีมทารอบดวงตา ครีม ทาหน้า ครีมบำรุงก่อนนอน และอื่นๆ อีกมากมาย คิดว่าหลายคนคงได้เสีย เงินซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปใช้กันหลาย ชนิดแล้ว เพราะไม่อยากเป็นคนตกรุ่นผู้หญิงสมัยนี้ดูจะมีเรื่องให้เสีย เงินมากมายเหลือเกินกับเครื่องประทิน โฉมตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า แล้วแต่ละชนิดแต่ละประเภท บางคนก็มีหลายยี่ห้อ จนโต๊ะเครื่องแป้งและในห้องน้ำเต็มไปด้วยเครื่องสำอาง ที่แทบจะเปิดร้านขายได้เลยเรียกว่าพอมีโฆษณาสินค้าตัวใหม่ออกมา ก็ควักกระเป๋าซื้อตามคำเชิญชวนทุกครั้งไป เหมือนตั้งใจจะให้สวยเพราะเครื่อง สำอางเพียงอย่างเดียว โดยลืมนึกไป ว่าการที่คนเราจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและผิวพรรณที่สดใสสมวัย(หรืออาจจะอ่อนกว่าวัย) นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวที่ครบพร้อมในเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนที่พอเพียง การขับถ่ายอุจจาระที่เป็นปกติ อารมณ์ที่ไม่เคร่งเครียดและมองโลกในแง่บวกและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี

หลักการต่างๆ เหล่านี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะปฏิบัติตามได้อย่างครบถ้วน ส่วนใหญ่ มักจะมีวิถีชีวิตที่ผิดๆ กินไม่ถูกต้องนอนไม่เพียงพอ ไม่เคยออกกำลังกาย อารมณ์เสียตลอดเวลา หรือเจอแต่สิ่งแวดล้อมเป็นพิษทุกวัน เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วน ผสมของสารวิเศษอะไรก็ตามที ก็คงไม่ทำให้ผู้หญิงดูดีขึ้นได้เท่าไร เพราะ ความงามที่แท้จริงและส่งผลต่อเนื่อง ยาวนานนั้น ต้องเป็นความงามความสดใสที่เปล่งประกายมาจากภายใน อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติตัวถูกต้องตามหลักที่รู้ๆ กันอยู่นั่นเอง และต้องไม่ลืมความจริงที่สำคัญด้วย นั่นคือคนเราเมื่ออายุมากขึ้นระบบต่างๆ ใน ร่างกายก็ย่อมเสื่อมถอยตามวัย จะให้ดูดี เปล่งปลั่ง เหมือนเมื่อครั้งยังสาวนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ความจริงจะว่าไปแล้ว Co Q10 ไม่ใช่สารตัวใหม่ วงการแพทย์ทั่วโลก ต่างรู้จักและใช้ Co Q10 ในการ ป้องกันโรคหัวใจมานานแล้ว ซึ่งก็รวมถึงแพทย์ในบ้านเราด้วย
Co Q10 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิตามินคิว เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่คอยกระตุ้นให้เซลล์เปลี่ยนสารอาหาร ให้เป็นพลังงาน เมื่อเกิดพลังงานเซลล์ ต่างๆ ก็จะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกายได้ ขณะเดียว กันก็ทำตัวเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  ที่ไปสร้างความเสียหายให้กับผนัง เซลล์ด้วย แล้วเมื่อคนเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลิต Co Q10 ได้น้อย ลง เพราะฉะนั้น ผิวพรรณที่เคยกระชับ เต่งตึง ก็จะมีความยืดหยุ่นน้อยลง

มีการศึกษาวิจัยพบว่า Co Q10 สามารถยับยั้งอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจาก รังสียูวีในแสงแดดได้ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งรังสียูวีเอ (ที่ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยว ย่น) และช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ ซึ่งทำลายคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยและผิวเสื่อมก่อนวัยจากแสงแดดได้ (บ้าง)

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว บริษัท เครื่องสำอางหลายยี่ห้อจึงนำเอาข้อดีส่วนนี้ของCo Q10 มาเป็นจุดขาย ทำให้เครื่องสำอางธรรมดาดูมี "อะไร" ขึ้นมาอีกหน่อย ถ้าเป็นคนช่างสังเกต จะเห็นว่ามีเครื่องสำอางมากมายที่ ขายมานานแล้ว ก็มีส่วนผสมของ Co Q10 อยู่ด้วยเช่นกัน แต่บริษัทผู้ผลิต เหล่านั้นก็ไม่ได้จับเอาคุณสมบัติของCo Q10 มาโฆษณาสรรพคุณสร้างกระแส ลองไปอ่านรายละเอียดในฉลากดูซิจะพบว่าเครื่องสำอางที่มีอยู่เต็มบ้าน หรือที่ใช้อยู่เป็นประจำหลายชนิด ก็มี Co Q10 ผสมอยู่ด้วยไม่ใช่น้อย แล้วที่หลวมตัวไปซื้อมาเพิ่มอยู่เรื่อย (ให้เกะกะเต็มห้อง) ก็เพราะชอบดูและเชื่อโฆษณานี่เอง

อยากบอกว่าส่วนผสมหลากหลายในเครื่องสำอางนั้นก็มีประโยชน์อยู่บ้างเวลาจะซื้อก็พยายามเลือกให้ เหมาะสมกับสภาพผิว แล้วไม่จำเป็นต้องมีเยอะแยะหลายยี่ห้อ เครื่องสำอางไม่ว่าจะราคาถูกหรือราคาแพงถ้าหากมีส่วนผสมของสารอย่างเดียวกัน ว่ากันว่าคุณภาพก็ไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเป็น ๑๐๐ เท่า เพียงเพื่อจะได้ภูมิใจว่าใช้สินค้ามียี่ห้อจากต่างประเทศ