• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

มะเขือพวง : มะเขือโบราณที่มีทวิลักษณ์

“จ้ำจี้มะเขือพวง เมียน้อยเมียหลวงมาสอยดอกแค…”

ข้อความที่ยกมาข้างบนนี้ เป็นตอนต้นของเพลงร้องประกอบการเล่นของเด็กไทยภาคกลางในอดีต เรียกว่าเล่น “จ้ำจี้” ซึ่งมีเพลงประกอบหลายเพลง แต่ที่นิยมร้องมากก็คือ จ้ำจี้มะเขือพวง และจ้ำจี้มะเขือเปราะ เป็นต้น
น่าสังเกตว่า เนื้อหาของเพลงที่เด็กนำมาขับร้องนั้น มักมาจากสิ่งที่พบเห็นและคุ้นเคยในสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม การทำมาหากิน ธรรมชาติ และชีวิตประจำวันในสมัยที่เกิดเพลงนั้นขึ้น เช่น เพลงจ้ำจี้มะเขือพวง กล่าวถึงเมียน้อยและเมียหลวง ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติธรรมดาในยุคนั้นที่ผู้ชายที่มีฐานะดีมักจะมีเมียหลายคน และคงอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน จึงไปสอยดอกแคด้วยกันได้ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงผักพื้นบ้านที่นิยมกันในสมัยนั้นอีกสองชนิดคือ ดอกแคและมะเขือพวงนั่นเอง แสดงว่าทั้งดอกแคและมะเขือพวงพบอยู่ทั่วไปจนนำมาสื่อให้เข้าใจได้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
 
                                                                                     

มะเขือพวง : มะเขือแห่งทวิลักษณ์
มะเขือพวง มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ ว่า Solanum Torvum Sw. อยู่ในวงศ์ Solanaceae ซึ่งเป็นวงศ์ของพืชพวกพริกและมะเขือต่างๆนั่นเอง มะเขือพวงมีลักษณะพิเศษบางประการต่างจากมะเขือชนิดอื่นๆ คือเป็นไม้พุ่มยืนต้นข้ามปี ไม่ใช่พืชล้มลุกเหมือนมะเขือชนิดอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีขนาดใหญ่โตกว่ามะเขือชนิดอื่นๆด้วย เพราะมีทรงพุ่มสูงถึงกว่า ๑ เมตร ขึ้นไปถึง ๒ เมตร ทีเดียว
ตรงข้ามกับขนาดใหญ่โตของลำต้น มะเขือพวงกลับมีผลขนาดเล็กที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับมะเขือชนิดอื่นๆ และมีผลออกรวมกันเป็นกลุ่มหลายๆผล อยู่บนช่อเดียวกัน จึงได้ชื่อว่า มะเขือพวง เพราะมีผลรวมอยู่เป็นพวงนั่นเอง

มะเขือพวงมีดอกขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาวหรือม่วง เกสรสีเหลือง ผลกลมขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ เซนติเมตร ก้านผลยาว อยู่รวมกันเป็นช่อกลม ผลอ่อนมีเปลือกสีเขียวหนาเหนียว ผลแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อสุกเป็นสีแสดแดง ภายในผลมีเมล็ดมากมายแทบจะไม่มีเนื้อในผลเลย

มะเขือพวงนับเป็นมะเขือโบราณที่ยังมีลักษณะเป็นพืชป่าอยู่มาก เพราะไม่มีการปรับปรุงพันธุ์ ดังเช่นมะเขือชนิดอื่นๆ ดังเช่น ผลขนาดเล็ก เปลือกที่หนาเหนียว เมล็ดที่มากมาย และหนามตามลำต้นและกิ่งก้าน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความทนทานแข็งแรงต่อดินฟ้าอากาศและโรคแมลงต่างๆ เหนือกว่ามะเขืออื่นๆ โดยเฉพาะลักษณะยืนต้นข้ามหลายๆปีและลำต้นทรงพุ่มใหญ่โตเป็นพิเศษ ซึ่งไม่พบในมะเขือชนิดที่ปรับปรุงพันธุ์แล้ว

จึงอาจกล่าวได้ว่ามะเขือพวงเป็นมะเขือโบราณที่มีทวิลักษณะ คือลักษณะที่ขัดแย้งกัน ๒ อย่าง คือ ความใหญ่โตของทรงพุ่ม ซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดามะเขือด้วยกันและขนาดเล็กของผลซึ่งเล็กที่สุด ในบรรดาผลมะเขือนั่นเอง

ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของมะเขือพวง คือในเขตร้อน (tropical) แต่ไม่สามารถเจาะจงได้ว่าอยู่ที่ใดโดยเฉพาะ พบขึ้นอยู่ทั่วไปในเขตร้อน ทั้งขึ้นเองตามธรรมชาติและถูกนำมาเพาะปลูกในพื้นที่เกษตร

มะเขือพวงมีชื่อเรียกต่างๆกันไปตามท้องถิ่น เช่น มะเขือพวง (กลาง) มะแคว้งกุลา (เหนือ) หมากแข้ง (อีสาน) มะเขือละคร (โคราช) เขือน้อย เขือพวง ลูกแว้ง เขือเทศ (ใต้) และมะแว้งช้าง (สงขลา) เป็นต้น

มะเขือพวงในฐานะผัก
ส่วนของมะเขือพวงที่นำมาใช้เป็นผักก็คือผลอ่อนที่มีสีเขียว หากใช้เป็นผักจิ้มนิยมทำให้สุกโดยการ เผา ปิ้ง หรือย่าง พอให้ผิวกรอบหรือไหม้บางส่วน จะทำให้รสชาติดีขึ้น และผลนิ่มกว่าเมื่อยังดิบ นอก จากนี้ยังอาจนำไปลวกหรือต้มให้สุกก็ได้ แต่ไม่ค่อยนิยมกัน
ผลอ่อนดิบ นำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงป่าต่างๆ (ไก่ เนื้อ นก ปลา) แกงคั่ว (ไก่ ปลาไหล) แกงเขียวหวาน (ไก่ ลูกชิ้นปลา) แกงอ่อม (ปลาดุก) ซุปอีสาน และเครื่องจิ้มต่างๆ เช่น น้ำพริกมะเขือพวง น้ำพริกแมงดา น้ำพริกกะปิ น้ำพริกขี้กา น้ำพริก กุ้งสด น้ำพริกหอยแมลงภู่ น้ำพริกไข่เค็ม และปลาร้าทรงเครื่อง เป็นต้น มะเขือพวงทำให้กลิ่นรสของเครื่องจิ้ม ต่างๆ มีความพิเศษออกไปจากปกติ นับเป็นความริเริ่มที่ชาญฉลาดของแม่ครัวไทยในอดีต ที่ยังคงสืบทอดมาจนทุกวันนี้ ทำให้เครื่องจิ้มของไทยมีความหลากหลาย สามารถตอบสนองรสนิยมของผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง อันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่ทำให้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกนั่นเอง

ประโยชน์ด้านอื่นของมะเขือพวง
ผลดิบของมะเขือพวงใช้เป็น ยาแก้ไอ ขับปัสสาวะ และช่วยย่อยอาหาร การกินผลมะเขือพวงดิบเป็นอาหาร(เช่นในเครื่องจิ้มชนิดต่างๆ) ก็คงมีสรรพคุณทางยาด้วยเช่นเดียว กัน ส่วนรากของมะเขือพวงใช้รักษาโรคฝ่าเท้าแตก หรือโรคตาปลา

ในด้านการเกษตร มะเขือพวงนับเป็นมะเขือที่เหมาะกับการเกษตรแบบยั่งยืนที่ไม่ใช้สารเคมี (ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืช ฯลฯ) เพราะเป็นมะเขือที่ทนทาน แข็งแรง ต้นสูงใหญ่และอายุยืนหลายปี ไม่ต้องปลูกและดูแลรักษามากเหมือนมะเขือชนิดอื่น การเก็บผลมะเขือพวงใช้แรงงานมาก เพราะผลเล็ก อยู่บนต้นขนาดใหญ่ จึงเหมาะสำหรับเกษตรกรรายย่อยที่ใช้แรงงานเป็นทุนหลัก ดังจะเห็นว่าในหมู่ชนพื้นเมืองดั้งเดิม เช่น ชาวไทยภูเขาต่างๆ นิยมปลูกมะเขือพวงไว้ในระบบเกษตรพื้นบ้าน เช่น วนเกษตร หรือไร่หมุนเวียนในเขตป่าภาคเหนือและภาคตะวันตก

สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผัก สวนครัวเอาไว้บริโภคเองในครอบครัว ก็อาจปลูกมะเขือพวงเอาไว้สักต้น ก็จะเก็บผลไปประกอบอาหารได้นานหลายปี โดยไม่ต้องปลูกใหม่ หรือเอาใจใส่มากเท่าพืชหรือมะเขือชนิดอื่น

นอกจากประโยชน์สำหรับมนุษย์ แล้ว มะเขือพวงยังเป็นอาหารที่ดีสำหรับนกหลายชนิดอีกด้วย ผลมะเขือพวงสุกมีสีแสดแดงสะดุดตา ดึงดูดนกมากินและนำเมล็ดไปถ่ายไว้ในที่ต่างๆ เป็นการขยายพันธุ์มะเขือพวงตามธรรมชาติ เมื่อมะเขือพวงมีขนาดทรงพุ่มสูงใหญ่พอสมควรก็จะมีนกมาทำรังออกลูกเพาะพันธุ์กันบนต้นมะเขือพวงได้อีกด้วย ซึ่งผู้ปลูกจะได้รับความเพลิดเพลินจากการสังเกตศึกษาชีวิตนก พร้อมกับได้บุญกุศลไปด้วย สมกับคำพังเพยที่ว่า “เสียกระสุน นัดเดียว แต่ได้นกหลายตัว” นั่นเอง ผิดกับคำพังเพยนิดเดียวตรงที่ นกหลายตัวจากการปลูกมะเขือพวงนั้น เป็นนกที่มีชีวิตและมีความสุข มิใช่นกที่ถูกยิงตายจากกระสุนนัดเดียวดังเช่นคำพังเพย

ข้อมูลสื่อ

234-010
นิตยสารหมอชาวบ้าน 234
ตุลาคม 2541
ต้นไม้ใบหญ้า
เดชา ศิริภัทร