• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

วิธีการอยู่กับโรคภูมิแพ้ โรคหืดโดยสันติ

ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่เป็นโรคภูมิแพ้ และเข้าใจว่าเป็นหืดด้วย เพราะเคยหายใจขัดข้อง เคยหายใจมีเสียงวี้ดบ้างบางครั้ง ได้พบหมอที่ชมรมโรคหืดฯ ให้ยาพ่นมา ๒ ชนิด คือ ยาต้านการอักเสบ (หลอดสีแดง) กับยาพ่นขยายหลอดลมแก้หายใจขัดข้องฉับพลัน (หลอดสีฟ้า)
ดิฉันปฏิบัติตามหมอสั่งในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เป็นภาระอย่างหนึ่งในการเดินทางไปไหนๆ ที่ จะต้องมียาทั้ง ๒ ติดตัวไปด้วย อย่าลืมเป็นอันขาด ถ้าลืมยานี้ ก็ต้องร้องเพลงฉันไปค้างคืนที่ไหนไม่ได้

ดิฉันไปออกกำลังกายในตอนเช้า โดยวิธีเดินเร็วๆ และท่ากายบริหารต่างๆ แทบทุกวัน แอบหวัง เงียบๆ ไว้ในใจว่า โรคภูมิแพ้นี้จะอำลาจากดิฉันไป บ้าง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ดิฉันขัดคำสั่งหมอ โดยไม่ตั้งใจ คือดิฉันลืมใช้ยาต้านการอักเสบไป ๑ วัน (๒ ครั้ง ๔ พัพ) ซึ่งหมอบอกให้ใช้ตลอดจนกว่า จะสั่งหยุด เหตุการณ์เป็นปกติดี ดิฉันก็เลยทำเป็นลืมพ่นวันเว้นวัน ต่อไปก็พ่นวันเว้น ๒ วัน...วันเว้น ๓ วัน เป็นต้น ตอนนี้ดิฉันไม่ได้พ่นยาต้านการอักเสบ นั้น ยาขยายหลอดลมก็ไม่ได้ใช้ นานๆ จะใช้สักครั้ง ซึ่งดิฉันก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ดิฉันมักจะนอนได้ไม่ค่อยถึง ๗-๘ ชั่วโมง เมื่อ นอนแล้วจะตื่นประมาณตี ๓ หรือตี ๓ ครึ่งเสมอ ตื่นแล้วก็หลับยาก อาจหลับๆ ตื่นๆ ไปบ้าง ต้องพ่น ยาขยายหลอดลมในช่วงนี้ มีคนในวัยเดียวกับดิฉัน (วัยทอง) ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ตื่นในเวลาเช่นนี้หลายคน ดิฉันตรึกตรองดูแล้วคิดว่าคงจะเป็นช่วงที่อา-กาศเย็นลงมาก จึงลองใช้ผ้าพันคอไว้ในตอนที่ตื่นประมาณตี ๓ ดูซิ ดิฉันได้ลองทำดูในคืนแรก เมื่อตื่นประมาณตี ๓ กว่าๆ ก็หยิบผ้ามาพันคอ ลุกขึ้นมาดื่มน้ำแล้วก็ปัสสาวะ หวีผมสักหน่อย แล้วก็นอน เอ๊ะ!...หลับต่อได้โดยไม่ต้องพ่นยา ดิฉันทำเช่นนี้มา ๒-๓ คืนแล้วโดยไม่ต้องพ่นยาขยายหลอดลม ทำให้ไม่มีเสมหะด้วย ถือเป็นการนอนหลับพักครึ่งแล้วหลับต่อ ดีกว่าหลับๆ ตื่นๆ หรือไม่หลับเลย ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้ได้ผลดี อาจมีประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง จึงเขียนมาเล่าสู่กันฟัง ปัจจุบันดิฉันก็ไม่ได้ใช้ยาพ่นทั้ง ๒ ชนิดนี้มา ๓-๔ เดือนแล้วก็ยังปกติดีค่ะ

สรุปเรื่องนี้ก็คือ
๑. การเว้นพ่นยาต้านการอักเสบอย่างมีศิลปะ ก็ทำให้ไม่ต้องพ่น โดยอาการของโรคไม่กำเริบ
๒. การใช้ผ้าพันคอเมื่อตื่นมาตอนตี ๓ ทำ ให้ไม่มีเสมหะ หลับต่อได้โดยไม่ต้องพ่นยาขยายหลอดลม
๓. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ข้อนี้ดิฉันว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก
ดิฉันไม่กล้าคิดว่า นี่เป็นการเอาชนะโรคภูมิแพ้ และโรคหืดได้อย่างเด็ดขาด คิดแต่เพียงว่าเป็นวิธีการอยู่ร่วมกับโรคภูมิแพ้ โรคหืดโดยสันติ ถ้าใครนำวิธีการนี้ไปใช้และได้ผลดี ดิฉันก็ภูมิใจและยินดี
ขอจบด้วยพุทธพจน์ที่ว่า อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ขอให้ทุกท่านมีลาภอันประเสริฐกันทั่วหน้านะคะ

ข้อมูลสื่อ

285-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 285
มกราคม 2546
วันเพ็ญ สกุลงาม