• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เป็นสาวก่อนวัย

ในปัจจุบันหากสังเกตให้ดี จะพบว่าเด็กหญิงสมัยนี้เติบโตเป็นสาวเร็วกว่าเด็กหญิงสมัยก่อน หรือจะเป็นเพราะเด็กสาวสมัยนี้รู้จักแต่งตัว จึงทำให้มองดูเป็นสาวเร็ว

อย่างไรจึงเรียกว่าเป็นสาวก่อนวัย
ปกติเด็กหญิงจะเริ่มเป็นสาว เมื่ออายุระหว่าง ๘-๑๓ ปี อาการที่บ่งบอกว่าเริ่มเป็นสาวแล้วคือ เริ่มมีการขยายตัวของหัวนม และต่อมาหน้าอกค่อยๆโตขึ้น ช่วงนี้เด็กจะโตเร็ว เริ่มมีตกขาวและภายใน ๑-๒ ปีต่อมาก็จะมีประจำเดือนครั้งแรก

ส่วนที่เรียกว่าเป็นสาวก่อนวัย คือการที่เด็กหญิงเริ่มมีการพัฒนาของหน้าอกก่อนอายุ ๘ ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ ๙ ปี แต่ถ้าอายุเกิน ๑๓ ปีแล้วยังไม่เริ่มเป็นสาว ก็เรียกว่าเป็นสาวช้ากว่าปกติ

ทำไมจึงเป็นสาวก่อนวัย
ลักษณะทางเพศที่แสดงออกว่าเริ่มเป็นสาวแล้วนั้นถูกกำหนดโดยฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองอีกต่อหนึ่ง

สาเหตุของการเป็นสาวก่อนวัย ส่วนมากจะไม่ทราบสาเหตุ ตรวจพบแต่เพียงว่ามีฮอร์โมนออกมาจากต่อมใต้สมองก่อนวัยอันควร ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองก็ไม่พบความผิดปกติ มีส่วนน้อยที่เกิดจากเนื้องอกในสมองมากระตุ้นให้ฮอร์โมน จากต่อมใต้สมองออกมาก่อนกำหนด

เป็นสาวก่อนวัยจะมีผลเสียอย่างไรบ้าง
ขั้นแรกต้องหาสาเหตุก่อน ถ้าเป็นเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดออก ถ้าตรวจสมองไม่พบสาเหตุ ผลเสียของการเป็นสาวก่อนวัย จะเป็นผลโดยตรงจากฮอร์โมนเพศหญิง ผลเสียที่สำคัญๆ มี ๒ อย่าง คือ
๑. ช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น เด็ก จะสูงกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยกว่าปกติ เนื่องจาก ฮอร์โมนเพศหญิงทำให้โตเร็วในวัยเด็ก เป็นผลให้กระดูกปิดเร็วกว่าวัยปกติ เด็กบางรายอายุ ๑๐-๑๒ ปี ก็หยุดการเจริญเติบโตแล้ว เนื่องจากกระดูกปิดสนิท ดังนั้นระยะเวลาการเจริญเติบโตจึงสั้นกว่าปกติ เมื่อเป็นผู้ใหญ่จึงเตี้ยกว่าปกติ
๒. ปัญหาทางด้านจิตใจ เด็กที่เป็นสาวก่อนวัยบางรายจะรู้สึกอายเพื่อน เพราะว่ามีหน้าอกโต ในขณะที่เพื่อนๆยังไม่มีหน้าอกโต บางรายถูกรังแกทางเพศจากผู้ใหญ่เพศชาย พบได้ตั้งแต่ถูกจับหน้าอก จน กระทั่งถูกข่มขืนและตั้งครรภ์ตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากเด็กที่เป็นสาวก่อนวัยจะมีร่างกายเหมือนเด็กสาววัยรุ่นแต่จิตใจยังเป็นเด็ก

เป็นสาวก่อนวัยจะรักษาได้อย่างไร
การรักษาเพื่อชะลอการเป็นสาว โดยการให้ยาฉีด GnRH-agonist ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้น ฉีดเข้ากล้ามเดือนละ ๑ ครั้งทุกเดือน ฮอร์โมนชนิดนี้จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ทำให้ ฮอร์โมนเพศจากรังไข่ลดลง ยาชนิดนี้ต้องฉีดติดต่อกันไปจนอายุประมาณ ๑๑-๑๓ ปี เมื่อหยุดยาเด็กก็จะเริ่มเป็นสาวภายใน ๓-๖ เดือน

ผลดีของการรักษา
๑. ทำให้หน้าอกมีขนาดเล็กลง บางรายจะยุบลงจนเหมือนเด็กปกติ
๒. การชะลอการเป็นสาว จะทำให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติเหมือนเด็กวัยเดียวกัน กระดูกก็จะไม่ปิดเร็วกว่าปกติ เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะมีความสูงใกล้เคียงปกติตามศักยภาพ ทางพันธุกรรม
๓. ทำให้สภาพจิตใจกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากร่างกายกลับสู่สภาพเหมือนเด็กวัยเดียวกัน

ผลเสียของการรักษา
ผลเสียที่ชัดเจนคือ ต้องถูกฉีดยาเข้ากล้ามทุกเดือนติดต่อกันนานหลายปี เสียค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากยาราคาแพง (เกือบ ๑ หมื่นบาทต่อเดือน) นอกจากนี้บางรายอาจพบว่า มีอาการแพ้ยาทำให้ต้องหยุดการใช้ยา ส่วนผลเสียระยะยาวต่อระบบสืบพันธุ์เท่าที่ติดตามข้อมูลทางการแพทย์ที่ใช้ยานี้มาประมาณ ๑๕ ปี ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์

เด็กปกติที่เป็นสาวในวัยปกติ ถ้าฉีดยาชนิดนี้เพื่อชะลอการปิดของกระดูกจะช่วยให้สูงได้หรือไม่
จากผลการทดลองฉีดยาชนิดนี้ในเด็กปกติที่เริ่ม เป็นสาวเมื่ออายุ ๙-๑๑ ปี ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มปกติ พบว่ายา ช่วยชะลอการเป็นสาวได้ แต่เมื่อติดตามกลุ่มนี้จนโตเป็นผู้ใหญ่ พบว่าไม่ช่วยให้เป็นผู้ใหญ่ที่สูงขึ้นกว่าปกติ ในขณะนี้ยังมีการทดลองให้ ยานี้เพื่อหวังผลทางด้านเพิ่มความสูงทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังต้องรอดูข้อมูลที่ชัดเจนซึ่งทดลองในกลุ่มคนจำนวนมากขึ้น จึงต้องติดตามดูต่อไปอีก ๓-๕ ปี ดังนั้นการใช้ยาชนิดนี้ในเด็กปกติ จึงถือว่าเป็นการทดลองรักษา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ผลในการเพิ่มความสูง

ยาชนิดนี้เป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมากในคนสูงอายุ และรักษาโรคendometriosis จะมีผลทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่
ยาชนิดนี้มีผลในการลดระดับฮอร์โมนเพศ ดังนั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับยานี้จะมีฮอร์โมนเพศลดลง ทำให้กระดูกบางลง และเกิดโรคกระดูกพรุนได้ แต่ในเด็กการให้ยาเพื่อลดระดับฮอร์โมนเพศที่สร้างขึ้นก่อนวัยอันควร การลดฮอร์โมนเพศเป็นการปรับให้ร่างกายเด็กมีฮอร์โมนเพศต่ำๆ ตามปกติเป็นการเลียนแบบธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่พบฮอร์โมนชนิดนี้ทำให้เด็กที่ใช้มีกระดูกบางกว่าปกติ

ข้อมูลสื่อ

239-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 239
มีนาคม 2542
เรื่องน่ารู้