• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ฮอร์โมนเพิ่มความสูงมีจริงหรือ

ฮอร์โมนเพิ่มความสูงมีจริงหรือ

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีค่านิยมเรื่องความสูง คือ สูงดีกว่าเตี้ย ส่วนมากต้องการให้ลูกชายสูงขึ้นประมาณ ๖ ฟุต หรือ ๑๘๐ เซนติเมตร โดยเปรียบเทียบกับพระเอกในภาพยนตร์ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าสูงแล้วดูสง่างามมีอำนาจ และมีลักษณะผู้นำส่วนลูกสาวควรสูงประมาณ ๑๗๐ เซนติเมตรขึ้นไป โดยเปรียบเทียบกับนางแบบหรือนางงามจักรวาลซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าผู้หญิงสูงดูสวยและมีเสน่ห์


เราทราบมานานแล้วว่าร่างกายมนุษย์มีฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตหรือช่วยเพิ่มความสูงที่สำคัญมากชนิดหนึ่ง คือ ฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตที่เรียกว่า โกร๊ทฮอร์โมนหรือฮอร์โมนจีเอช (growth hormone, GH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างและหลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง ฮอร์โมนจีเอชจะกระตุ้นให้มีการยึดของกระดูกในแนวยาวทำให้ร่างกายของคนเราสูงขึ้น เด็กที่เป็นโรคขาดฮอร์โมนจีเอชมักมีการเจริญเติบโตช้าและเป็นผู้ใหญ่ที่มีส่วนสูงประมาณ ๑๒๐-๑๔๐ เซนติเมตร การรักษาด้วยฮอร์โมนที่ช่วยให้เด็กกลุ่มนี้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสูงปกติ ในทางตรงกันข้ามเด็กที่เป็นโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองชนิดที่มีการสร้างฮอร์โมนจีเอชมากผิดปกติ มักจะเจริญเติบโตเร็วและเป็นผู้ใหญ่ที่มีส่วนสูงประมาณ ๒๐๐-๒๕๐ เซนติเมตร


ทำไมแต่ละคนสูงต่างกัน

ปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสูงของแต่ละคนคือ พันธุกรรม, ภาวะโภชนาการ, สิ่งแวดล้อม และความเจ็บป่วยในคนๆนั้น ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ความสูงของพ่อแม่เป็นดัชนีกำหนดศักยภาพความสูงของลูก ตัวอย่างเช่น พ่อสูง ๑๖๕ เซนติเมตร แม่สูง ๑๕๕ เซนติเมตร ในกรณีที่ลูกแข็งแรงปกติดี สามารถคำนวณความสูงของลูกได้ดังนี้

  • ลูกชายจะสูง = 165+155 + 5.5  = 165.5  เซนติเมตร + 10 เซนติเมตร
                               2
  • ลูกสาวจะสูง =  165+155 - 5.5  = 154.5 เซนติเมตร + 10 เซนติเมตร
                              2

ดังนั้นพี่น้องจากพ่อแม่เดียวกันจึงมีความสูงที่แตกต่างกันได้มากพอสมควร ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละคนได้รับหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมความสูงแตกต่างกัน

ปัจจัยทางโภชนาการและการออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยสำคัญมากเช่นกัน กล่าวคือ เด็กที่ขาดอาหารก็จะมีการเจริญเติบโตช้า และโตเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยกว่าที่ควรจะเป็นตามศักยภาพทางพันธุกรรม ในขณะที่เด็กที่ได้อาหารครบส่วนก็จะมีการเจริญเติบโตได้เต็มที่ตามศักยภาพความสูงในครอบครัวนั้นๆ ตัวอย่างเช่น คนญี่ปุ่นหลังสงครามโลกมีการเจริญเติบโตสูงขึ้นเนื่องจากมีภาวะโภชนาการดีขึ้น แต่ความสูงเฉลี่ยของคนญี่ปุ่นก็ยังน้อยกว่าชาวอเมริกันหรือยุโรป ทั้งนี้สืบเนื่องจากศักยภาพทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกันขณะนี้ความสูงเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นประมาณ ๕ เซนเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับคนไทยเมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน ดังนั้นเด็กหนุ่มสาวในปัจจุบันจึงมักจะสูงกว่ารุ่นพ่อแม่ แต่มักจะไม่สูงเกินกว่าศักยภาพความสูงในครอบครัวนั้นๆ

สิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอีกเช่นเดียวกัน ประเทศที่มี ๔ ฤดู จะพบว่า ฤดูร้อน มีแสงแดดจัด เด็กจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าฤดูหนาวซึ่งใส่เสื้อผ้าหนาไม่ถูกแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากแสงแดดมีความสำคัญต่อการสร้างวิตามินดีของร่างกาย และวิตามินดีมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกโดยตรง นอกจากนี้โรคหรือความเจ็บป่วยก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ โรคขาดฮอร์โมนบางชนิด, โรคหัวใจ, โรคไต, โรคตับ, โรคกระดูก เป็นต้น โรคเหล่านี้มีส่วนสำคัญทำให้เจริญเติบโตช้า ปัจจุบันมนุษย์สามารถสังเคราะห์ฮอร์โมนจีเอชได้จำนวนมากๆในห้องทดลองโดยไม่จำเป็นต้องไปสกัดจากต่อมใต้สมองของคนที่เสียชีวิตเหมือนในสมัยก่อน

ฮอร์โมนจีเอชจะช่วยเพิ่มความสูงของเด็กปกติให้สูงกว่าศักยภาพทางพันธุกรรม ได้หรือไม่

ขณะนี้ทั่วโลกมีเด็กปกติซึ่งไม่ขาดฮอร์โมนจีเอชและได้รับการฉีดฮอร์โมนนี้หลายหมื่นราย โดยให้ขนาดยาประมาณ ๒-๓ เท่าของขนาดที่ร่างกายคนปกติสร้างขึ้น (GH secretory rate) พบว่า เด็กกลุ่มนี้มีการเจริญเติบโตเร็วขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีแรกและปีที่สองของการรักษาปีถัด ๆไป อัตราการเจริญเติบโตจะค่อยๆลดลง ความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ยังมีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอที่จะบอกได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ของเด็กกลุ่มนี้ยังไม่หยุดการเจริญเติบโต ข้อเท็จจริงที่พบได้ในเด็กกลุ่มนี้คือ เมื่อฮอร์โมนจีเอชเร่งการเจริญเติบโตให้เร็วขึ้นก็จะเร่งการปิดของกระดูกให้เร็วขึ้นด้วย เมื่อกระดูกปิดแล้วก็จะไม่มีการยึดของกระดูกอีกต่อไป ดังนั้นฮอร์โมนจีเอชอาจทำให้โตเร็วขึ้นในระยะที่สั้นลง ความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่อาจจะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเด็กปกติที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนนี้

การศึกษาจากประเทศอิตาลีที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ (Journal of Pediatrics) เมื่อปลายปี ๒๕๓๗ ได้รายงานการรักษาเด็กเตี้ยที่ไม่ได้ขาดฮอร์โมนจีเอชจำนวน ๑๕ ราย นานติดต่อกันเป็นเวลา ๔-๑๐ ปี พบว่าเด็กกลุ่มนี้มีการเจริญเติบโตเร็วขึ้นใน ๔ ปีแรกของการรักษา แต่ความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้แตกต่างกับความสูงตามศักยภาพทางพันธุกรรม และก็ไม่แตกต่างกับความสูงที่คำนวณได้ก่อนให้การรักษา แสดงว่าฮอร์โมนจีเอชเร่งการเจริญเติบโต และก็เร่งให้กระดูกปิดเร็วขึ้นด้วย เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับความสูงตอนเป็นผู้ใหญ่ในเด็กกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนจีเอชยังมีน้อยมาก ฉะนั้นคงต้องติดตามผลในระยะ ๕-๑๐ ปี จึงจะมีข้อมูลที่เด่นชัดว่าฮอร์โมนนี้ ช่วยเพิ่มความสูงในเด็กปกติได้มากน้อยแค่ไหน

การได้รับฮอร์โมนจีเอชสูงจะมีผลอย่างไร

มีการพบว่า เด็กที่มีเนื้องอกของต่อมใต้สมองชนิดที่มีการสร้างฮอร์โมนจีเอชมากผิดปกติมีความสูงได้กว่า ๒๐๐ เซนติเมตร เนื่องจากฮอร์โมนจีเอชที่เนื้องอกสร้างขึ้นมีปริมาณมากขึ้นหลายสิบเท่า ดังนั้นหากฉีดฮอร์โมนจีเอชขนาดสูงหลายสิบเท่าให้เด็กปกติ ก็น่าจะช่วยให้เด็กปกติสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็คงจะเกิดโรคแทรกซ้อนจากการที่มีระดับฮอร์โมนจีเอชในร่างกายมากเกินไป เช่น โรคเบาหวาน, ความดันเลือดสูง, โรคกระดูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น โรคเหล่านี้พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกดังกล่าว จึงไม่คุ้มที่จะมีความสูงเพิ่มขึ้นแต่มีโรคแทรกซ้อนหลายอย่างตามมา


มีฮอร์โมนอื่นช่วยในการเจริญเติบโตหรือไม่

ฮอร์โมนเพศ (sex steroids) ซึ่งมีทั้งฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน (estrogen) และฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตอโรน (testosterone) ฮอร์โมนเพศนี้ช่วยในการเจริญเติบโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว ฮอร์โมนเพศหญิงกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของเต้านม ฮอร์โมนเพศชายกระตุ้นให้อวัยวะเพศโตขึ้นและมีขนบริเวณหัวเหน่า ทั้งฮอร์โมนเพศชายและหญิงกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนจีเอชเพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้กระดูกยืดยาวออก จึงทำให้เด็กวัยรุ่นโตเร็วขึ้นมาก

สาเหตุของเด็กเตี้ยในช่วงอายุ ๙-๑๕ ปี ที่พบบ่อยคือ ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวช้า เด็กมักจะมีประวัติครอบครัวคือ พ่อหรือแม่เป็นหนุ่มสาวช้ากว่าปกติ ตัวอย่างเช่น แม่มีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๖ ปี หรือพ่อเริ่มเป็นหนุ่มและโตเร็วเมื่ออายุ ๑๘ ปี ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวช้านี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ เพราะในที่สุดเด็กจะเจริญเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสูงปกติ เด็กบางรายที่มีปัญหาทางจิตใจมาก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเป็นหนุ่มสาวช้า แพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนเพศปริมาณน้อยๆ นาน ๓-๖ เดือน มักให้เมื่อเด็กอายุมากกว่า ๑๓-๑๔ ปี เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มเข้าสู่ความเป็นหนุ่มสาว การให้ฮอร์โมนในลักษณะนี้เป็นการให้เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งไม่มีผลต่อการทำให้กระดูกปิดเร็วขึ้น และไม่มีผลต่อความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่ กล่าวคือ ไม่ทำให้ความสูงตอนเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นหรือลดลง การให้ฮอร์โมนจีเอชในเด็กที่มีภาวะนี้ก็จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้ แต่ไม่มีข้อมูลว่าจะทำให้เด็กกลุ่มนี้มีความสูงสุดท้ายเพิ่มขึ้นจากปกติ


การใช้ฮอร์โมนเพศมีผลดี ผลเสียอย่างไร

การใช้ฮอร์โมนเพศที่ไม่มีข้อบ่งชี้ตามหลักวิชาการจะให้โทษมากกว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็ก เช่น ผสมฮอร์โมนเพศในอาหาร หรือใช้เป็นยากระตุ้นให้อยากอาหาร ถ้าใช้ในเด็กจะทำให้เด็กกินอาหารได้มาก และเจริญเติบโตเร็วขึ้นอย่างชัดเจน คล้ายๆ กับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเป็นหนุ่มสาว ซึ่งมีฮอร์โมนเพศในร่างกายมาก แต่ข้อเสียที่ตามมา คือ เด็กจะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย ตัวอย่างเช่น บางรายมีเต้านมโตตั้งแต่อายุ ๓ ขวบ เด็กชายบางรายมีขนที่หัวเหน่าตั้งแต่อายุ ๔ ขวบ นอกจากนั้นการเจริญเติบโตของกระดูกที่เร็วผิดปกติจะทำให้กระดูกปิดเร็วก่อนกำหนด ทำให้หยุดการเจริญเติบโตทางด้านความสูงก่อนวัย จึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยกว่าปกติ


อยากสูงโดยไม่ใช้ฮอร์โมนควรทำอย่างไร

ขณะที่เราพยายามหาสารจากภายนอกมาใช้เพิ่มความสูงของมนุษยชาติ เราควรมองปัจจัยธรรมชาติที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อที่จะให้เด็กมีการเจริญเติบโตได้สูงสุดตามศักยภาพที่มีอยู่ ปัจจัยที่สำคัญ คือ ภาวะโภชนาการ อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างมาก คือ ต้องได้ปริมาณหรือแคลอรีเพียงพอ และได้คุณภาพหรืออาหารครบส่วน เด็กที่กินอาหารโปรตีนพอเหมาะจะเจริญเติบโตดีกว่าเด็กที่กินอาหารโปรตีนต่ำ

เด็กที่ดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์นม ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของแคลเซียม จะทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโตและหนาตัวมากกว่าเด็กที่กินอาหารแคลเซียมต่ำ ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนจีเอชเพิ่มขึ้น ปัจจัยสุดท้าย คือ การนอนหลับ โดยปกติฮอร์โมนจีเอชจะหลั่งออกมาในขณะที่หลับสนิท ขณะตื่นหรือหลับๆ ตื่นๆ ฮอร์โมนจีเอชจะหลั่งออกมาน้อยมาก ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้เด็กปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการนอนหลับเพื่อให้เด็กเจริญเติบโตได้เต็มศักยภาพความสูง โดยไม่ต้องอาศัยสารกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย


ปัญหาการใช้ฮอร์โมนจีเอช

การบริหารยาฮอร์โมนจีเอชในปัจจุบันมีเพียงวิธีเดียว คือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนังวันละครั้งก่อนนอน โดยทั่วไปจะฉีดจนกระทั่งเด็กหยุดการเจริญเติบโตหรือกระดูกปิด ดังนั้นการรักษาจึงต้องฉีดยาติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆปี ปัญหาที่สำคัญ คือ การฉีดยาทุกวันอาจมีผลเสียทางด้านจิตใจในเด็กหลายๆคน นอกจากนี้ราคายาสูงมากคือ ประมาณ ๒-๕ แสนบาทต่อคนต่อปี และสุดท้ายปัญหาที่ยังไม่มีคำตอบก็คือ ผลเสียระยะยาว จะมีหรือไม่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ เนื่องจากยาที่สังเคราะห์ขึ้นนี้ใช้มานานไม่ถึง ๑๐ ปี


สรุป

ฮอร์โมนเพิ่มความสูงมีจริง และช่วยให้เด็กที่ขาดมีความสูงปกติได้ ส่วนเด็กปกติที่ไม่ได้ขาดฮอร์โมน คงต้องติดตามผลการศึกษาวิจัยต่อไปว่าฮอร์โมนจีเอชขนาดที่ปลอดภัยจะช่วยเพิ่มความสูงได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งมีผลเสียระยะยาวที่จะติดตามมาหรือไม่

ข้อมูลสื่อ

219-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 219
กรกฎาคม 2540
บทความพิเศษ