หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่งโฆษณาผลิตภัณฑ์ตัวเองว่า ใช้เสีมความสูง ออกรายการโทรทัศน์บรรดาผู้ปกครองบ้าง เด็กนีกเรียนบ้าง ก็ออกมาถามหาซื้อกันจ้าละหวั่น ครู-อาจารย์บางโรงเรียนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายก็เลยง่วนกับการรับซื้อใบสั่งซื้อจากลูกศิษย์กันยกใหญ่ จึงเกิดคำถามเป็นข้อสงสัยขึ้นมาหลายๆข้อ ดังนี้
๑. ผู้คนเขาคิดเรื่องความสูงกันอย่างไร? "แคลเซียม" มีลต่อกระดูกอย่างไร?
เป็นที่เข้าใจกันดีว่าแคลเซียมมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก แต่คนส่วนใหญ่เห็น "ภาพ" การเจริญของกระดูกในมิติของความสูงอย่างเดียว จริงๆแล้ว กระดูกมีการเจริญตั้งแต่ระยะฟีตัส (อยู่ในครรภ์มารดา) ทารก และเรื่อยไปจนถึงอายุประมาณ ๒๕-๓๐ ปี จากนั้นจะมีการเสริมความแข็งแรงของกระดูก จรถึงระยะมวลกระดูกสูงสุด (Peck Bone Mass) ที่อายุ ๓๕ ปี หลังจากนั้น มวลกระดูกจะลดลงเรื่อยๆตามอายุ สำหรับผู้หญิงมวลกระดูกจะลดลงมากในช่วงหลังหมดประจำเดือน
"มวลกระดูก" หมายถึง ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างหลักและแร่ธาตุต่างๆที่เข้ามาเสริม จึงมีทั้งมิติของความหนา ความใหญ่ มิใช่ความสูง(ยาว) อย่างเดียว สุขภาพกระดูกที่ดีจะหมายถึงความหนาแน่น ซึ่งตรงข้ามกับ ความพรุน ความเปราะบาง หรือความกร่อน มากกว่าจะมุ่งหมายถึง ความสูง(ความยาว)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาวะของกระดูกในแต่ละช่วงชีวิตมี ๔ ประการคือ พันธุกรรม น้ำหนักที่ลดลง โภชนาการ และฮอร์โมน ในข่วงต้นของชีวิต กระดูกเจริญขึ้นภายใต้อิทธิพลที่สำคัญคือ พันธุกรรม ส่วนโภชนาการมีความสำคัญรองลงมา "อิทธิพลของอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียมจะอยู่ใต้อิทธิพลของพันธุกรรม" จึงเป็นเหตุผลที่ระดับมวลกระดูกสูงสุดของคนแต่ละเผ่าพันธุ์มีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามในระยะที่มวลกระดูกยังไม่ถึงค่าสูงสุด การบริโภคแคลเซียมมีความสำคัญต่อการสะสมมวลกระดูก หากบริโภคแคลเซียมไม่เพียงพอ ระดับมวลกระดูกสูงสุดจะต่ำกว่าระดับที่ควรเป็นไปได้ตามศักยภาพ และจะไปมีผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่มีผลกระทบรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตในช่วงสูงอายุ คือภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นภาวะที่มีความหนาแน่นของกระดูกลดน้อยลง จนทำให้กระดูกบางและเปราะ จึงมีโอกาสแตกหักได้ง่าย โดยเฉพาะตรงข้อมือ สะโพก ทำให้หลังค่อม ตัวเตี้ยลง
การดื่มนมตั้งแต่วัยเด็กหรือการให้แคลเซียมเสริมในรูปของยามีผลเพิ่มมวลกระดูกได้ จึงน่าจะมีความสำคัญในการป้องกันภาวะกระดูกพรุน มากกว่าเรื่องเพิ่มความสูงเสียอีก
การเจริญของกระดูกยังต้องการสารอาหาร แร่ธาตุ รวมทั้งวิตามินอื่นๆอีก ได้แก่ โปรตีน(โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่ชื่อ อาร์จีนิน) ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินเอ วิตามินดี เป็นต้น
๒. ค่ามาตรฐานส่วนสูงของเด็กไทยเป็นเท่าไหร่?
จากการสำรวจครั้งล่าสุดของกองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ พบว่าเด็กไทยมีส่วนสูงมากกว่าตอนสำรวจเมื่อปี ๒๕๓๐ เราสามารถเทียบจากตารางได้ ดังนี้
อายุ | มาตรฐานส่วนสูง (เซนติเมตร) | มาตรฐานน้ำหนัก (กิโลกรัม) |
ชาย หญิง | ชาย หญิง | |
ทารก ๐-๕ เดือน ๖-๘ เดือน ๙-๑๑ เดือน เด็ก ๑-๓ ปี ๔-๖ ปี ๑๐-๑๒ ปี ๑๓-๑๕ ปี ๑๖-๑๙ ปี | ๕๑.๘-๖๖.๐ ๕๑.๔-๖๔.๒ ๖๘.๐-๗๑.๒ ๖๖.๒-๖๙.๔ ๗๒.๖-๙๖.๐ ๗๑.๐-๙๕.๒ ๗๖.๔-๙๖.๐ ๗๔.๒-๙๕.๒ ๑๐๓.๔-๑๑๔.๖ ๑๐๒.๔-๑๑๔.๐ ๑๑๙.๖-๑๒๘.๔ ๑๑๙.๓-๑๒๙.๖ ๑๕๓.๘-๑๖๔.๘ ๑๕๓.๕-๑๕๗.๓ ๑๖๗.๗-๑๖๙.๕ ๑๕๗.๕-๑๕๗.๖ | ๕.๘ ๕.๘ ๗.๖ ๗.๖ ๘.๔ ๘.๔ ๑๑.๗ ๑๑.๗ ๑๖.๕ ๑๖.๕ ๒๑.๙ ๒๑.๙ ๒๙.๓ ๓๐.๗ ๕๓.๙ ๔๘.๑ |
หากเรามีส่วนสูงไม่ต่ำกว่าค่าดังกล่าว เราก็น่าจะพอใจ และไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ เพราะความสูงมากกว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าจะมีสุขภาพดีหรือไม่ หากขึ้นอยู่กับพฤติกรรมสุขภาพมากกว่า
๓. อาหารของคนไทยขาดแคลนแคลเซียมหรือ?
ชนิดอาหาร | ปริมาณ แคลเซียม* มิลลิกรัมต่อ ๑๐๐ กรัม | ปริมาณ อาหาร** ที่บริโภคต่อครั้ง | ปริมาณ แคลเซียมที่ได้รับ มิลลิกรัมต่อครั้ง |
กุ้งแห้ง กะปิ งาดำคั่ว กุ้งฝอย ถั่วแดงหลวง, ดิบ ผักโขม เต้าหู้ขาว ผักคะน้า ปลาไส้ตัน งาขาว, คั่ว นมสด | ๒,๓๐๕ ๑,๕๖๕ ๑,๔๕๒ ๑,๓๓๙ ๔๑๕ ๓๔๑ ๒๕๐ ๒๔๕ ๒๑๘ ๙๐ ๑๑๘ | ๑ ช้อนโต๊ะ (๖ กรัม) ๑ ช้อนชา (๕ กรัม) ๑ ช้อนชา (๓ กรัม) ๒ ช้อนโต๊ะ (๑๔ กรัม) ๓ ช้อนโต๊ะ (๓๐ กรัม) ๕ ช้อนโต๊ะ (๒๕ กรัม) ครึ่งหลอด (๙๕ กรัม) ๕ ช้อนโต๊ะ (๔๕ กรัม) ๕ ช้อนโต๊ะ (๒๕ กรัม) ๑ ช้อนชา (๓ กรัม) ๑ แก้ว (๒๕๐ มิลลิลิตร) | ๑๓๘ ๗๘ ๔๓ ๑๘๗ ๑๒๔ ๘๕ ๒๓๗ ๑๑๐ ๕๔ ๓ ๒๙๕ |
เราได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารต่างๆอยู่แล้ว แตกต่างกันตรงที่ว่าแหล่งอาหารชนิดใด ร่างกายสามารถดูดแคลเซียมไปใช้ได้ดีเท่าใด
๔. หากได้รับแคลเซียมมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น?
ขณะนี้ยังอยู่ระกว่างรวบรวมข้อมูลถึงผลข้างเคียงของการได้แคลเซียมมากเกินไป (มากกว่าวันละ ๒,๐๐๐ มิลลิกรัม) ว่ามีผลอย่างไร ไม่ว่าจะทำให้เกิดนิ่วในไต หรือมีสารสะสมของแคลเซียมในเนื้อเยื่อต่างๆที่มิใช่กระดูกและฟัน รวมทั้งการรบกวนหรือยับยั้งการใช้แร่ธาตุอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น สังกะสี และเหล็ก เป็นต้น หรืออาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
อายุ | มิลลิกรัม |
ทารก ๓-๕ เดือน ๖-๘ เดือน ๙-๑๑ เดือน เด็ก ๑-๑๐ ปี ๑๑-๒๔ ปี ผู้ใหญ่ ๒๕ ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร หญิงวัยหมดระดู | ๓๖๐ ๔๒๐ ๔๘๐ ๘๐๐ ๑,๒๐๐ ๘๐๐ ๑,๒๐๐ ๑,๐๐๐-๑,๕๐๐ |
คำตอบและข้อเสนอแนะของคำถามทั้ง ๔ ข้อ คงพอจะให้ข้อคิดและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประโยชน์ที่แท้จริงของแคลเซียมบ้าง เพื่อใช้วิเคราะห์พิจารณารู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา และสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ประหยัดสุด ในยุคไอเอ็มเอฟนะครับ
- อ่าน 4,194 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้