• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อหมอลดน้ำหนัก

ตั้งแต่จำความได้ ดิฉันก็รู้ตัวว่าตนเองค่อนข้างจะเป็นเด็กที่ “สมบูรณ์” อยู่ไม่น้อย เริ่มตั้งแต่เรียนชั้นประถม ทุกครั้งที่โรงเรียนมีการให้ชั่งน้ำหนักตัว วัดส่วนสูง ดิฉันมักจะมีน้ำหนักตัวมาเป็นที่ ๑ ของห้องตลอด จนจบมหาวิทยาลัยและออกมาทำงานได้ ๑ ปีแล้ว น้ำหนักดิฉันก็ไม่เคยลดลงเลย จำได้ว่าตอนที่เป็นนักศึกษาแพทย์นั้น ดิฉันหนักประมาณ ๗๐ กิโลกรัม แต่สูงเพียง ๑๕๕ เซนติเมตร เท่านั้นที่ ดิฉันทราบมาตลอดว่า การที่เรา “อ้วน “ นั้นจะมีปัญหาอะไรตามมาบ้างภายหลัง แต่ด้วยความเคยชินเพราะ “ อ้วน “ มาตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยคิดว่า “ ความอ้วน “นั้นจะมีปัญหาอะไรตามมามากนักสำหรับชีวิตประจำวันของตัวเอง

แต่พอดิฉันเรียนจบมาทำงานเป็นแพทย์ได้ ๑ ปี ก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพ ดิฉันต้องรับการผ่าตัด อาจารย์แพทย์ที่ศิริราชท่านแนะนำให้ดิฉันลดน้ำหนักก่อน เพราะ “ ความอ้วน “จะมีผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งผลด้านการดมยาสลบ และฉีดยาสลบเข้าไขสันหลังด้วย ท่านให้เวลาดิฉัน ๒ เดือน แล้วจึงค่อยผ่าตัด

ดิฉันจึงเริ่มคิดโปรแกรมลดน้ำหนักของตนเองหาหนังสือต่างๆ เกี่ยวกับการลดน้ำหนักมาเพื่อรวบรวมข้อมูล และเริ่มทำตามโปรแกรมที่วางไว้

ดิฉันเริ่มด้วยการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ที่ผ่านมาดิฉันไม่เคยทำเลย กลับจากทำงานก็กินข้าว ดูโทรทัศน์ แล้วนอน
ดิฉันเริ่มด้วยการปั่นจักรยานกับเพื่อนๆ ออกนอกสถานที่รอบๆ หมู่บ้าน วันละ ๗- ๘ กิโลเมตร วันไหนอยู่เวรก็ไม่ได้ปั่น พอปั่นจักรยานแล้วรู้สึกว่าไม่เหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อน
หลังจากนั้นดิฉันก็เปลี่ยนมาวิ่งบ้าง แรก ๆ ก็วิ่งๆ เดินๆ รอบสระน้ำบ้าง รอบสวนสาธารณะบ้าง พอเริ่มปรับตัวได้ก็เริ่มวิ่งวันละ ๓ กิโลเมตรใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พอร่างกายเริ่มเข้าที่ก็เริ่มเต้น แอโรบิก เพราะมีชมรมแม่บ้านเขาเต้นกันอยู่ที่สวนสาธารณะ ดิฉันทำอย่างนี้ทุกวันเมื่อมีเวลา ไม่มีการขี้เกียจ
เรื่องอาหารการกิน ดิฉันก็ใส่ใจมากขึ้น ดิฉันยังคงกิน ๓ มื้อเหมือนเดิม แต่กาแฟกับน้ำอัดลมที่เป็นของชอบ ดิฉันตัดออกไปเลย ดื่มแต่น้ำเปล่าเท่านั้น ขนมหวานที่ชอบกินก็กินน้อยลงและลดปริมาณความหวานลงครึ่งหนึ่ง มื้อกลางวันกินข้าวน้อยลง เน้นผักและผลไม้มากขึ้นคิดอยู่เสมอว่า “ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่นะ “

ตอนนี้ดิฉันเริ่ม “ผอมลง “ ดิฉันดีใจและภูมิใจมากที่ “ ทำได้ “ เพราะถือเป็นความพยายามอย่างหนึ่ง พอดิฉันกลับบ้านเพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนที่บ้านที่เห็นดิฉัน “ อ้วน “ มาตั้งแต่เด็กก็พาตกใจเมื่อเห็นดิฉัน “ผอมลง “ ถามว่าดิฉันเป็นโรคออะไรหรือเปล่า พอดิฉันบอกว่าลดน้ำหนักโดยไม่ได้กินยา ก็พากันมาขอสูตรกันใหญ่ เพราะแต่ละคนล้วนทราบว่าการกินยาเพื่อลดความอ้วนอันตรายแค่ไหน

และผลพลอยได้ที่ “ดี “ ในความรู้สึกอีกอย่างก็คือ พอ “หุ่นเพรียว “ขึ้นเสื้อผ้าก็หาง่าย และใส่แล้วดูดีขึ้น เพราะสมัยก่อนหาซื้อเสื้อผ้ายากมาก

ดิฉันมักจะแนะนำเพื่อน ๆ ถึงเรื่องการลดน้ำหนักอยู่ ๒ เรื่อง คือ “คุณจะผอมลงได้ ต้องกินให้น้อยกว่าที่คุณใช้ “และ “ออกกำลังกายช่วยดึงไขมันที่สะสมไว้ออกไปใช้ และทำให้ร่างกาย แข็งแรง สุขภาพจิตดีขึ้น “

ตอนนี้ดิฉันลดน้ำหนักได้ ๑๓ กิโลกรัม ใช้เวลาเพียง ๖ เดือน น้ำหนักอยู่ตัวแล้วที่ ๕๕ กิโลกรัม ค่ะ
ถ้าคุณเริ่มรู้สึกอึดอัดกับตัวเอง ลองเริ่ม “เอาชนะใจ “ ตนเองให้ได้ และคุณจะภูมิใจกับหุ่นที่เพรียวขึ้น ไม่อึดอัดและอืดอาออีกต่อไป.....ลองออกกำลังกาย และดูแลเรื่องอาหารการกินดู.......แต่อย่าพยายามใช้ยาลดน้ำหนักนะคะ

 

ข้อมูลสื่อ

284-003
นิตยสารหมอชาวบ้าน 284
ธันวาคม 2545
พญ.วันทนา ลิขิตวิเศษกุล