• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

นั่งติดหน้าจอทั้งวัน... พฤติกรรมแบบนี้มีปัญหา?

ถาม ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับการติดโทรทัศน์ของน้องสาว คือดิฉันมีน้องผู้หญิง 2 คนอยู่ที่ต่างจังหวัดกับพ่อและแม่อายุ 11 ปี และ 8 ปี นานๆ ดิฉันจึงกลับบ้านเสียที กลับไปก็มีเวลาอยู่กับบ้านน้อยมาก ปัญหาก็คือน้องสาวดิฉันทั้ง 2 คน เป็นเด็กที่ติดโทรทัศน์มาก และเป็นมาตั้งแต่ยังเล็ก

ส่วนหนึ่งที่น้องจะติดโทรทัศน์มากเพราะพ่อแม่มักจะไม่อยู่บ้านหรือไม่มีเวลาที่จะดูแลมากนักเพราะต้องทำงาน จึงปล่อยให้น้องอยู่กับโทรทัศน์มาตลอด จะได้ไม่ต้องออกไปเล่นข้างนอก อย่างน้อยก็ยังอยู่ในบ้าน จึงปล่อยให้ดูโทรทัศน์กันตามลำพัง และติดทั้งการ์ตูน รายการเกมโชว์ ละครยอดฮิตต่างๆ โดยไม่มีผู้ใหญ่ให้คำชี้แนะว่าอะไรดีไม่ดี และไม่มีใครห้าม

ดิฉันจึงค่อนข้างจะห่วงว่าน้องจะซึมซับและลอกเลียนแบบพฤติกรรมและค่านิยมต่างๆจากโทรทัศน์ และเหมือนว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรๆ ในชีวิตผ่านภาพและเสียงทางจอโทรทัศน์ ซึ่งเท่าที่ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะดีนัก พอโตขึ้นแล้วยังทำให้น้องขี้เกียจ ไม่ยอมช่วยงานในบ้าน เอาแต่นั่งหน้าจอทั้งวัน เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนยังไม่ทันแปรงฟันก็มาเปิดดูรายการการ์ตูนรอบเช้าก่อน จนเย็นก็หลับไป พร้อมกับรายการละครหลังข่าว
 
ตอนนี้ยิ่งหนักไปอีกเพราะที่บ้านเพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์ โดยเป็นข้ออ้างว่าจะต้องเอามาใช้ทำรายงาน เพราะเดี๋ยวนี้ครูที่โรงเรียนจะรับ แต่รายงานที่เป็นตัวพิมพ์เท่านั้น พอเอาเข้าจริงๆ น้องจะใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกมอย่างเมามัน และไม่ยอมขยับลุกไปไหน ไม่ต่างจากดูโทรทัศน์ และมักจะเปิดโทรทัศน์ไว้เสมอไม่ว่าจะดูหรือไม่ แล้วก็เล่นเกมไปด้วย

พฤติกรรมแบบนี้ดิฉันรู้สึกว่าน่าห่วง เวลากลับบ้านก็จะพยายามคิดว่าเราจะใช้เวลาอันน้อยนิดนั้น คุยกับน้องอย่างไร หาวิธีที่จะให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบที่ว่า อย่างน้อยให้เขาสามารถแบ่งเวลาได้ว่าเวลาไหนควรดูโทรทัศน์ ควรเล่นเกมและรู้จักหน้าที่ที่จะช่วยงานบ้านบ้าง พ่อแม่ก็ค่อนข้างจะบ่น แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ และไม่มีเวลามาคอยดูแลมากด้วย
ฉัตรทิพย์/กรุงเทพฯ


ตอบ เราพบเด็กจำนวนมากที่อยู่สภาพเช่นเดียวกับน้องของคุณ และมีปัญหาเนื่องจากพ่อแม่ไม่ค่อยอยู่บ้าน หรือไม่ค่อยมีเวลาดูแลมากนัก เพราะพ่อแม่คิดว่า ให้ลูกอยู่กับโทรทัศน์ดีกว่า ปลอดภัยกว่าการที่จะให้ลูกออกไปเล่นข้างนอก เพราะการออกไปเล่นข้างนอกแล้วคบเพื่อน ซึ่งเพื่อนบางคนอาจจะชวน กันไปทำอะไรที่มีอันตราย หรือมั่วสุม หรือมีพฤติกรรมน่าเป็นห่วง เช่น การติดยาเสพย์ติด พ่อแม่จำนวนมากเลยยอมให้ลูกติดโทรทัศน์ หรือบางรายก็ยอมให้ติดโทรศัพท์ ขออย่างเดียวให้ลูกอยู่ในบ้าน และไม่เพิ่มปัญหาให้แก่พ่อแม่ โดยที่ไม่รู้ว่านั่นแหละคือปัญหา เพียงแต่คอยเวลาที่จะแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน

แล้วเมื่อมาถึงยุคคอมพิวเตอร์เด็กกลุ่มนี้ก็จะหันมาติดคอมพิวเตอร์แทน ซึ่งเป็นการติดที่น่าสนใจกว่าการติดแบบเดิมๆ คือสามารถเล่นเกม สามารถเข้าไปเล่นอินเตอร์เนต เด็กบางคนเล่นได้ทั้งคืนโดยไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน พ่อแม่เองก็ไม่กล้าว่า เพราะเห็นว่าลูกยังเรียนหนังสือและสอบผ่านได้ตามปกติ และกลัวว่าถ้าไปพูดเรื่องการติดคอมพิวเตอร์แล้ว เผื่อว่าลูกเกิดไม่พอใจ ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่พ่อแม่เองก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้เพราะไม่เคยฝึกหัดให้ลูกมีระเบียบวินัยมาก่อน แต่ถึงจะไม่กล้าว่าก็คงรับประกันไม่ได้ว่า จะไม่มีปัญหาในวันข้างหน้า เพราะการเล่นเกมกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น เป็นความรู้สึกที่ท้าทาย ที่ผู้เล่นอยากจะเอาชนะ ขณะเดียวกันเกมก็จะมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นการทดสอบความพยายามของผู้เล่น
 
สิ่งที่เสียไปแน่ๆ คือ การเสียเวลา นอกจากเสียเวลาแล้ว ก็ยังจะทำให้เด็กขาดความสนใจในการทำ งานอื่นๆ หรือการทำการบ้านได้อย่างไม่เต็มศักยภาพ เพราะใจมุ่งแต่คิดจะกลับมาเล่นเกมและเอาชนะให้ได้งานหรือความรับผิดชอบอื่นๆ ก็เลยดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญ แต่ถ้ายังมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง ก็ยังคงทำงานและทำการบ้านอย่างลวกๆ ให้พอเสร็จ แล้วเอาเวลาที่เหลือมาเล่นเกมทั้งหมด

เด็กหลายคนที่มีปัญหาอย่างนี้ พ่อแม่บางคนที่มีความคิดก็เข้ามาพึ่งหมอ แล้วก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็ก เพื่อให้ได้ลูกกลับคืนมาเป็นลูกยอดรักคนดีของตนเองได้เหมือนเดิม เด็กหลายคนพ่อแม่ทิ้งไว้จนกลายเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ มีอยู่ทางเดียวคือต้องอดทน รอคอยว่าสักวันหนึ่งลูกคงจะฉุกคิดได้เอง และก็ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นหรือเปล่า
 
คุณฉัตรทิพย์เป็นห่วงน้อง อยากจะช่วยน้อง คุณเองคงช่วยได้บางส่วน แต่คนที่น่าจะมีบทบาทที่แท้จริงคือคุณพ่อคุณแม่ ท่านมองเห็นหรือเปล่าว่านั่นคือปัญหา น่าจะมีการแก้ไขตามหลักวิชาการ โดยคุณเป็นผู้ช่วยเหลือ สนับสนุนและแนะนำให้ท่านไปพบจิตแพทย์ นักวิชาการมืออาชีพที่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยคุณพ่อคุณแม่ของคุณเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาของน้อง ถ้าแก้คนโตได้ คนเล็กก็จะหายเอง เรียกว่าใช้กระสุนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
 
แต่ถ้ายังทำไม่ได้หรือยังไม่อยากทำ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ยังเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไร อีกหน่อยน้องคงคิดได้เอง คุณก็อาจจะช่วยน้องได้บ้าง แต่อย่าหวังมาก เพราะคงจะเป็นไปได้ยากที่จะให้สำเร็จได้ทั้งหมดอย่างที่ใจของคุณคิด เพียงแต่ว่าสามารถดึงน้องกลับมาหาความสุขความพอใจจากสิ่งอื่นนอกเหนือจากโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ สิ่งที่น่าจะทำได้ขณะนี้คือหาหนังสือดีๆ ที่น่าสนใจไปให้น้องอ่าน มีหนังสือหลายเล่มถ้าเด็กได้อ่านจะทำให้เด็กหลงรักและรักการอ่านโดยไม่รู้ตัว ป้าหมอเคยอ่าน แฮรี พอตเตอร์ และเด็กอีกหลายๆคนที่อายุมากบ้าง น้อยบ้าง ก็หลงรักแฮรี พอตเตอร์ไม่แพ้กับป้าหมอ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม เช่น นิกกับพิม หรือหนังสือแปลที่ชื่อว่า แมวสามสี รวมทั้งหนังสือที่ป้าหมอคุ้นเคยดีชื่อ หุบเขากินคน ที่มีเนื้อเรื่องแสนจะ ตื่นเต้นเร้าใจ ชวนให้ติดตามยิ่งกว่าเล่นคอมพิวเตอร์อีก คุณลองซื้อหนังสือเหล่านี้ไปให้น้องในวันเกิดหรือในวัน ที่มีความหมาย แต่อย่านำไปให้พร้อมกับแสดงความมุ่งหวังว่าน้องจะรีบเปิดอ่าน เพราะบางทีถ้าคุณแสดงความกลุ้มใจมากเกินไป น้องอาจจะไม่เปิดอ่านเลย น้องจะเบื่อ แต่ถ้าน้องเปิดอ่านเมื่อไร หนังสือดีๆ เหล่านี้ ก็จะสะกดและแย่งน้องของคุณให้ออกมาจากรายการโทรทัศน์หรือเกมคอมพิวเตอร์ได้อย่างแน่นอน นอกจากนั้น เรื่องการเล่นกีฬา หรือการเล่นอย่างอื่นๆ ที่น้องไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว ต้องมีคนมาสอน ต้องมีคนมานำเล่น จึงทำได้ยากกว่า หน้าที่ของคุณตอนนี้คือ เวลากลับบ้านอย่าสั่งสอนน้อง อย่าจู้จี้ขี้บ่น แต่ให้เข้าไปนั่งดูน้องเล่นเกม พูดคุยกับน้อง ทำตัวให้เหมือนกับเป็นคนรุ่นเดียวกัน เมื่อสนิทกันแล้ว คุณก็เอาสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งที่มีค่า ไปให้น้องทดลอง ป้าหมอคิดว่าอันนี้อาจจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง เพราะชีวิตที่ผ่านมาน้องไม่เคยได้ลองอ่านหนังสือ ที่ดีมากๆ คือทำให้น้องได้รู้ว่ายังมีความสนุกสนานรื่นเริงและบันเทิง ที่หาได้นอกเหนือจากการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้ ให้ความร่วมมือก็ยิ่งเป็นการผลักดัน อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ป้าหมอเอาใจช่วยนะคะ คิดว่าคงยาก แต่คุณคงไม่ท้อใช่ไหมคะ ขอให้โชคดีค่ะ

ข้อมูลสื่อ

268-015
นิตยสารหมอชาวบ้าน 268
สิงหาคม 2544
จิตวิทยา
ป้าหมอ