• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรควัวบ้า

โรควัวบ้า

ตอนนี้ใครไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้เรื่องโรควัวบ้า (Mad-cow disease) ก็เชยสิ้นดี แม้โรคนี้จะยังไม่เคยปรากฏ(เป็นหลักฐาน)ว่ามีในเมืองไทย ก็คงจะมีในเร็วๆนี้เพราะในอินเดียได้มีรายงานผู้ป่วยเป็นโรคในลักษณะเช่นนี้ในคนมาตั้งแต่ พ.ศ.2527แล้ว และอีกอย่างในโลกที่เรียกว่า ไร้พรมแดน หรือโลกาภิวัตน์นี้อะไรๆก็ถึงกันหมด ผมจึงคิดว่าเราชาวบ้านก็ควรจะรู้ไว้เหมือนกัน

ที่จริงโรควัวบ้า หรือที่เรียกเป็นภาษาทางการแพทย์ว่า bovine spongiform encephalopathy พบว่าเกิดในวัวในประเทศอังกฤษมาตั้งแต่พ.ศ.2520 กว่าๆ คือกว่า 1o ปีมาแล้ว ชื่อมันยาวเลยเรียกสั้นๆว่าบี.เอส.อี เป็นโรคที่เกิดกับเซลล์ประสาท โดยเฉพาะสมอง ทำให้สมองฝ่อ และสัตว์ที่เป็นก็มีพฤติกรรมแปลกๆ ในที่สุดก็ตายเอง


เรื่องสำคัญอยู่ตรงที่ว่าโรคสมองฝ่อในวัวนั้นมันคล้ายกับโรคสมองฝ่อในคนที่เรียกชื่อตามชื่อคนผู้รายงานโรคนี้เป็นครั้งแรกเป็นภาษาอังกฤษว่า Cruetzeldt Jakob disease ดูเหมือนจะอ่านว่า โรคครัชท์เฟลท์-เจคอบ มีผู้แปลเป็นไทยว่า โรคสมองฝ่อ ซึ่งก็ตรงตัวและบอกลักษณะโรคได้ดี แต่โรคครัชท์เฟลท์-เจคอบมักเป็นในคนสูงอายุ ปัจจุบันนี้พบมากขึ้นในคนอายุน้อยลงจนเข้าใจว่าติดเชื้อโรคนี้มาจากการกินเนื้อวัว หรือผลิตภัณฑ์จากวัวที่มีเชื้อโรควัวบ้าอยู่ในตัว


ที่ผมบอกว่า “มีเชื้อโรควัวบ้า” นั้นพูดให้เข้าใจง่าย ที่จริงโรควัวบ้านี้ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอย่างที่เรารู้กัน อันได้แก่ พยาธิ รา แบคทีเรีย หรือไวรัส ที่เราเรียกรวมๆกันว่า จุลินทรีย์ แต่เกิดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีพฤติกรรมคล้ายไวรัส เรียกว่า พรีออน (Prion protein) ซึ่งทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ยังศึกษาไปไม่ลึกซึ้งนัก

แม้ว่าโรควัวบ้าจะมีรายงานว่ามีเกือบทั่วโลกแต่ประเทศอังกฤษตกหนักที่สุด เห็นจะเป็นเพราะว่าพบมากในประเทศอังกฤษ เมื่อเกือบเดือนหนึ่งมาแล้วตอนที่โทรทัศน์ข่าวบีบีซียังรับได้ในบ้านเรานั้น มีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง แต่ไม่มีใครให้ความกระจ่างและชัดเจนในแง่การแพทย์ อย่างไรก็ตามทำให้คนเลิกกินเนื้อวัวไปมาก


พรีออนโปรตีนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรควัวบ้านี้ จะว่าเป็นจุลชีพก็ไม่ใช่ทีเดียว เพราะไม่สังกัดอยู่ในพวกพยาธิ แบคทีเรีย รา หรือไวรัส จะว่าไม่ใช่เชื้อโรค หรือจุลชีพก็ไม่ถนัดนัก เพราะสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนตัวเองได้ และเข้าไปทำลายเซลล์อย่างเฉพาะเจาะจงคือ เซลล์ประสาทเข้ากับคำจำกัดความของจุลินทรีย์ก่อโรคที่นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Koch เขียนไว้


เจ้าตัวก่อโรคที่ว่านี้มีผู้ตั้งชื่อว่า พรีออนโปรตีน เมื่อพ.ศ.2525 นี่เอง ที่จริงมีผู้สงสัยว่าจะมีโปรตีนที่ไม่สามารถจัดเข้าในกลุ่มจุลินทรีย์ได้ตั้งแต่พ.ศ.2497 โน่นแล้ว โรคในกลุ่มที่เกิดจากพรีออนโปรตีนเก่าแก่ที่สุดเท่าที่มนุษย์รู้จักเห็นจะเป็นโรคที่เรียกว่า “คูรู” เกิดในเกาะปาปัวนิวกีนี โดยเกิดจากการกินเนื้อคนในพิธีกรรมโบราณ เชื้อพรีออนที่อยู่ในสมองและอวัยวะต่างๆจะเข้าร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อ อาการค่อยเป็นค่อยไป อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือปี ผู้ป่วยจะหลงลืม แขนขาอ่อนแรง เดินไม่ตรงทาง มือสั่น เท้าสั่น หรือเคลื่อนไหวเองโดยไม่ตั้งใจ สุดท้ายจะไม่รู้เรื่อง ไม่รู้สึกตัว ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะเสียชีวิตภายใน 2 ปี ต่อมาเมื่อมีการห้ามกินเนื้อมนุษย์ในพิธีกรรม โรคนี้ก็หมดไป


ที่จริงโรคนี้เกิดในแกะมานานแล้วเหมือนกัน มีอาการต่างๆ คล้ายที่พบในวัว แต่เรียกชื่อว่า “สเครบี” มีผู้สันนิษฐานว่า การติดต่อจากแกะมาวัวได้เพราะคนเอาเครื่องในแกะที่เป็นโรคนี้มาเป็นอาหารวัว เพราะเห็นว่าวัวนั้น ถ้าให้หญ้าเพียงอย่างเดียวจะโตไม่เร็วและมีเนื้อมากไม่พอ เลยเอาเครื่องในแกะซึ่งตามปกติทิ้งไปนั้นมาทำเป็นอาหารเลี้ยงวัว ที่ผมบอกว่า “เอามาทำ” ก็เพราะเขาไม่ได้เอาเครื่องในมาต้มให้วัวกิน เพราะวัวคงไม่กิน เขามีวิธีการทำให้ออกมาเป็นอาหารเม็ดแห้งสำหรับเลี้ยงวัวให้อ้วนเร็ว วัวจึงติดโรคมาจากแกะ ต่อมาก็เอาเครื่องในวัวที่เป็นโรคมาทำเป็นอาหารเลี้ยงวัวด้วย โรคก็เลยวนเวียนกันอยู่ไม่รู้จบ กลายเป็นโรคระบาด


โรควัวบ้า เป็นโรคใหม่ถ้าจะว่าไปก็เกิดจากคนเป็นต้นเหตุ ทำให้ผิดธรรมชาติ เพราะความโลภ อยากให้วัวโตเร็ว ต่อมาทางการสงสัยจึงสั่งห้ามการนำเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะกระเพาะลำไส้มาทำอาหารสัตว์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2531 แต่รู้สึกจะสายไป เพราะคนที่กินเนื้อวัวตั้งแต่ครั้งนั้นจะมีอาการราวๆ พ.ศ.2536


ผมอยากจะเล่าตรงนี้สักนิดหนึ่งเรื่องวัวบ้านี้ มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่าโรค “สมองฝ่อของวัว” ซึ่งบอกลักษณะทางพยาธิวิทยาได้ดีกว่า กล่าวคือ ถ้าเอาสมองของวัวที่เป็นโรคนี้ไปตรวจดูจะพบช่องว่างๆเหมือนรูพรุนอยู่ในเซลล์ประสาท ลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะเฉพาะของโรควัวบ้า หรือต่อไปจะเรียกว่าสมองฝ่อ ซึ่งในแกะ ในวัว และในคนจะมีลักษณะอย่างเดียวกัน


โรคที่เกิดจากพรีออนโปรตีนนี้ยังมีอีกหลายโรค ล้วนแล้วแต่มีลักษณะทางพยาธิวิทยาเหมือนกัน เกิดแก่ระบบประสาทเหมือนกัน และติดต่อได้เช่นเดียวกัน เดิมแพทย์ที่พบก็นึกว่าเป็นไวรัสตัวใหม่ เมื่อศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้วพบว่าไม่ใช่ เพราะตัวเล็กกว่ามาก ไม่ตายด้วยความร้อนตามปกติคือการต้มหรือทอดฆ่าโดยใช้สารเคมีที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคตามปกติไม่ได้ผล พบมากที่ระบบประสาททั้งสมอง และไขสันหลัง และที่กระเพาะลำไส้ ส่วนกล้ามเนื้อ และไขมัน อาจพบได้แต่ไม่มาก


พรีออนโปรตีน เป็นสิ่งที่มีชีวิตเหมือนจุลชีพอื่นๆหรือเปล่า บอกยากจริงๆ เพราะการเพาะเลี้ยงพรีออนในหลอดแก้วยังทำไม่ได้เหมือนจุลชีพทั่วไปหรือว่าพรีออนเป็นเพียงสสารชนิดหนึ่ง จากการศึกษาดูก็พบว่าพรีออนเป็นโปรตีนที่มีลักษณะพิเศษ กล่าวคือ เพิ่มจำนวนได้มีคุณสมบัติที่เคลื่อนตัวไปอยู่ที่อวัยวะที่ตัวชอบ ในกรณีนี้ก็ได้แก่เซลล์ประสาท และทำให้เกิดพยาธิสภาพที่เฉพาะเจาะจงแก่เซลล์ประสาทซึ่งได้แก่ทำให้เกิดโพรงขึ้นในเซลล์ เดี๋ยวนี้วงการแพทย์จึงเชื่อว่าพรีออนโปรตีนเป็นตัวก่อโรคแต่ยังไม่รู้ว่าจะจัดเข้าในจุลชีพประเภทใด มองในแง่หนึ่งก็เป็นโปรตีนธรรมดา มองอีกแง่หนึ่งก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดจุลชีพ ยังมีเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องค้นคว้าต่อไปอีกมาก


ขณะนี้ทราบว่าพรีออนโปรตีน เป็นตัวก่อโรคกับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่โรคคูรู ที่เกิดในปาปัวนิวกินี โรคครัชท์เพลท์เจคอบที่เกิดในคนอายุมาก โรคกลุ่มอาการเกิร์ชแมนน์-สเตราสเลอร์ เชน์เคอร์ โรคนอนไม่หลับรุนแรงที่เป็นในครอบครัว และที่เกิดในสัตว์ประเภทแพะ แกะ คือสเครบี ที่ผมพูดมาแล้ว สุดท้ายก็คือโรควัวบ้าบี.เอส.อี. ที่เข้าใจว่าจะติดต่อมายังคนได้ อันทำให้เป็นข่าวอยู่เวลานี้


โรคที่เกิดจากพรีออนโปรตีนนี้ยังไม่มียารักษา เคยมีผู้ทดลองเอายารักษาไวรัสหลายชนิดมารักษาแต่ไม่ได้ผล จึงถือว่ายังไม่มียารักษา ในขณะนี้ทำได้แต่เพียงป้องกัน


เนื่องจากโรควัวบ้าอาจติดต่อมายังมนุษย์โดยการกินเนื้อวัว หรือใช้ผลิตภัณฑ์จากวัว การป้องกันอย่างหนึ่งก็คือ เลิกกินเนื้อวัวหรือเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัว รวมถึงสัตว์อื่นที่เป็นโรคพรีออนโปรตีนด้วย การทำลายวัวที่เป็นโรคหรือสงสัยว่าจะเป็นโรคก็เป็นอีกทางหนึ่งซึ่งพูดง่ายกว่าทำ สุดท้ายก็คือการฆ่าเชื้อโรคหรือการทำลายพรีออนโปรตีน ซึ่งทำได้ยากมาก


ดังที่ผมได้กล่าวแล้วว่าพรีออนโปรตีนก่อโรคนี้พบมากที่สมอง ไขสันหลัง และลูกตา เพราะตามีประสาทสมองเส้นโตไปเลี้ยง นอกจากนั้นยังพบได้ในน้ำหล่อเลี้ยงร่างกายรวมทั้งน้ำไขสันหลัง ระบบน้ำเหลือง ไต ปอด พรีออนโปรตีนไม่ค่อยจะพบในเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ น้ำในช่องคลอด และน้ำนม


ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ว่าจะทำลายพรีออนโปรตีนอย่างไรดี คณะกรรมการดูแลสุขภาพของสมาคม สุขภาพทางระบบประสาทของอเมริกาแนะนำว่า เครื่องมือที่ปนเปื้อนพรีออนโปรตีนควรได้รับการนึ่งในเครื่องนึ่งที่อุณหภูมิ 132องศาเซลเซียส นาน 1ชั่วโมง หรือแช่ในน้ำยา 1 นอร์มัล โซเดียมไฮดรอกไซด์ นาน 1 ชั่วโมงในอุณหภูมิห้อง พรีออนโปรตีนไม่ถูกทำลายโดยแสงอัลตราไวโอเลต แอลกอฮอล์ ฟีนอล (หรือกรดคาร์บอลิก) น้ำยาฟอกผ้าขาว และฟอร์มาลีน


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นวิชาการมากเกินไป แต่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่เราทุกคนรู้ได้ เข้าใจได้ จึงนำมาเล่าให้ฟัง ทำนองรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

 

 

                                                       **************************
 

ข้อมูลสื่อ

206-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 206
มิถุนายน 2539
กษ