เขยฝรั่ง….กับบริการสุขภาพไทย
…ในช่วง ๑๕–๒๐ ปีที่ผ่านมา…
หากใครนั่งเครื่องบินสายกรุงเทพ-อุดรธานี จะพบว่ามีผู้โดยสารเป็นผู้ชายฝรั่งซึ่งท่าทางการแต่งเนื้อแต่งตัวและบุคลิกดูไม่ละม้ายเหมือนักท่องเที่ยว แต่จะดูพื้นๆกลืนไปกับคนไทย นั่งโดยสารมาด้วยเที่ยวละ ๑๐–๒๐ คน บางคนก็เดินทางคนเดียว บางคนก็มีผู้หญิงไทยที่ดูท่าทางจะเป็นแฟนหรือภรรยานั่งมาด้วย ฝรั่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคนและสูงอายุ…
ปรากฏการณ์สามีฝรั่งกับผู้หญิงไทย มีมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะตั้งแต่หลังสมัยสิ้นสุดสงครามเวียดนาม ที่มีทหารอเมริกันเข้ามาในบางจังหวัดของประเทศไทยที่เป็นที่ตั้งฐานทัพ แต่ต่อมาการอยู่กินกับคนต่างชาติของผู้หญิงไทยมิได้จำกัดกับผู้ชายอเมริกัน แต่แพร่หลายไปหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน อังกฤษ และการอยู่กินข้ามชาตินี้ เริ่มกลายเป็นค่านิยมใหม่ของสังคมชนบทไทย โดยเฉพาะในภาคอิสาน…
ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ตำบลชานเมืองลักษณะกึ่งเมืองกึ่งชนบท พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นไร่นาและทำเกษตรกรรม แต่ก็เริ่มมีโรงงานเล็กๆและบ้านจัดสรรเกิดขึ้น มีประชารทั้งตำบลจากฐานทะเบียนราษฎร์ทั้งสิ้น ๗,๕๐๐ คน จากการสำรวจและพูดคุยกับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ซึ่งช่วยดูแลกันทุกหลังคาเรือนในพื้นที่ พบว่ามีเขยฝรั่งอยู่ประมาณ ๕๐ คน และมีกระจายอยู่ครบทุกหมู่บ้าน หากนำสัดส่วน ๕๐ ต่อ ๗,๕๐๐ นี้ ไปเทียบกับประชากรในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีอยู่ประมาณ ๑ ล้าน ๕ แสนคนแล้ว เท่ากับว่าน่าจะมีเขยฝรั่งอยู่ในจังหวัดประมาณ๑๐,๐๐๐ คน
การอยู่กินข้ามชาติ (ทั้งโดยแต่งงานถูกกฎหมายและไม่แต่ง)นั้น หลายท่านอาจจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติของยุคโลกาภิวัฒน์ ไม่เห็นจะแปลกอะไร น่าจะดีเสียด้วยซ้ำ เพราะฝรั่งบางคนมีความรู้จะได้มาช่วยพัฒนาต่างจังหวัดบ้านนอก ซึ่งก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง เพราะฝรั่งเหล่านี้บางคนก็ช่วยสอนภาษาอังกฤษตามโรงเรียน บางคนก็มาช่วยเป็นอาสาสมัคร
ทำประโยชน์แก่สังคม ผู้หญิงไทยหลายคนที่ได้สามีฝรั่งนิสัยดี ช่วยทำให้เกิดการสร้างรายได้ ได้บ้านหลังใหม่ ทำให้ตนเองครอบครัวและญาติพี่น้องพลอยได้ลืมตาอ้าปาก นอกจากนี้ต่อไปบ้านเราก็จะมีเด็กลูกครึ่งมากขึ้น คนไทยตัวโตขึ้นหน้าตาเป็นอินเตอร์มากขึ้น นักกีฬาทีมเขตหรือทีมชาติ (เช่น นักฟุตบอล นักวอลเลย์บอล) จะได้ตัวโตๆสู้เขาได้เป็นการสร้างคนไทยสายพันธ์ใหม่…
อย่างไรก็ดีข้อสังเกตดังกล่าวข้างบน อาจจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อย ในความเป็นจริงนั้นเราพบว่าฝรั่งที่เข้ามาแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงไทย พบว่ามีจำนวนมากที่เป็นฝรั่งที่มาจากกลุ่มรายได้ต่ำและเกษียณอายุแล้ว มีรายได้เฉพาะจากบำนาญที่รัฐบาลดูแล ซึ่งเป็นรายได้ที่ต้องกระเบียดกระเสียรถึงจะอยู่รอด เพราะค่าครองชีพในยุโรปสูงมาก การหนีมาอยู่ในเมืองไทย และอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ค่าของเงินบำนาญสูงขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายพอสมควร ฝรั่งบางคนก็ติดเหล้า บางคนก็หย่าร้างกับภรรยา บางคนก็หนีคดีหรือมีโทษภาคทัณฑ์ทางกฎหมาย เมื่อมาอยู่ในเมืองไทยก็หวังว่าจะอยู่สุขสบายขึ้น เหมือนเป็นการหนีร้อนมาพึ่งเย็น จะเห็นได้ว่าฝรั่งเหล่านี้มีทั้งคนมีคุณภาพและมีปัญหาปะปนกันมา…ที่แน่นอนฝรั่งเหล่านี้เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องใช้บริการจากโรงพยาบาลและพึ่งพาบุคคลกรของระบบบริการสาธารณสุขไทย น.พ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงค์ (คุณหมอโตโต้) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองวัวซอ จ.อุดธานี ซึ่งเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในพื้นที่กว่า ๒๐ ปี ได้ให้ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับเขยฝรั่งซึ่งมีอยู่จำนวนมากในพื้นที่ จ.อุดรธานีว่า
๑. การเจ็บป่วย ชาวต่างประเทศเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาด้านสุขภาพเป็นภาระกับผู้หญิงไทยในการดูแล ผู้ป่วยเหล่านี้ภาระในด้านค่าใช้จ่ายเวลาเจ็บป่วยเข้ารับบริการมี ๒ รูปแบบ คือ
- บริษัทประกันสุขภาพต่างประเทศดูแลรับผิดชอบให้
- ผู้ป่วยซื้อประกันสุขภาพในประเทศไทย(รวมทั้งส่วนหนึ่งที่เป็นนโยบายกระทรวงสาธารณสุขด้วย) บางคนก็ไม่มี ประกันสุขภาพแต่อย่างใด
๒. การใช้ยา ชาวต่างประเทศเหล่านี้ ส่วนหนึ่งคุ้นเคยกับการใช้ยา original ในประเทศตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะราคาแพงและบางครั้งไม่มีในระดับโรงพยาบาลชุมชนของประเทศไทย ทำให้เป็นปัญหาเรื่องการดูแล การเข้าถึงบริการ
๓. การให้เลือด คนไทยจะมีเลือดกลุ่ม Rh- แค่ ๐.๖% แต่ในชาวต่างชาวต่างประเทศมากกว่า ๑๐–๒๐ เท่า ทำให้เป็นปัญหาเวลาที่ต้องการให้เลือด บางโรงพยาบาลต้องทำข้อมูลกลุ่มเลือดเป็น Stock Bankไว้โดยขอจากกลุ่มเขยฝรั่งด้วยกันไว้
๔. คุณหมอโตโต้ พูดติดตลกไว้ว่า ปัญหาหญ้าปากคอกอย่างหนึ่งที่เจอทุกวันนี้คือเขยฝรั่งมีตัวโตและสูงใหญ่ทำให้รถพยาบาล(บางรุ่น) ของโรงพยาบาลปิดฝาประตูท้ายไม่ได้ เพราะขายาวเกินตัวถังรถ นอกจากนี้บางคนมีนำหนักตัวถึง ๑๒๐ กิโลกรัม ทำให้เตียงหามผู้ป่วย (stretcher) ของโรงพยาบาลพังไปหลายอันแล้ว
๕.การทะเลาะเบาะแว้งและการหย่าร้าง เป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะคู่สามีภรรยาเหล่านี้ส่วนใหญ่รู้จักกันโดยผิวเผิน การมาอยู่กินกันมีแรงจูงใจที่ไม่ได้เกิดจากความรักใคร่ชอบพออย่างเดียว ยังมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การพึ่งพิง การยกระดับสถานะตนเองในสังคม การติดเหล้า การมีคดีความติดตัวมาหรือการแตกแยกของครอบครัว ตลอดจนเงินบำนาญที่ได้หลังเกษียณไม่พอเพียงต่อการเลี้ยงชีพอย่างสุขสบายเท่าที่ควร ปัญหาการหย่าร้าง เลิกรา ทะเลาะเบาแว้งจึงพบบ่อยมาก บางครั้งถึงขั้นรื้อบ้านที่สร้างให้ภรรยาทั้งหลังก็มี
ระยะหลังเริ่มมีฝรั่งจากยุโรปเหนือบางประเทศ เช่น รัสเซีย หรือประเทศที่เคยเป็นสหภาพรัสเซียมาก่อนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเข้ามาทำธุรกิจ (ทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย) อยู่แถวพัทยาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีตำรวจพื้นที่บางท่าน บ่นเปรยขึ้นด้วยความห่วงใยว่า ฝรั่งเหล่านี้มาจดทะเบียนอยู่กินหลอกๆกับผู้หญิงไทยแล้วมาสร้างปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดและการค้ามนุษย์
ใครที่มีญาติพี่น้องเป็นสะใภ้ฝรั่ง หรืออยากได้ลูกเขยฝรั่งก็ชั่งน้ำหนักดูหน้าดูหลังให้ดีหน่อยก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง…
- อ่าน 4,511 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้