• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เครียด เกร็ง โดยไม่มีสาเหตุ

ถาม ดิฉันมีครอบครัวแล้ว มีบุตร 5 คน หญิง 3 คน ชาย 2 คน คนเป็นสะใภ้ในครอบครัวจีนเก่า สามีเสียชีวิตแล้ว ปัจจุบันดิฉันก็ยังอยู่ในครอบครัวสามี มีพ่อของสามีและพี่สาวของสามีซึ่งไม่ได้แต่งงานอีก 2 คน เป็นป้าของเด็ก ๆ

พ่อของสามี (อากง) อายุมากแล้ว เป็นคนจุกจิก แล้วก็ยังรังเกียจสะใภ้คนไทยตามระเบียบ แต่หลังจากสามีเสีย ดิฉันก็คิดว่าจะทนทุกอย่างเพื่อลูก แล้วผลตอบแทนที่ได้ก็คืออากงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ลูกสาวคนเล็กเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 วันหนึ่งเขาได้ไปร่วมกิจกรรมรับน้องใหม่ ก็เกิดอาการเกร็งเหมือนกับชัก แต่ไม่ได้ชัก จนรุ่นพี่ก็พาส่งโรงพยาบาล หมอได้ให้น้ำเหลือแล้วกลับบ้านและไปเรียนตามปกติ พออีกครั้งก็เกิดเกร็งขึ้นมาอีก จนดิฉันเห็นว่าเป็นบ่อยไปแล้ว เพราะอาการแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยม เพิ่งจะมาเริ่มเป็นก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดิฉันก็เลยพาไปตรวจทางสมองที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ผลออกมาก็ไม่เป็นไร

ดิฉันก็คิดเอาเองว่าลูกคงเรียนไม่ไหว ก็ขอให้เขาออกจากที่เก่ามาสอบที่ใหม่ แต่อาการเก่าก็เป็นอีกเมื่อเขาเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ครั้งนี้พี่ที่มหาวิทยาลัยแห่งใหม่ได้พาส่งโรงพยาบาลเอกชน หมอต้องการพบผู้ปกครอง และแนะนำว่าควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ เพราะรักษาทางนี้ด้วย

ลูกสาวของดิฉันมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่คบกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมต้นแล้ว เป็นเพื่อนรักกันมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกสาวต้องขาดเรียน จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนนี้ แต่เพื่อนเขาติดเรียนมาหาไม่ได้ ลูกสาวน้อยใจก็เลยเอายาล้างห้องน้ำมากิน

ดิฉันสับสนและกังวลมากว่าลูกสาวเราเป็นโรคจิต หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ป้าหมอคิดว่าดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ตอบ คุณพัชรามีบุตร 5 คน คนที่คุณเป็นห่วงคือลูกสาวคนเล็ก แสดงว่าพี่ทั้ง 4 คน น่าจะเรียนจบและประสบความสำเร็จในชีวิต หรืออยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มีส่วนทำให้คุณกังวลใจ ยกเว้นลูกสาวคนเล็ก

คุณเล่าให้ฟังว่าตัวเองอยู่ในครอบครัวในฐานะสะใภ้ และได้ทำความดีจนพ่อของสามี (อากง) ซึ่งเคยรังเกียจสะใภ้คนไทย ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากร้ายกลายเป็นดี แสดงว่าคุณทำความดีอย่างต่อเนื่องน่าชมเชย จนผลของการทำความดีเริ่มตอบสนองคุณแล้ว รวมทั้งยังดีกับป้าของเด็ก ๆ อีก 2 คน ที่อยู่ร่วมกัน

ตอนนี้คุณกำลังเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ที่เริ่มมีอาการเกร็ง และระยะหลัง ๆ น้อยใจเพื่อนเลยเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมากิน รวมทั้งหมอที่เคยดูแล ไม่ว่าจะโรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชนแนะนำให้คุณไปพบจิตแพทย์ ซึ่งเป็นการบอกทางอ้อมว่าต้องใช้มืออาชีพช่วย

ลูกสาวคนเล็กเรียนมหาวิทยาลัยปิด ถ้าเดาอายุก็คง 17 ปี ในขณะที่คุณพ่อได้เสียชีวิตไปประมาณ 10 ปีเศษ แสดงว่าช่วงที่เสียคุณพ่อไปลูกคนนี้อายุยังน้อย คือยังอยู่ในระดับวัยเด็กตอนปลาย และถ้ามีการเจ็บป่วยของพ่อ แม่ก็ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน แล้วยังต้องเอาใจทุกคนในครอบครัว ทั้งอากงและคุณป้า

ป้าหมอคิดว่าช่วงระยะเวลาที่คุณแม่ให้เวลาลูกอาจจะไม่เพียงพอ แต่ที่ลูกคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาอาจจะเป็นเพราะว่ามีการดูแลกันเอง คือ พี่คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 และคนที่ 4 เข้ากันได้และดูแลกันได้ โดยที่น้องคนเล็กอาจจะเป็นลูกซึ่งดูเหมือนเขาขาดสิ่งเหล่านี้ไป แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือลูกเริ่มมีอาการเกร็ง ซึ่งแพทย์ได้แนะนำว่าควรจะไปพบจิตแพทย์ เพราะต้องรักษาทางนี้ด้วยหรือเป็นการบอกทางอ้อมว่าอาการเกร็งเกิดขึ้นจากความเครียด ซึ่งความเครียดนี้ควรจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อลูกเริ่มน้อยใจเพื่อนถึงขั้นเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมากิน แสดงว่าลูกสะสมความไม่สบายใจและหาทางออกไม่ได้ เลยคิดว่าการทำร้ายตัวเองน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้

ป้าหมออยากจะบอกคุณว่าเด็กที่เข้ามหาวิทยาลัยล้วนแต่ต้องปรับตัวทั้งสิ้น เพราะเป็นสถานศึกษาใหม่ วิชาเรียนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนฝูงใหม่ มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ต้องการการดูแลและปรับตัวในระยะต้น และต่อไปสามารถดูแลและปรับตัวด้วยตัวเองจนเรียนมหาวิทยาลัยจบ และประสบความสำเร็จในการทำงานต่อไป

ป้าหมอคิดว่าลูกของคุณไม่เป็นอะไรที่รุนแรง เพียงแต่ว่าคงต้องการคนที่ดูแลรักษาต่อเนื่อง ถ้าคุณสะดวกทุกโรงพยาบาลจะมีจิตแพทย์ คุณเล่าว่าลูกของคุณเคยมารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง และโรงพยาบาลเอกชน ป้าหมอว่าลูกของคุณคงเรียนอยู่กรุงเทพฯ แพทย์ที่จะช่วยลูกของคุณได้ดีที่สุดก็คือแพทย์ที่อยู่ใกล้บ้าน ถ้าคุณสะดวกหรือลูกสะดวกก็ไปโรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชนตามแต่ที่คุณคิดว่าจะเหมาะสม

แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ไปโรงพยาบาลที่ไหนดี ป้าหมออยากจะแนะนำให้คุณไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยนำเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวเกี่ยวกับลูกสาวรวมทั้งตัวคุณเอง หรือควรจะพาลูกสาวมาพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อรักษาและดูแลลูกของคุณเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพราะลูกของคุณอายุยังน้อย ถ้าสามารถปรับตัวได้ดี เมื่อเรียนจบก็จะเป็นเด็กที่เข้มแข็ง และสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้ และคิดว่าไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้

คุณไม่ต้องเก็บความรู้สึกไม่สบายใจและเครียดไว้คนเดียว ให้นำสิ่งเหล่านี้ไปเล่าให้กับหมอที่ใกล้บ้าน แล้วคุณจะได้คำตอบว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณคิดอาจจะมีทางออกที่ดีกว่านั้น
ป้าหมอขอเอาใจช่วยค่ะ
 

ข้อมูลสื่อ

271-016
นิตยสารหมอชาวบ้าน 271
พฤศจิกายน 2544
จิตวิทยา
ป้าหมอ