ตำแหน่งร่องจมูก (บริเวณร่องระหว่างจมูกกับริมฝีปากด้านบน) ตามตำราการดูโหวงเฮ้ง เป็นตำแหน่งของอายุในวงโคจร 51 ปี เรียกว่า เหยินจง (ภาษาแต้จิ๋วเรียก หยิ่งตง)
ตำแน่งนี้เป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง 4 สาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งพลังธาตุน้ำ เป็นตัวรวมพลังทั้งหลายลงสู่ทะเล คือ ปาก บ่งบอกถึง ทายาท บุตร ผลงานจากการกระทำ การสืบทอดทั้งในแง่เจตนารมณ์ ผลงาน ความสำเร็จ การปฏิบัติภารกิจ อุปนิสัยใจคอ
ลักษณะร่องจมูกที่ดี ต้องเป็นร่องยาวลึกสม่ำเสมอ ปลายจมูกไม่ปิดบังร่อง
ฟังดูแล้วบางท่านเชื่อ บางท่านไม่เชื่อเพราะยากแก่การพิสูจน์ที่น่าเชื่อ เพราะหมอดูราศีบนหน้าอาจทำนายทายทักได้แม่นยำ และตนเองเคยมีประสบการณ์ด้วยตนเอง
บางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องสถิติหรือเรื่องหมอดูคู่หมอเดา ถูกบ้างผิดบ้าง พอถูกก็เอามาพูดต่อกันไป พอผิดก็เงียบ และที่สำคัญจะเอาหลักอะไรมาอธิบายว่ามันเป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าศาสตร์เหล่านี้ยังมีผู้ยึดถือ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แม้กระทั่งการรับสมัครเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารของบริษัทใหญ่ ๆ ซึ่งต้องจ้างนักดูโหวงเฮ้งมาคัดเลือกบุคลากร ซึ่งดูคล้ายกับว่าให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าวุฒิภาวะ คุณวุฒิ การศึกษา และความสามารถทีเดียว
ในระยะหลัง หนังสือเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเริ่มมีการศึกษาวิเคราะห์หาตำแหน่งของร่างกายเกี่ยวพันกับระบบต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น บ้างก็ใช้พื้นฐานความรู้เดิม บ้างก็เอาประสบการณ์ที่มีการบันทึกต่อกันมาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม โดยใช้ทฤษฎีเส้นลมปราณ ทฤษฎีอวัยวะภายใน และเรื่องโฮโลกราฟิก ไบโอโลจี (Holographic biology) มาอธิบาย
1. ทฤษฎีจิงลั่ว หรือเส้นลมปราณ มีความสำคัญตรงที่เชื่อมอวัยวะภายในร่างกาย กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย คือ ใบหน้า ศีรษะ ลำตัว แขน ขา เข้าด้วยกัน ทางเดินที่เส้นลมปราณผ่านจึงสามารถสะท้อนความผิดปกติของอวัยวะภายในที่เกี่ยวข้อง
2. ทฤษฎีอวัยวะภายใน (จั้งฝู่) นอกจากอวัยวะภายในเชื่อมต่อกับส่วนภายนอกของร่างกายด้วยเส้นลมปราณแล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับอวัยวะภายใน เนื้อเยื่อ อวัยวะสัมผัส (ทวาร) ต่าง ๆ
3. ทฤษฎีโฮโลกราฟิก ทฤษฎีนี้ได้เสนอโดยนักวิทยาศาสตร์จีน ชื่อ จางอิ่งชิง (ปี พ.ศ. 2529) ภายหลังที่เขาได้ศึกษา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2515) พบว่ากระดูกฝ่ามือท่อนที่ 2 ของนิ้วชี้ เป็นหน่วยไฮโลกราฟิกเล็ก ๆ ที่สามารถสะท้อนรหัสชีวภาพของร่างกายทั้งร่างกายได้ เช่น ปวดศีรษะจะตรวจพบความผิดปกติบริเวณหมายเลข 1 หรือทำนองเดียวกันจะตรวจพบความผิดปกติบริเวณศีรษะของใบหู (ดูรูปหู)
จากทฤษฎีที่กล่าวมา มีการศึกษาว่าการเปลี่ยนแปลงลักษณะต่าง ๆ ของใบหน้าหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างการบ่งบอกถึงความผิดปกติของอวัยวะภายในหรือการเกิดโรคอะไร
ถ้าพิจารณาบริเวณร่องจมูกจะสัมพันธ์กับมดลูกและกระเพาะปัสสวะ ซึ่งเกี่ยวกับระบบไต การสืบพันธ์นั่นเอง
ลักษณะของร่องจมูก และความเกี่ยวข้องกับโรค | |
1. ร่องจมูกสั้นและตื้น = มดลูกเล็ก คอมดลูกสั้น มีบุตรยาก ประจำ | |
2. ร่องจมูกยาวและแคบ = คอมดลูกแคบ และยาว ถ้ายาวมากจะพบภาวะ มดลูกหย่อนง่าย = คอมดลูกยาว แคบ และลึกจะพบมดลูกผิด ตำแหน่ง = คอมดลูกยาว แคบ และตื้นจะพบมดลูกคว่ำ หน้า | |
3. ร่องจมูกส่วนบนกว้าง = มดลูกคว่ำหลัง ส่วนล่างแคบ | |
4. มีร่องจมูกคู่ = มีมดลูก 2 อัน มีช่องคลอดคู่ | |
5. ร่องจมูกนูนเต็ม = แสดงว่ามดลูกมีก้อนเนื้องอก (ไม่มีร่อง) = มีลูกยาก | |
6. ร่องจมูกมีผื่นหรือตุ่ม = แสดงว่ามีการอักเสบของมดลูกหรืออุ่ง พุพอง เชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อทางเดิน อสุจิอักเสบ | |
7. ร่องจมูกมีลักษณะ = ประจำเดือน มีก้อนและการอุดตันของการไหล | |
8. ร่องจมูกไม่ตรง = แสดงว่ามดลูกเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าร่อง (เฉ) เอียงขวา มดลูกจะเอียงขวา ถ้าร่องเอียงซ้าย มดลูกจะเอียงซ้าย | |
9. ร่องจมูกมีรอยบุ๋ม = กระดูกเชิงกรานผิดปกติหรือแคบ แสดงว่ามี การกดทับมดลูก ระวังการคลอดบุตรลำบาก หรือการมีก้อนเนื้องอก | |
10. ร่องจมูกมีรอยตัดขวาง = แสดงว่ามีภาวะการมีบุตรยาก |
ความหมายของร่องจมูก (บริเวณจุดเหยินจง)
1. ในแง่ทฤษฎีเส้นลมปราณเป็นจุดที่เชื่อมต่อของลมปราณเยิ่น (วิ่งจากฝีเย็บมาทางกลางลำตัวด้านหน้า และเส้นลมปราณดู๋ (เส้นลมปราณที่วิ่งจากฝีเย็บมาทางกลางลำตัวด้านหลังมาหยุดที่ริมฝีปาก) เส้นลมปราณเยิ่นและดู๋มีความสำคัญในการปรับสมดุลยิน-หยาง เลือดลม และไหลเวียนผ่านอวัยวะภายในทั้งหมดเชื่อมสัมพันธ์กับเส้นลมปราณหลักทุกเส้นของร่างกาย
2. ในแง่ทฤษฎี อวัยวะภายในบริเวณดังกล่าวจึงเป็นบริเวณสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของเลือดพลังและความสมดุลในร่างกายทั้งหมด
3. ในแง่ทฤษฎีโฮโลกราฟิก พิจารณาเป็นส่วนของอวัยวะภายใน และร่างกายที่มีการเรียงตัวจากเท้ามายังศีรษะ หรือมองจากภาพโดยรวมได้แก่ ส่วนของมดลูกและกระเพาะปัสสวะ (เกี่ยวข้องกับไต และการสืบพันธ์)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจะเห็นว่าตำราดูโหวงเฮ้ง บางครั้งก็อาจมีเหตุผลอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่ การศึกษาศาสตร์ของจีนหลาย ๆ สาขาบางครั้งก็อธิบายได้ บางครั้งก็อธิบายไม่ได้ การเรียนรู้ประสบการณ์และการศึกษาวิเคราะห์ยังไม่สิ้นสุด
การจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เกิดจากพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญ การเปิดใจกว้างที่จะรับรู้เอาศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีมาในอดีต แล้วนำมาศึกษาค้นคว้าปฏิบัติจริง เลือกสรรเอาสิ่งที่เป็นสารมีแก่นสารและพิสูจน์ซ้ำได้ ความรู้ที่จริงแท้ได้จากการทดลองปฏิบัติเท่านั้น หาใช่การคิดจินตนาการ
หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับร่องจมูก มีทฤษฎีแพทย์แผนจีนรองรับอยู่บ้าง จะจริงเท็จอย่างไร ช่วยกันตรวจสอบทดลองดูนะครับ
- อ่าน 18,316 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้