• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไม่ยอมจน จนตาย

ไม่ยอมจน จนตาย


‘วันนี้บรรยากาศในห้องตรวจดูแปลกๆ’ ป้าหมอคิด ท่าทางที่คุณชลสบตาป้าหมอดูมีพิรุธเหมือนพยายามกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง ทั้งที่ปากก็บอกว่าทุกอย่างขณะนี้ดูลงตัวไปหมด คุณพ่อสุขภาพดีขึ้นทุกวัน ไม่รบกวนเธอเลย ป้าหมอเขียนใบสั่งยาให้ 2 เดือน เท่าที่คุณชลแจ้งไว้ตั้งแต่ตอนตั้ง

คราวนี้พอคุณชลเงยหน้าขึ้น ป้าหมอเห็นอาการผิดสังเกตได้อย่างชัดเจน หน้าตาคุณชลแทนที่จะยินดีไปกับอาการที่ดีขึ้ของคุณพ่อ กลับมีน้ำตาคลอเบ้าตา ยิ่งสบตากับป้าหมอ น้ำตาที่กำลังเริ่มไหลก็พาลไหลออกมามากขึ้นพร้อมเสียงสะอื้น คุณชลก้มหน้าร้องไห้อยู่พักใหญ่ แล้วเงยขึ้นมองป้าหมอคล้ายกับตัดสินใจแล้วจึงเริ่มต้นเล่าว่า

“ดิฉันคิดอยู่เสมอการนำคุณพ่อมารักษากับคุณหมอนั้น คงเป็นสิ่งที่ดิฉันทำบังหน้า ความจริงดิฉันเองต่างหากที่มีปัญหามากมายเหลือเกิน ทั้งๆ ที่คงไม่มีใครคาดว่าจะเป็นไม่ได้”

“อืมม์...ใช่” ป้าหมอพนักหน้ารับ

คุณชลพาคุณพ่อมารักษาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว เวลาคุณพ่อมีอาการหนักมากต้องนอนโรงพยาบาล คุณชลก็เป็นคนที่เฝ้าจัดหาพยาบาลพิเศษให้ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ตลอดจนมาเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆ วัน

เวลาที่คุณพ่อกลับบ้านได้ก็คุณชลนั่นแหละที่วิ่งมาเอายาทุกครั้งไม่เคยขาด จนพยาบาลที่ตึกแอบเรียกลับหลังว่า “ลูกกตัญญู” หรือบางคนก็ถึงขึ้นเรียกว่า “ชวนป๋วยปี๋แป่กอ” ซึ่งตรงกับชื่อยาแก้ไอยี่ห้อลูกกตัญญู

พี่ๆ น้องๆ อีกหลายคนก็ผลัดกันมาเยี่ยมคุณพ่อเป็นครั้งคราว ต่างก็กล่าวถึงคุณชลอย่างแสนจะชื่นชมและภาคภูมิใจ ป้าหมอเองก็จำได้ว่าคุณชลเป็นลูกที่มีฐานะดีที่สุด ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อมาออกเรือนมีครอบครัวก็แต่งงานกับผู้ชายที่แสนดี มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างสูง มิหนำซ้ำยังมีโชคอย่าง  มหาศาลในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะจับประเภทใดดูจะเป็นเงินเป็นทองไปหมด

แต่งงานมาถึง 25 ปีแล้ว ลูกคนโตกำลังเรียนปริญญาโทที่อเมริกา ส่วนที่เหลือก็กำลังเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทย ป้าหมอไม่เคยเห็นคุณชลโกรธ แสดงอารมณ์หงุดหงิด หรือไม่พอใจเลยสักครั้ง แต่ป้าหมอก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมคุณชลถึงดีพร้อมมากมายอะไรเช่นนี้

คุณชลจะรู้ความคิดของป้าหมอเพระเธอพูดต่อว่า “ใครๆ คิดว่าฉันมีพร้อมทุกอย่าง มีเงินทอง มีฐานะทางสังคม มีสามีที่ดีและประเสริฐ มีลูกซึ่งนำความชื่นใจมาให้ ไม่เคยมีใครถามเลยว่าดิฉันต้องอดทนเท่าไรต่อสภาพทุกวันนี้ สภาพที่ต้องรองรับอารมณ์ของทุกคน สภาพที่ต้องหน้าชื่นอกตรม”

หน้าตาป้าหมอคงส่อแววสงสัย คุณชลจึงกล่าวต่อไปว่า “ใช่ค่ะ ใครๆ ก็คิดว่าครอบครัวของเรามีฐานะดีมาก คุณหมอรู้มั้ยคะว่ามันเป็นตัวเลขที่ตกอยู่ในที่ดิน รีสอร์ต โรงแรม และพันธบัตรในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ดิฉันต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังทุกเดือน บางครั้งต้องจู้จี้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับเด็กในบ้านทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร ใครๆ คิดว่าคงเป็นเพราะดิฉันเป็นคนมีระเบียบและมัธยัสถ์มาก แต่ความจริงเป็นเพราะว่าครอบครัวเรามีปัญหาเรื่องการเงิน

สามีของดิฉันชอบทำธุรกิจเหลือเกิน ธุรกิจยิ่งเจริญก็ยิ่งลงทุนทำให้เราเป็นหนี้เป็นสินธนาคาร มีหลักทรัพย์เท่าไรก็ต้องขนไปค้ำไว้ ตัวเลขในธนาคารทุกเดือนมีแต่ตัวแดงแต่ในขณะเดียวกันเราได้นั่งรถเบนซ์รุ่นล่าสุด ข่าวสังคมซุบซิบถึงดิฉันว่าประมูลเพชรราคาสูงสุดในงานการกุศล และพูดถึงคฤหาสน์หลังงามที่มีราคาหลายสิบล้าน หรือรีสอร์ตแห่งใหม่ที่เราเพิ่งเปิดที่ริมทะเล”

พูดถึงตรงนี้คุณชลหยุดเว้นระยะนิดหนึ่งเพื่อเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาจนแห้ง ใบหน้าที่เคยก้มลงพูดอู้อี้พร้อมกับเสียงร้องไห้ ดูจะเริ่มเอาจริงเอาจังขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองป้าหมอพร้อมกับพูดเหมือนเค้นออกมาจากไรฟันว่า

“แต่ความจริงดิฉันลำบากมาก ลำบากมาตั้งแต่แต่งงาน ดิฉันรู้เสมอว่าตัวเองเป็นคนจน ไม่มีเงินจะใช้ในขณะที่คนอื่นมองว่าเรารวยขึ้นทุกวันๆ ดิฉันไม่อยากโทษสามี เพราะทุกครั้งที่เราทำโอดีแบงก์ สามีก็สามารถนำเงินดังกล่าวไปทำประโยชน์มากมายมหาศาลให้กับครอบครัวของเรา แต่สิ่งที่ดิฉันทนไม่ได้ทุกวันนี้ คือ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนมีคนมาหาสามี พร้อมกับเสนอขายที่ดินแปลงใหญ่ให้ซึ่งดูท่าทีว่าเขาจะพอใจมาก เพราะเขาเฝ้าแต่พร่ำบอกว่า ที่ดินแบบนี้แหละที่ผมหามานานนักหนาแล้ว ดิฉันคิดว่าเอาอีกล่ะสิทีนี้ เขาคงจะเอาเงินก้อนสุดท้ายที่เราเพิ่งขายคืนที่ดินซึ่งได้กำไรมหาศาลโปะลงไปในที่ดินแปลงใหม่ที่เขาพอใจ

คืนนั้นดิฉันคอยเขาจนดึก และเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน ดูหน้าตาเขาช่างยินดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาบอกดิฉันว่าอยากจะซื้อที่ดินแปลงใหม่ที่มีคนนำมาเสนอ เพราะเป็นโอกาสที่ดีมาก ดิฉันรู้สึกว่าความอดทนที่มีตั้งแต่แต่งงานกันมานานยี่สิบปีหมดสิ้นลง ดิฉันเหมือนคนบ้า บอกเขาว่าจะไม่ยอมจนจนตายหรอก ดิฉันจะขัดขวางทุกอย่างโดยไม่ยอมให้เขาเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินแปลงใหม่ถึงแม้ว่าเขาจะเก็งกำไรได้มหาศาลก็ตาม

ดิฉันอยากเอาเงินส่วนหนึ่งมาใช้อย่างสบายๆ ไม่อยากจะจู้จี้กับเด็กเรื่องปิดน้ำ ปิดไฟ ไม่อยากจะใจหายกับค่าโทรศัพท์ ไม่อยากจะนอนไม่หลับกับยอดตัวเลขที่ธนาคารส่งมารายงาน ไม่อยากจะตอบคำถามที่ลูกถามว่า ‘ก็เราไม่ใช่คนจน ทำไมแม่ต้องประหยัดนัก’ และหลังจากนั้นดิฉันก็พร่ำพูดอะไรอีกตั้งเป็นชั่วโมงๆ คงเป็นเพราะสิ่งที่ดิฉันสะสมมาเป็นเวลานานแสนนานนั่นเอง

น่าแปลกเหลือเกินที่สามีนั่งฟังดิฉันพูดโดยไม่เถียงเลยสักอย่างเดียว และเมื่อดิฉันบอกกับเขาว่าขออื่นคำขาดไม่ยอมให้เขาซื้อที่ดินแปลงนั้นอย่างเด็ดขาด สามีก็ทำหน้าประหลาดใจพร้อมกับบอกดิฉันว่า คุณก็รู้นี่นาว่าทุกอย่างที่ผมทำไปก็เพื่อคุณและครอบครัวทั้งนั้น เงินทองทั้งหมอที่ผมหามาก็เป็นของคุณและลูกๆ ผมไม่เคยนำไปใช้อย่างอื่นเลย’ ซึ่งทุกอย่างที่เขาพูก็เป็นความจริง แต่สิ่งที่ดิฉันโต้ตอบออกไปนั้นเพราะดิฉันทนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าจำเป็นดิฉันก็ยินดีจะหย่ากับเขา แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าสังคมจะมองเราอย่างไร เพราะความอดทนที่มีมานับสิบๆ ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว

คืนนั้นในขณะที่ดิฉันนอนไม่หลับ สามีก็หันหน้ามองดิฉันด้วยท่าทียิ้มๆ แล้วบอกว่า ‘ถ้าคุณไม่อยากให้ซื้อ ผมก็จะไม่ซื้อ’ แล้วก็หลับปุ๋ยไป ดิฉันเล่าให้ฟังอย่างนี้แล้ว ไม่ทราบว่าคุณหมอคิดอย่างไรกับเรื่องของดิฉัน” พูดจบคุณชลก็ก้มหน้าลงมองมือตัวเองเป็นเวลานานแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาป้าหมอ ป้าหมอเพียงแต่ยิ้มแล้วบอกว่า

“คุณถามในขณะที่คุณเองก็ได้คำตอบที่พอใจแล้วไม่ใช่หรือ”

คุณชลขมวดคิ้วครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็พูดว่า “อ๋อ ดิฉันเข้าใจแล้วล่ะค่ะ คุณหมอคงหมายความว่าความจริงสามีดิฉันเขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ๆ ที่เขาก็ได้ทำความดี และทำทุกๆ อย่างเพื่อครอบครัว ดิฉันเองต่างหากที่มีปัญหา และไม่นำสิ่งเหล่านี้เข้าไปปรึกษาหารือกับเขา ทำให้วันเวลาที่ผ่านไปกลายเป็นความทุกข์ความเครียดเรื้อรังของดิฉัน และความจริงเขาก็เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย เพราะเพียงแต่เขาทราบว่าดิฉันไม่อยากจะซื้อที่ดินแปลงนั้น อยากจะให้นำเงินสดก้อนที่มีอยู่นั้นใช้จ่ายในบ้านอย่างสบายๆ และอยากให้เขาพักผ่อน ฟังดูเขาก็ยินดีและไม่ขัดขวางอะไร”

คราวนี้ป้าหมอพนักหน้าพร้อมกับบอกว่า “ใช่ หมอก็คิดเช่นเดียวกับคุณ”

คุณชลนิ่งไปอีกพักใหญ่ คราวนี้หน้าตาแจ่มใส เธอลุกขึ้นพลางบอกป้าหมอว่า “ที่จริงมันเป็นเรื่องนิดเดียวเอง แต่เป็นเพราะดิฉันไม่เคยแสดงตัวจริงออกมา แม้กระทั่งคุณหมอ ดิฉันก็ไม่กล้าเล่า เมื่อมาวันนี้ได้ฟังที่คุณหมอพูด ได้เล่าข้อมูลให้คุณหมอฟัง และขณะเดียวกันปัญหาที่ดิฉันคิดจะแก้ก็เป็นปัญหาที่ดิฉันได้คำตอบ ดิฉันก็น่าจะพอใจใช่มั้ย ดิฉันควรจะทำตัวให้สดชื่น ปรับปรุงตัวใหม่และมีอะไรก็จะเล่าให้สามีฟัง เพราะความจริงสามีของดิฉันก็เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเหมือนกับที่บรรดาพี่ๆ น้องๆ ชื่นชมเสมอมา”

แล้วคุณชลก็กระวีกระวายเก็บข้าวของพลางบอกว่า “งั้นดิฉันจะไปซื้อยานะคะ ขอบคุณคุณหมอมากที่ให้โอกาสดิฉันเล่าอะไรหลายๆ อย่างที่เก็บมานาแอสนนาน จนบางครั้งเคยคิดว่าเป็นเรื่องน่าอับอายและไม่ควรเล่า แต่ดมื่อเล่าแล้วและได้คำตอบ ดิฉันก็คิดว่าตนเองทำถูก ขอบคุณมากค่ะ”

แล้วคุณชลก็ยกมือไหว้ป้าหมอพร้อมเดินลับออกจากห้องตรวจไป

ข้อมูลสื่อ

175-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 175
พฤศจิกายน 2536
ป้าหมอ