• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ผิวกายอาจบอกเหตุ

ผิวกายอาจบอกเหตุ

ปัจจุบันเอดส์เป็นโรคที่ประชาชนทั่วไปรู้จักกันดี เอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรง เป็นแล้วส่วนมากตายทุกคนภายในระยะเวลาอันสั้น ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี

เอดส์เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งไม่มียารักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนป้องกัน เชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุมีชื่อว่า เอช ไอ วี (HIV) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดขาวเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปทั่วร่างกาย และไปคั่งอยู่ตามสารขับถ่ายของร่างกายประเภทน้ำอสุจิ น้ำเมือกในช่องคลอด น้ำลาย น้ำนม น้ำตา น้ำในไขสันหลังและสมอง

หลังจากได้รับเชื้อแล้วไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นโรคทันทีทุกคน หลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายอาจไม่ทำให้เกิดอาการใดๆอยู่นาน 6 เดือนถึง 5 ปี หรือไม่มีอาการไปตลอดชีวิตก็ได้

พวกที่ได้รับเชื้อแล้วไม่มีอาการอาจเป็นเพราะได้รับเชื้อจำนวนน้อย ส่วนผู้ที่ได้รับเชื้อแล้วเกิดอาการอาจได้รับเชื้อจำนวนมาก หรือได้รับเชื้อซ้ำหลายครั้ง

โรคเอดส์เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกันโรคถูกทำลาย ร่างกายจึงเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยจะมีร่างกายทรุดโทรม ติดเชื้อโรคชนิดต่างๆได้ง่าย และอาจเกิดเป็นมะเร็งบางชนิด
การติดต่อเกิดขึ้นโดยเชื้อผ่านเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่มีบาดแผล เช่น ถูกเข็มแทง หรือมีดบาด หรือสัมผัสกับน้ำเมือกผู้ป่วย บริเวณทวารหนัก ช่องคลอด และลำคอ เพราะฉะนั้นทางติดต่อที่สำคัญคือทางเพศสัมพันธ์ ทางเข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด เช่น ผู้ติดยาเสพติดที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ทารกในครรภ์อาจติดเชื้อโรคจากมารดาก็ได้ หรือติดระหว่างกินนมมารดา

กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดโรคจึงตกอยู่ในหมู่ชายรักร่วมเพศ พวกชอบสำส่อน พวกติดยา จากการเปลี่ยนอวัยวะ และโรคเลือดบางชนิด

การตรวจเลือดจะสามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีเชื้อหรือไม่ บางคนเลือดบวกแต่ไม่มีอาการ แต่สามารถเป็นตัวนำโรคไปสู่คนที่สัมผัสเชื้อได้โดยการร่วมเพศหรือการบริจาคเลือด

อาการขั้นต้นของโรคเอดส์ได้มีผู้เขียนบทความเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ วารสารทั่วไป และสื่อมวลชนต่างๆอยู่เสมอ เพราะการจะป้องกันเอดส์ได้ดีที่สุดก็คือ การเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด ให้รู้จักโรคและระวังตัว ไม่คลุกคลีกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งให้ผู้ที่เป็นแล้วรู้จักวิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่น อาการสำคัญที่น่าสงสัยว่าอาจจะเป็นเอดส์ ได้แก่ เป็นไข้ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ร่างกายทรุดโทรม เบื่ออาหาร ผอม น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มีตุ่มน้ำเหลืองโต ไอเรื้อรัง ท้องเสียเรื้อรังนานเกิน ๓ เดือน

อาการทางผิวหนังที่พบเป็นพิเศษในเอดส์คือ เนื้องอกของเส้นเลือดที่ผิวหนัง ลักษณะเป็นรอยแดงอมม่วง นูน มักเป็นบริเวณแขน ขา ถ้าเป็นมากจะกระจายไปทั่วร่างกาย เนื้องอกชนิดนี้มีชื่อพิเศษว่า “คาปูซี” เนื้องอกชนิดคาปูซีอาจพบได้ในคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเอดส์ แต่โรคนี้ไม่ค่อยมีคนเป็น ถ้าเจอเมื่อไหร่ต้องนึกถึงเอดส์ไว้ก่อน ซึ่งแพทย์ต้องทำการซักประวัติและตรวจเอดส์ทุกราย

ส่วนอาการทางผิวหนังที่อาจพบในเอดส์เป็นอาการของการติดเชื้อที่พบได้ในคนทั่วไป ไม่ใช่ว่าเป็นโรคนี้แล้วต้องนึกถึงเอดส์  เพียงแต่ให้รู้ว่าโรคเหล่านี้อาจพบร่วมกับเอดส์ได้ด้วย และเมื่อเป็นในเอดส์จะมีอาการรุนแรงกว่า การรักษาให้หายก็ยากกว่าในคนปกติมักมีอาการดื้อยาหรือหายแล้วเป็นใหม่อีก

กล่าวคือ เป็นๆหายๆอยู่ตลอด การติดเชื้อมักเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากสาเหตุอื่นด้วย เช่น มะเร็งในเม็ดเลือด ระยะท้ายของโรคต่างๆ ที่เป็นเรื้อรังมานานที่ทำให้ผู้ป่วยมีร่างกายอ่อนแอ เช่น โรคอัมพาต เบาหวาน หรือในผู้ป่วยที่ได้รับยาฆ่าเซลล์มะเร็งเพื่อรักษาโรค หรือได้รับยาประเภทสเตียรอยด์ติดต่อกันนานๆ

โรคติดเชื้อที่ผิวหนังดังกล่าวได้แก่ เชื้อหนองหรือเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส และเชื้อหิด
ลักษณะของเชื้อหนองเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ในร่างกาย เมื่อมีรอยขีดข่วนหรือแม้แต่รอยเกาจากแมลงกัด ก็อาจเกิดการติดเชื้อหนอง เกิดเป็นฝี บวม อักเสบ ใช้เวลารักษานานกว่าจะหาย การรักษาต้องใช้ยาปฏิชีวนะชนิดแรงกว่าธรรมดา บางทีก็ทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงบวมด้วย

เชื้อราได้แก่ กลาก เกลื้อน และยีส กลากมีลักษณะเป็นวงแดง มีขุยขาวขยายวงกล้างออกได้เรื่อยๆ มักเป็นบริเวณต้นขา มือ เท้า และเล็บ ในเอดส์กลากอาจลามไปทั่วตัว มีอาการคันเป็นสำคัญ รักษาด้วยยาทาธรรมดาไม่ค่อยหาย ต้องกินยาร่วมด้วย ส่วนเกลื้อนจะมีลักษณะลุกลามรวดเร็ว หรือคนไม่เคยเป็นมาก่อน อยู่ๆก็มีเกลื้อนขึ้นมาเต็มตัว ทำให้ต้องนึกถึงความบกพร่องของภูมิคุ้มกัน บริเวณที่เป็นอาจลามไปถึงแขน ขา ซึ่งไม่ค่อยพบในคนปกติ เชื้อยีสมักเกิดบริเวณช่องปาก  ลักษณะเป็นฝ้าสีขาวเหมือนฝ้าน้ำนมในทารก บริเวณเยื่อบุช่องปากและลิ้น ส่วนการติดเชื้อยีสตามตัวจะมีลักษณะชื้นแฉะและผิวลอกแดงบริเวณซอกแขน ขา เช่น รักแร้ ต้นขา ใต้อก ง่ามนิ้วมือ ยิ่งทำงานประเภทมือเปียกน้ำตลอดเวลายิ่งทำให้โรคกำเริบลามไปถึงโคนเล็บด้วย

เชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นที่ผิวของผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ได้แก่ เชื้อเริม โดยเฉพาะในคนที่เคยเป็นอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว จะกำเริบขึ้นในเชื้อเอดส์ อาจเป็นบริเวณกว้างกว่าที่เคยเป็น และอักเสบมากกว่า บริเวณที่เป็นมีลักษณะบวมแดงและมีตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นเป็นกระจุก มีอาการเจ็บ

งูสวัดซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับเริมเกิดขึ้นได้ง่ายในเอดส์ ลักษณะงูสวัดเป็นตุ่มน้ำพุพอง เกืดขึ้นบริเวณครึ่งซีกข้างเดียวของร่างกาย เช่น ครึ่งหน้าด้านเดียว แขนขา หรือลำตัว ทั้งนี้เพราะงูสวัดเกิดจากเชื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในเส้นประสาท การเกิดโรคจึงเป็นไปในแนวที่เส้นประสาทกระจายไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้น งูสวัดเป็นอีกโรคหนึ่งที่ชอบซ้ำเติมคนที่มีร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือไม่สบายด้วยโรคใดก็ตาม รวมทั้งโรคเอดส์

เชื้อไวรัสอื่นๆ ที่พบเป็นในโรคเอดส์ ได้แก่ หูดตุ่มแข็ง หูดข้าวสุก และหูดหงอนไก่ หูดตุ่มแข็งมักเป็นบริเวณมือและเท้า ลักษณะเป็นตุ่มแข็งฝังอยู่ในผิว ถ้าเป็นที่ฝ่าเท้าเวลาเดินจะรู้สึกเจ็บ หูดข้าวสุกมีลักษณะผิวบางใส ถ้าบีบออกข้างในมีสารลักษณะเหมือนเนยหรือข้าวสุกบรรจุอยู่ ส่วนหูดหงอนไก่พบเป็นบริเวณทวารหนักและอวัยวะเพศ ลักษณะเป็นเนื้องอกเป็นกลีบๆ เหมือนหงอนไก่

หิดเป็นอีกโรคหนึ่งที่กำเริบได้มาก ถ้าหากผู้ป่วยเอดส์ไปติดเชื้อมาจากคนใกล้เคียง ลักษณะของหิดในเอดส์อาจแตกต่างจากธรรมดาคือ จะมีจำนวนตัวหิดมากมาย ทำให้แพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ง่ายอีกด้วย และผื่นจากหิดจะลุกลามไปทั่วตัว ไม่ใช่จะซ่อนอยู่เฉพาะง่ามมืออย่างที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ

อาการโรคผิวหนังดังกล่าวข้างต้นทุกชนิดเกิดได้ในคนทั่วไปไม่ใช่เกิดเฉพาะคนโรคเอดส์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นจึงไม่ต้องวิตกว่าจะเป็นเอดส์เสมอไป ถ้าเป็นก็มักมีอาการอื่นร่วมด้วยดังกล่าวข้างต้น ถ้าสงสัยให้แพทย์ตรวจเลือดก็จะทราบได้ อักประการหนึ่งโรคเอดส์มิใช่จะเกิดกับคนทั่วไปได้ง่ายๆ ผู้ที่ต้องสงสัยก็คือบุคคลบางกลุ่มและผู้ที่มีพฤติกรรมในทางเสี่ยงต่อการเกิดโรคเท่านั้น
        
 

ข้อมูลสื่อ

215-006
นิตยสารหมอชาวบ้าน 215
มีนาคม 2540
พญ.ปรียา กุลละวณิชย์