• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

นัดบิดระวังตาเสีย

นัดบิดระวังตาเสีย


มอเตอร์ไซค์หรือจักรยานยนต์ นอกจากจะมีประโยชน์ในการเป็นพาหนะที่มีความสะดวกสบาย คล่องตัว ใช้ง่ายทุกเพศทุกวัย ไปได้ทั้งที่เรียบและขรุขระ ถึงที่หมายได้ดังใจนึก จนกระทั่งปัจจุบันมีธุรกิจรับส่งผู้โดยสารด้วยจักรยานยนต์ตามตรอกตามซอยเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน และสามารถจะออกไปได้ไกล เพื่อให้ถึงที่หมายทันเวลาที่กำหนด ไม่ติดเป็นขบวน ยาวเหยียด เช่น รถเก๋ง หรือรถโดยสารอื่น จึงเป็นที่นิยมของผู้คน โดยสารทั้งขาประจำและขาจรทั้งหลายเป็นอย่างดี ทั้งที่รู้ ๆ และเห็น และได้ใช้บริการด้วยตนเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในปัจจุบัน

กฎหมายจราจรได้บังคับให้ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ว่าจะขับขี่เอง หรือซ้อนท้ายก็ตามที ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ และผู้ที่นั่งซ้อนท้ายไปด้วยนั่นเอง มิใช่บังคับเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด

ดังที่ทราบกันดีว่า อุบัติภัยที่เกิดจากรถจักรยานยนต์มีสูงมาก แทบทุกรายไม่ตายก็พิการ จากการที่ศีรษะกระแทกพื้น หรือกระแทกอย่างอื่น ไม่ผิดอะไรกับลูกมะพร้าวหล่นลงพื้นหรอกครับ เสียงจะดังโพล้ะเหมือนเฉาะมะพร้าว ศีรษะคนเราจะไปทนไหวได้อย่างไรเมื่อโดนกระแทก หรือไปกระแทกกับพื้นถนนแข็ง ๆ หรือเหล็กแข็ง ๆ มีอย่างเดียว คือสมองไหล หรือสมองกระจายเต็มถนน มีรูปขึ้นหน้าหนึ่งลงในหนังสือพิมพ์รายวันนั่นแหละ

นอกจากหมวกกันน็อก หรือหมวกนิรภัยที่ใส่เพื่อกันศีรษะกระแทกของแข็งแล้ว ยังมีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงในที่นี้อีกอย่างคือ “กันลม กันฝุ่น” ได้อีกด้วย ขณะที่ขี่จักรยานยนต์ไป ณ ที่ใดก็ตาม ถ้าไม่มีเกราะบังต้านลม ฝุ่น แสงแดด หรือไอความร้อนจากแสงแดด โอกาสที่ตาของท่านจะทะสิ่งต่าง ๆ ได้สารพัด ถ้าไม่โดนฝุ่นโดนลมอาจจะโชคดีเจอแมลงบินชนตาหรือตาท่านวิ่งไปชนแมลงที่มันบินขอมันอยู่ดี ๆ ก็ได้ ถ้าแบบนี้ล่ะก็ สะดุ้งกันสุดตัวแทบจะเสียหลักรถเป๋มาชนอะไรต่อมิอะไรเอาง่าย ๆ

ขณะที่นั่งเฉย ๆ แมลงบินเข้าตาเรายังเจ็บแสบ เคือง คันแทบแย่ น้ำตาน้ำมูกไหลพราก นี่ท่านวิ่งเข้าไปชนมัน หรือแมลงบินตรงมาหาท่านขณะซิ่งจักรานยนต์อย่างมันมือสองแรงบวกกัน มีหรือลูกตาอันละเอียดอ่อนของท่านจะทนไหว แมลงก็เละตายสนิทอยู่ในตา บวกกับมือขยี้ตาเข้าไปอีกทั้งขี้แมลงปีกแมลงและแขนขาที่ติดอยู่ในตาจะทำให้เคืองขนาดไหน คิดดูเอาเองแล้วกัน

จึงขอกล่าวโดยรวมว่า การขี่จักรยานยนต์ไปไหน ๆ ถ้าจะให้ปลอดภัยพอสมควรควรจะสวมหมวกนิรภัย หรือมิฉะนั้นก็สวมแว่นตากันแดด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้วยังเป็นการป้องกันโรคตาอีกด้วย นั่นก็คือ “ต้อลม” และ “ต้อเนื้อ” เนื่องจากต้อทั้งสองชนิดมีสาเหตี่เกี่ยวพันกับการสัมผัส ลม ฝุ่น ไอความร้อนและแสงอัลตร้าไวโอเลตเป็นประจำหรือผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ท่ามกลางแสงแดดจัด ๆ คือชาวไร่ชาวนากรรมกรก่อสร้าง เป็นต้น

ขอยกตัวอย่างคนไข้ของผมคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุที่ตาจากการซิ่งจักรยานยนต์

คนไข้เป็นชาวไทยอายุ 27 ปี อาชีพรับส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านและร้านค้าย่อย (เอเย่นต์) มีอยู่วันหนึ่งต้องการทำงานให้เสร็จเร็ว เอาหนังสือพิมพ์ไปส่งเอเย่นต์ให้ทันจึงซิ่งจักรยานยนต์คู่ชีพเต็มที่ ตามหลังรถบรรทุกสิบล้อที่วิ่งอยู่ข้างหน้าจี้ติดท้ายรถบรรทุกเลย กะจะแซงให้ได้ เพราะรถสวนมายาวเหยียดแซงไม่ถนัดจึงกวดติดท้ายรถบรรทุก ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย และไม่สวมแว่นตากันแดดกันลม ลืมตา 2 ข้างโล่ง ๆ ปะทะลม ปะทะฝุ่น และควันจากท่อไอเสียเต็มที่

ช่วงจังหวะที่กำลังจะหักบิดไปทางขวาเพื่อแซงขึ้นหน้านั้นรู้สึกแปลบที่ตาซ้าย ปวด เคือง เหมือนมีอะไรทิ่มตา น้ำตาไหลพราก จึงชะลอรถ เลิกล้มความตั้งใจที่จะแซงหักรถเข้าข้างทางพยายามขยี้ตาซ้าย เพื่อจะให้สิ่งที่ทิ่มหรือติดอยู่ออกจากตา ทำเท่าไรก็ไม่เห็นมีอะไรออกมา ปวดตามาก มีน้ำไหลออกจากตา จากนั้นพยายามอดทนเอาหนังสือพิมพ์ไปส่งเอเย่นต์จนครบ แล้วกลับไปนอนบ้าน
นอนอยู่บ้านปวดตามาก มองอะไรแทบไม่เห็น ใกล้ ๆ หกโมงเย็น จึงไปหาหมอที่คลินิก เมื่อไปถึงคลินิก ผมซักประวัติการเจ็บป่วยที่ตาตามแบบฉบับแล้ว ก็เปิดตาซ้ายดูพบว่า กระจกตาดำแตกขวางพาดกลางตาดำ เลยไปถึงขอบตาขาว มีม่านตาสีน้ำตาลมาจุกอยู่ คนไข้ลืมตาไม่ค่อยขึ้นเพราะเคืองตาและปวดตามาก ผมทดลองวัดสายตาดูพบว่าอ่านตัวเลขบนสเนลเลนชาร์ต (ชาร์ตวัดสายตา) ไม่เห็นเลย ได้แค่เห็นมือแกว่งไหว ๆ (Hand movement) อยู่หน้าตาข้างนั้นเท่านั้นเอง

ผมบอกคนไข้ไปว่า ตาซ้ายที่ปวดเป็นเพราะกระจกตาดำแตก คงต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล แล้วผ่าตัดเย็บตกแต่งแผลให้เรียบร้อย ส่วนจะเห็นดีแค่ไหนยังบอกไม่ได้ คนไข้ก็ยอมทำตามผมทุกอย่าง แล้วก็บ่นพึมพรำว่าไม่น่าเลยเรา หมวกกันน็อกมีก็ลืมใส่ รีบจะไปท่าเดียว นี้ถ้าคว้าหมวกมาใส่ก็คงไม่เป็นอย่างนี้ใช่มั้ยครับคุณหมอ

นั่นเป็นตัวอย่างอันหนึ่งที่คนไข้คนนี้ประสบอุบัติเหตุโดนเศษหินเล็ก ๆ ขนาดประมาณครึ่งเซนติ-เมตรกระเด็นจากล้อรถบรรทุกสิบล้อที่เหวี่ยงกระเดนมาเข้าตาพอดี ราวกับว่าโดนยิงด้วยปืนที่มีลูกกระสุน เป็นก้อนหินนั่นเอง ความแรงของความเร็วที่วิ่งตามกันไปติด ๆ บวกกับความคมของเศษหิน วิ่งเข้าชนกระจกตาดำ ทำให้ถึงกับตาแตกทันที จบลงด้วยตาบอดนั่นเอง
 

จึงเป็นอุทาหรณ์ได้ว่าการสวมหมวกนิรภัยหรือแว่นกันแดดกันลม ยังมีประโยชน์สำหรับตัวเองได้เสมอไม่ว่าจะเป็นด้วยอุบัติภัยเฉพาะที่ หรือทั้งชีวิตก็ตามทีไม่มากก็น้อย

 

ข้อมูลสื่อ

203-005
นิตยสารหมอชาวบ้าน 203
มีนาคม 2539
เรื่องน่ารู้
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์