ความรัก มิตรภาพ ชีวิต กับผู้ติดเชื้อเอดส์
ในปี พ.ศ. 2527 พบผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นคนไทยรายแรก ในขณะนั้นเข้าใจว่า โรคเอดส์เป็นโรคที่พบกันในชายรักร่วมเพศเท่านั้น และไม่คิดว่าโรคเอดส์จะเข้ามาแพร่กระจาย ในคนทั่วไป มาตรการในการป้องกันและเผยแพร่ความรู้จึงเน้นกลุ่มเป้าหมายคือ ชายรักร่วมเพศ หรือกลุ่มเกย์
ในปี พ.ศ.2530-2531 พบผู้ติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยติดจากการใช้เข็มและหลอดฉีดยาร่วมกัน
ในปีต่อมา พบผู้ติดเชื้อเอดส์ ในกลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศสูงขึ้นตามลำดับ การติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากที่เคยคิดว่าติดเฉพาะในชายรักร่วมเพศ กลับพบการติดเชื้อสูงในหญิงโสเภณี และชายชอบเที่ยวที่มาตรวจรักษาที่คลินิกกามโรค
นับแต่ปี พ.ศ.2535 พบทารกป่าวเป็นโรคเอดส์มากขึ้นเป็นลำดับ เพราะได้รับเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อ ที่กรุงเทพฯมารดาที่มาฝากครรภ์ ตรวจเลือดพบติดเชื้อร้อยละ 2 ในจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย พะเยา ลำปาง พบว่าแม่ติดเชื้อถึงร้อยละ 10 ทารกที่เกิดจากแม่ติดเชื้อประมาณ 1 ใน 4 ป่วยเป็นโรคเอดส์
เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่ได้ผลแน่นอน การป้องกันจึงต้องเน้นในเรื่อง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ความรู้ว่าเชื้อติดต่อทางใด และจะหลีกเลี่ยงไม่รับเชื้อได้อย่างไร รัฐบาลจึงจัดตั้งคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนนำในการรณรงค์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอดส์
การให้ความรู้ผ่านสื่อมวลชนระยะแรก เน้นให้เห็นความน่ากลัวของโรคเอดส์ คือ เป็นแล้วตายลูกเดียว และได้ลงรูปผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย ที่น่าเกลียดน่ากลัว เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มีผิวหนังเน่าเปื่อยทั่วตัว ด้วยความคิดว่า การใช้แนวทางนี้จะทำให้ผู้ชายกลัว และเลิกเที่ยวโสเภณีได้
เมื่อเวลาผ่านไปพบว่า แนวทางการให้ความรู้โดยสร้างความกลัวโรคเอดส์ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ชายเที่ยวหญิงโสเภณี ยังคงมีอยู่แม้จะลดน้อยลงบ้าง และที่สำคัญคือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความกลัวโรคเอดส์เป็นอย่างมากคือ ผู้ติดเชื้อเอดส์ถูกสังคมรังเกียจ ครอบครัวไม่ยอมรับให้อยู่ร่วมบ้าน เพราะกลัวติดโรค
ภาพที่น่ากลัว และความตาย ทำให้คนบางกลุ่มที่ไม่มีความรู้เพียงพอไม่ยอมรับผู้ที่ติดเชื้อ และพยายามกีดกันเขาเหล่านั้นออกจากสังคม บางคนถูกไล่ออกจากงาน บางคนถูกขับออกจากหมู่บ้าน และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นคือ บางคนถูกคนในครอบครัวไล่ออกจากบ้าน ให้ไปตายเอาดาบหน้า!
การกระทำเหล่านี้ทำให้ผู้ติดเชื้อเหมือนคนแค่ครึ่งคน พวกเขาไม่กล้าออกมายืนอยู่ในมุมสว่างของสังคม ได้แต่หลบอยู่ในวอกมืด ทำให้เพวกเขาขาดโอกาสอีกหลายอย่าง เช่น โอกาสที่จะได้รับความช่วย-เหลือจากรัฐฯ โอกาสได้รับการดูแลจากแพทย์ โอกาสในการใช้ชีวิตอย่างปกติ โอกาสทางสังคมอื่น ๆ อีกมากมาย
หากเรามีความรู้เรื่องโรคเอดส์ รู้ว่าเอดส์นั้นติดได้โดยการร่วมเพศ ร่วมเข็ม หรือร่วมเลือด ไม่ได้ติดต่อง่าย ๆ เหมือนหวัดหรือวัณโรคที่หายใจ ไอ จาม รดกันก็ติดเชื้อได้ หรือโรคกลากเกลื้อนที่ติดทางการสัมผัส เราอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์หรือแม้แต่ผู้ป่วยเอดส์ได้ กินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน จับต้องตัวกันได้โดยไม่ติดเชื้อ
ที่สำคัญคือ ผู้ที่ติดเชื้อยังสามารถอยู่ได้อย่างปกติอีกนาน หากได้รับการดูแลสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในทางกลับกันหากสังคมใกล้ตัวไม่ให้โอกาส ความกดดันจะทำให้ผู้ติดเชื้ออายุสั้น
ถ้าหากคุณมีญาติพี่น้อง หรือเพื่อนติดเชื้อเอดส์ คุณและเขาจะปฏิบัติตัวอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างไม่เดือดร้อน
การปฏิบัติตนของผู้ติดเชื้อ |
1. เลิกพฤติกรรมที่จะมีโอกาสได้รับเชื้อไวรัสเอดส์ซ้ำอีก ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์อยู่แล้ว อย่าคิดว่าไม่ต้อง
ป้องกันตัว เชื้อเอดส์ที่ได้รับครั้งแรก มักได้มาเมื่อร่างกายแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี เชื้อถูกควบคุมไม่ให้เพิ่มจำนวนมาก ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตปกติอยู่ได้อีกนาน ถ้าเชื้อในตัวอยู่ในระยะสงบ แต่ถ้ารับเชื้อใหม่มาอีกจะกระตุ้นให้เชื้อที่มีอยู่หรือเชื้อที่รับเข้าไปใหม่เพิ่มจำนวน ทำให้เกิดโรคเอดส์เร็วขึ้น และยังเกิดโรคแทรกจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง วิธีป้องกันไม่ให้ได้รับเชื้อเพิ่ม ได้แก่
- งดการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่สมรส ถ้ามีเพศสัมพันธ์ควรใส่ถุงยางทุกครั้ง พยายามอย่ามี
เพศสัมพันธ์รุนแรงจนเกิดบาดแผล
- ไม่ใช้กระบอกฉีดยา เข็มฉีดยา ของมีคม (เช่น มีดโกน) ร่วมกับผู้อื่น
2. วางแผนครอบครัว หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ไม่ควรตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้เชื้อที่สงบอยู่ถูกกระตุ้น
ให้เพิ่มจำนวนเป็นโรคเร็วขึ้น และลูกที่เกิดมาก็มีโอกาสคิดเชื้อ
3. ดูแลสุขภาพของตนเอง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนอย่างน้อย วันละ 6-8 ชั่วโมง
- ไม่ควรเข้าไปในที่แออัด เพราะอาจติดโรคอื่น ๆ จากผู้อื่นได้ โดยเฉพาะโรคที่ติดต่อทางลมหาย
ใจ
- ไม่ควรดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และสิ่งเสพติด
- ไม่ควรกินอาหารรสจัด อาหารดิบ อาหารหมักดอง อาหารค้างคืนซึ่งอาจบูดเสีย กินอาหารให้
เป็นเวลา กินผักและผลไม้จำนวนมาก ๆ ในผัก ผลไม้ต่าง ๆ จะมีแร่ธาตุ วิตามิน และสารกันพิษที่เรียกว่า แอนติออกซิแดนท์ (antioxidant) ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
- ออกกำลังกายทุกวัน แต่ไม่ควรออกมากจนเหนื่อยล้า ไม่ควรเข้าแข่งขันกีฬาซึ่งต้องออกแรงหัก-
โหม
- หางานอดิเรกทำให้เกิดความเพลิดเพลิน อย่าให้เกิดเวลาว่างมากเกินไป
4. หาเพื่อนหรือผู้ไว้ใจได้ สำหรับปรึกษาหารือ ควรมีหมอที่จะติดต่อด้วยเป็นประจำ ถ้าเจ็บไข้ได้
ป่วยควรรีบพบแพทย์ ถ้าได้รับการรักษาจากแพทย์ ที่ไม่รู้ประวัติขอให้บอกด้วยว่า ตนเองอาจมีเชื้อที่ติดต่อทางเลือดได้
5. ควรมีการติดต่อรวมกลุ่มระหว่างผู้ติดเชื้อด้วยกัน เพื่อจะได้ติดตามข้อมูลต่าง ๆ ที่จะเป็นประ
โยชน์ และให้คำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
*** จังหวัดแรกที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์มากที่สุด10
จังหวัด | จำนวนผู้ป่วย เอดส์ |
เชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯ ลำปาง พะเยา ลำพูน ระยอง ชลบุรี ขอนแก่น ราชบุรี | 4,405 3,395 2,143 1,470 1,433 895 863 596 564 444 |
6. ใช้ชีวิตในครอบครัวตามปกติ กินอาหารร่วมกับผู้อื่นได้แต่ควรใช้ช้อนกลาง ถ้วยชาม ที่ใช้ไม่จำ
เป็นต้องแยก สำหรับผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ชุดชั้นใน เสื้อผ้าหรือของใช้ที่เปรอะเปื้อนเลือดหรือสิ่งปฏิกูลขับถ่าย ควรแช่ในน้ำยาฟอกผ้าขาวที่เจือจางประมาณ ๕ เท่าสักครึ่งชั่วโมง ส่วนเสื้อผ้าปกติสามารถซักรวมกันได้
ผู้ติดเชื้อสามารถพูดคุย เล่นกับเพื่อน บุคคลในครอบครัว และคนรอบข้างได้เหมือนปกติ
7. เรื่องการติดเชื้อเป็นเรื่องส่วนตัว แม้จะไม่ใช่ความผิดที่ต้องปิดบัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประ
กาศให้ใครรู้ว่ามีเลือดบวก บอกเฉพาะผู้ที่ไว้ใจได้ว่ามีสติไม่ตื่นตกใจ และช่วยเหลือได้
8. ป้องกันไม่ให้คนอื่นได้รับเชื้อจากตนเอง ถ้ามีบาดแผล ให้ปิดแผล ถ้ามีเลือดออก ให้วับให้แห้ง
แช่สำลีหรือผ้าเปื้อนเลือดในน้ำยาฟอกผ้าขาว ไม่บริจาคเลือด น้ำอสุจิ หรืออวัยวะต่าง ๆ
การปฏิบัติตนของครอบครัวผู้ติดเชื้อ |
1. พูดคุยเล่นกับผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยได้ตามปกติ สามารถจับต้องตัวได้ กิจกรรมที่เคยทำร่วมกัน
เช่น กินข้าว ดูโทรทัศน์ ปฏิบัติได้ตามปกติ
การปฏิบัติตัวให้เป็นปกติเหมือนเดิมก็เป็นการให้กำลังใจผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยทางหนึ่งว่า คนในครอบ
ครัวไม่มีใครกลัว หรือรังเกียจ
2. ระวังไม่ให้รับเชื้อจากผู้ป่วย การติดเชื้อนั้นต้องสัมผัสโดยตรงกับน้ำคัดหลั่งที่ออกจากร่างกาย
ของผู้ป่วย เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำหลั่งจากช่องคลอด น้ำอสุจิ เป็นต้น จึงควรระวังไม่ให้น้ำคัดหลั่งเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ช่องคลอด ทวารหนัก ปาก เยื่อบุตา หรือผิวหนังที่มีบาดแผล
3. หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม เช่น มีดโกน เข็ม แปรงสีฟัน ร่วมกัน ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันควร
มีการทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนและหลังใช้ ต้องระวังในเรื่องนี้สำหรับบุคคลทั่วไปด้วย เพราะเราจะไม่ทราบว่าใครติดเชื้อเอดส์หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบ
4. เสื้อผ้านำมาซักรวมได้ แต่เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน หรือผ้าที่เปื้อนน้ำหลั่งต่าง ๆ ควรแยกซักต่างหาก
ก่อนซักให้แช่น้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฟอกผ้าขาว หรือผงซักฟอกสักครึ่งชั่วโมง
5. ใช้ห้องน้ำห้องส้วมร่วมกับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยได้ แต่ควรมีการทำความสะอาดสม่ำเสมอเป็นระยะ ๆ ในการทำความสะอาดควรสวมถุงมือ และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อด้วย
6. การล้างมือเป็นการป้องกันโรคติดต่อที่ดีที่สุด ควรล้างมือเมื่อสัมผัสกับน้ำหลั่งต่าง ๆ ของผู้ป่วย
เมื่อเข้าและออกจากห้องน้ำ ก่อนเตรียมอาหารและก่อนกินอาหาร
ควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ แต่ไม่ควรตัดสั้นจนเกินไป หรือไม่ควรตัดตามซอกเล็บจนลึก เพราะจะทำ
ให้เกิดรอยถลอก หรือบาดแผล เป็นทางให้เชื้อเข้าได้
7. ในการดูแลผู้ป่วย หากต้องสัมผัสกับน้ำหลั่งจากบาดแผลควรใส่ถุงมือหรือถุงพลาสติก หลังจาก
ถอดถุงมือควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ในการจับต้องผู้ป่วยทั่ว ๆ ไปที่ไม่โดนน้ำหลั่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงมือ
สิ่งเหล่านี้ไม่ยากเกินความสามารถที่จะทำได้ ลองคิดว่า ถ้าตนเอง ลูกรัก หรือเพื่อนสนิทเกิดติดเชื้อ
เอดส์ เราจะทำอย่างไร ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ต้องการเพียงหัวใจที่มีความรัก ความเข้าใจ ห่วงใย และผูกพันของคนในครอบครัวและคนรอบข้าง
คุณจะเป็นคนหนึ่ง ที่จะให้โอกาสช่วยเหลือผู้ใกล้ชิดที่ติดเชื้อเอดส์ได้หรือยัง
เวทีทัศนะ |
กัลยา (นามสมมุติ) ผู้ติดเชื้อ |
เวทีทัศนะ |
สมสกุล (นามสมมติ) ผู้ติดเชื้อ |
เวทีทัศนะ |
องอาจ (นามสมมติ) ผู้ติดเชื้อ |
เวทีทัศนะ |
ทิวา นภาอัมพร (เจ้าหน้าที่ของแอคเซส) ________________________________ “จากประสบการณ์ของผมที่ทำงานร่วมกับผู้ติดเชื้อ ผมว่าโรคเอดส์มันไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ ผมสัมผัสกับผู้ติดเชื้อมาตลอด 4 ปี และผมก็ยืนยันว่าผมไม่ได้ติดเชื้อ ผมว่าคนที่กลัวโรคเอดส์นั้น กลัวเพราะว่าเขาไม่รู้จักโรคเอดส์ดีพอ เพราะเขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเอดส์คืออะไรเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่เรื่องของความตายเท่านั้นเอง รู้อยู่เท่านั้นไม่รู้อย่างอื่น ไม่คิดว่ามันติดต่อกันอย่างไร บางคนอาจจะรู้ว่ามันติดต่อกันยังไง ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดต่อทางเข็มฉีดยา แต่ก็มักจะมองข้ามมันไป บางคนรู้แล้วละเลย บางคนรู้แล้วแต่ว่าเชื่อใจมากเกินไป เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญมาก ถ้าเขารู้และตระหนักในเรื่องการติดต่อของโรคเขาควรจะคิดด้วยว่าไม่ว่าเขาจะมีเพศสัมพันธ์แบบไหน ถ้าเขาอยู่ที่จุดเสียง โอกาสติดเชื้อมันก็มีได้เสมอ ตรงจุดนี้เราคิดว่าถ้ามีการให้ความรู้ที่ถูกต้อง ให้เขาเอาความรู้ที่เราให้กลับไปคิดพิจารณา เขาจะแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขาได้มั้ย ถ้าได้ ก็หมายความว่าเขาลดความเสี่ยงลง โอกาสติดเชื้อ มันก็น้อยลง การรณรงค์ที่ใช้รูปที่มองดูน่าเกลียดเป็นสื่อเพื่อให้ผู้ชายเลิกเที่ยวนั้น ผมว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะจากโทรศัพท์ที่เราได้รับและจากการพูดคุย มันไม่ได้ลดลง ผู้ที่โทรศัพท์มาถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก็ยังคงมีพฤติกรรมทางเพศอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แล้วในจำนวนนั้นก็มีคนติดเชื้อแล้วรวมอยู่ด้วย ผมคิดว่าสื่อเหล่านี้ที่แสดงเรื่องความรุนแรงของโรคนั้นช่วยไม่ได้ มันอาจจะทำให้คนกลัว แต่ไม่ทำให้เขาเหล่านั้นเลิกเที่ยว แต่สื่อเหล่านี้กลับไปมีผลกระทบด้านลบกับผู้ติดเชื้ออื่น ๆ กับประชาชนทั่วไปในเรื่องของการอยู่ร่วมกันในสังคม” |
ข้อมูล
พ.ญ.จันทพงษ์ วะสี
น.พ.สถาพร มานัสสถิตย์
หนังสือถาม-ตอบปัญหา
โรคเอดส์/กองโรคเอดส์ กระทรวงสาธารณสุข และโครงการ เข้าถึงเอดส์ แอคเซส
หากต้องการทราบข้อมูลเรื่องโรคเอดส์ สามารถสอบถามได้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้ |
1. กองโรคเอดส์ กระทรวงสาธารณสุข
โทร. 591-8579, 591-8412
2. แอคเซส
โทร. 245-0004-5 ตู้ ป.ณ. 34 ดินแดง 10407
3. มูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์
โทร. 277-8811, 275-5759-60, 276-2950-1 เลขที่ 90/269 ซอย ทรงสะอาด หมู่บ้านอยู่เจริญ ถนนวิภาวดี เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
4. คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย
โทร. 256-4107-8 เลขที่ 1871 ถนน พระราม 4 กรุงเทพฯ 10300
5. ศูนย์บริการข้อมูลและฝึกอบรมแรงงาน (คลิสท์-clist)
โทร. 586-0158 เลขที่ 273/51 ซอย พงษ์เพชรนิเวศน์ ถนนประชาชื่น แขวง ลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
6. สมาคมทำหมันและพัฒนาคุณภาพชีวิตแห่งประเทศไทย (ทีเอวีเอส-TAVS)
โทร. 448-6563 เลขที่ 101 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170
7. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาชุมชนเมือง (ยูดี-เอฟ-UDF)
โทร. 01-924-2573, 392-3705 เลขที่ 133/85 หมู่บ้านพาราไดซ์การ์เด้น แขวงคลองสาม ประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10502
8. ฮอตไลน์ ศูนย์ฯ เอดส์ กทม.
โทร. 224-0218-9 ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ กรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 1 (เสาชิงช้า) เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
- อ่าน 21,076 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้