• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไมเกรน

ไมเกรน

มีอาการเวียนศีรษะ บางวันเป็นอย่างนี้ 2-3 ครั้ง ไปทำเอกซเรย์ปอด หัวใจ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ และถ้าปวดศีรษะมากๆ อาจทำให้ถึงตายได้หรือไม่

ผู้ถาม อดุลย์/ลำพูน
ผู้ตอบ นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ

ผมอายุ 31 ปี ส่วนสูง 165 เซนติเมตร น้ำหนัก 62 กิโลกรัม อาชีพรับราชการตำรวจ ( ตชด. ) อยู่เชียงใหม่ มีหน้าที่สอนเด็กชาวเขาในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

เมื่อวันที่ 20-23 เมษายน 2536 ผมมีอาการเวียนศีรษะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ระหว่างที่เวียนศีรษะมีอาการถุงอัณฑะหดตัวและมีอาการอยากจะถ่ายอุจจาระ ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเคยล้วงคอให้อ้วกออกมา ซึ่งอาการค่อยทุเลาลง แต่ยังไม่ดีขึ้น

ขณะเป็นจะมีอาการง่วงนอนด้วย หายาหอมตรา 5 เจดีย์มากินอาการก็ดีขึ้นตามลำดับจนหายไป จะเป็นอยู่ราวๆ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น 1 วันผมเคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ( 20-23 เมษายน ผมอยู่ระหว่างการอบรมที่อำเภอสันทรายเชียงใหม่ ) หมอตรวจโดยใช้แผ่นเหล็กอันเล็กดันโคนลิ้น หมอบอกว่า ผมได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ จึงจัดยาให้และบอกอีกว่าถ้ามีอาการเจ็บคอให้มาหาหมออีก ผมกินยาจนหมด แต่ยังมีอาการดังกล่าวอยู่อีก ต่อมาวันที่ 25-30 เมษายน 2536 ผมเดินทางมาอบรมที่กรุงเทพฯมีอาการเวียนศีรษะอีกครั้ง ในบางวันผมเป็นอย่างนี้ 2-3 ครั้ง เมื่อมีอาการดังกล่าวผมจะมองออกไปไกลๆ ซึ่งจะรู้สึกสบาย ทำให้อาการทุเลาลงหรือหายไป

หลังจากอบรมที่กรุงเทพฯ มาถึงบ้านที่จังหวัดลำพูน ผมไปให้หมอที่คลินิกตรวจครั้งแรกหมอยังไม่บอกอะไร ทำเอกซเรย์ปอด หัวใจ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หมอจึงนัดมาพบครั้งที่ 2 ( การตรวจครั้งแรกกับครั้งที่สองนี้เป็นหมอคนละคนกัน แต่อยู่ในคลินิกแห่งเดียวกัน ) ซึ่งหมอบอกว่าผมเป็นไมเกรน จากนั้นผมก็ไม่สบายใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยู่มาวันหนึ่งผมผ่านร้านขายหนังสือ ผมเห็นหนังสือ “หมอชาวบ้าน“ จึงซื้อมาอ่าน 2 เล่มเป็นฉบับเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ในคอลัมน์ “พูดจาภาษาหมอ“ เกี่ยวกับโรคไมเกรน ลืมบอกไปว่าเมื่อ 2-3 ปีผมเคยเวียนศีรษะเหมือนกันจึงไปหาหมอ หมอบอกว่าความสมดุลในร่างกายไม่เท่ากัน จึงจัดยาให้ผมกินก็หาย แต่ไม่ได้สนใจเหมือนครั้งนี้

  • โรคไมเกรนเป็นโรคเดียวกับการปวดศีรษะใช่หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันผมมีอาการปวดท้ายทอยอยู่ในระดับปานกลาง ผมคงเป็นโรคไมเกรนอย่างที่หมอพูด

โรคไมเกรน ส่วนมากจะทำให้มีอาการปวดศีรษะข้างเดียว บางคนจึงเรียกชื่อว่า “โรคปวดศีรษะข้างเดียว“ แต่ความจริงแล้ว คนที่เป็นโรคไมเกรนในบางคนอาจปวดศีรษะพร้อมกันทั้งสองข้าง หรือมีอาการเวียนศีรษะก็ได้ อาการที่เหมือนกันก็คือ มักจะเป็นๆ หายๆ ชนิดเรื้อรังและอาจมีอาการตาพร่ามัวหรืออาเจียนร่วมด้วย

  • โรคไมเกรนเป็นแล้วหายหรือไม่ มีวิธีรักษาอย่างไร

โรคนี้เป็นๆ หายๆ เริ่มเป็นตั้งแต่วัยรุ่น แต่จะหายขาดได้เองเมื่ออายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป การรักษาขณะที่มีอาการให้กินยาพาราเซตามอลครั้งละ 1-2 เม็ด เพื่อบรรเทาอาการ เคล็ดลับ คือ จะต้องรีบกินยาทันทีเมื่อเริ่มมีอาการ ถ้าสามารถนอนหลับสักพักจะทำให้หายเร็ว หากปล่อยให้มีอาการนานกว่า 1/2 ชั่วโมง ยากินจะไม่ได้ผล ดังนั้นจึงควรพกยานี้ติดตัวประจำ เพราะอาจมีอาการกำเริบเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อมีสาเหตุกระตุ้นให้กำเริบ ถ้าเป็นบ่อยจะต้องสังเกตเอาเองว่าเกิดจากสาเหตุอะไร (ดูข้อ 3 ) แล้วหลีกเลี่ยงเสีย ก็จะทำให้เป็นห่างขึ้น

ถ้าไม่ทราบสาเหตุหรือมิอาจเลี่ยงสาเหตุได้และยังกำเริบบ่อย ก็แนะนำให้กินยาอะมิทริปไทลีน ( amitriptyline ) ขนาด 10 มิลลิกรัม 1 เม็ดก่อนนอนทุกคืน เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ถ้าได้ผลควรกินทุกคืนติดต่อกันนาน 1-2 เดือน แล้วลองงดดู ถ้ากำเริบใหม่ก็ให้กินใหม่ ยานี้ระยะแรกอาจทำให้ง่วงนอนมาก จึงต้องกินเฉพาะเวลาก่อนนอน

  • สาเหตุของโรคไมเกรนมีอะไรบ้าง

โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักจะมีญาติพี่น้องคนใดคนหนึ่งเป็นโรคนี้ด้วย ผู้ที่รับกรรมพันธุ์ไมเกรนจากบรรพบุรุษก็มีธรรมชาติของร่างกายที่เกิดอาการของโรคนี้ เมื่อย่างสู่วัยรุ่นก็จะเริ่มปรากฏอาการให้เห็น ส่วนมากจะมีอาการกำเริบเมื่อมีสาเหตุกระตุ้น ดังนี้

--แสงจ้า แสงแดด แสงยิบยับ

--ใช้สายตามากเกิน เช่น อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์นานๆ

--เสียงดัง

--กลิ่นฉุน รวมทั้งกลิ่นน้ำหอม

--อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องใน ถั่วต่างๆ

--เหล้า เบียร์

--ผงชูรส

--ยาเม็ดคุมกำเนิด ยานอนหลับ

--อากาศร้อนหรือเย็นจัด

--อดนอน นอนตื่นสาย

--ร่างกายเหน็ดเหนื่อย ออกกำลังมากเกินไป

--ขณะมีประจำเดือน

--จิตใจเครียด

เป็นต้น

  • ในโรคไมเกรน ถ้าปวดศีรษะมากๆ อาจทำให้ถึงตายได้ใช่หรือไม่

โรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่มักเป็นเรื้อรังและทำให้รำคาญหรือทรมาน

  • เมื่อปวดท้ายทอย ผมจะกินพาราเซตามอล จะทำให้ผมติดยาได้หรือไม่

ยาพาราเซตามอลไม่ทำให้เสพติด แต่เพื่อความปลอดภัยก็กินยานี้ได้เต็มที่ไม่เกินวันละ 8 เม็ด และถ้าจำเป็นต้องกินประจำ ไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วัน ข้อควรระวังของยานี้ คือ ถ้ากินขนาดมากไปอาจทำให้ตับเสียได้ ปกติคนที่เป็นไมเกรนมักจะมีอาการเพียง 1-2 วัน ถ้ากินยาบรรเทาเพียงไม่กี่เม็ด ก็ไม่เกิดโทษอะไร

  •  การเล่มเกมกดมีผลทำให้เครียดแล้วเป็นอาการดังกล่าวใช่หรือไม่

ใช่ ทำให้โรคกำเริบได้ครับ

ข้อมูลสื่อ

177-015-3
นิตยสารหมอชาวบ้าน 177
มกราคม 2537
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ