• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ศัลยกรรมเสริมอกทำพิษ

ศัลยกรรมเสริมอกทำพิษ

เมื่อปลายเดือนเมษายน พ.ศ.2532 ที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านหลายท่านคงได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่พาดหัวข่าวว่า “กะเทยรุ่นเดอะช้ำ นมเน่าเฟะหลังการผ่าตัดใหญ่” ซึ่งเป็นข่าวฮือฮาอยู่ 2-3 วัน ทำเอาคุณผู้หญิงหรือผู้ชายที่ไปทำศัลยกรรมตกแต่งเสียวกันไม่น้อย

คอลัมน์ “เรียนรู้จากข่าว” หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาพบกับท่านผู้อ่านครั้งนี้ก็เลยขอถือโอกาสหยิบเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง หลายต่อหลายท่านคงสงสัยว่า เวลาที่เขาเสริมทรวงอกหรือเสริมดั้ง (จมูก) หรือเสริมตรงไหนก็ตาม ร่างกายเขาไม่จักจี้หรือเป็นโรคหรือ เมื่อเอาอะไรเข้าไปไว้ในร่างกาย มันเป็นอย่างนี้ครับ ปกติแล้วไม่ว่าเราเอาสารอะไรใส่เข้าไปในร่างกาย ก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมทั้งสิ้น เช่น เวลาเย็บแผล เราต้องใช้ไหมเย็บเนื้อเยื่อต่างๆ ไหมเย็บก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม

ลิ้นหัวใจเทียมที่หมอศัลยกรรมผ่าตัดหัวใจได้ใส่ให้กับผู้ป่วยก็ถือว่า เป็นสิ่งแปลกปลอมข้อเทียมที่หมอศัลยกรรมใส่เข้าไปในข้อของผู้ป่วยก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมเช่นกัน ตามปกติสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่ใส่เข้าไปในร่างกายนั้น เขาจะใช้สารที่เรียกว่า สารที่มีความเฉื่อย คือ มีปฏิกิริยาต่อร่างกายน้อยมาก และถึงแม้จะใช้สารที่มีปฏิกิริยาต่อร่างกายน้อย ร่างกายของเราก็ไม่ยอมรับสิ่งแปลกปลอมอยู่ดี แต่ด้วยความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ มันจะมีกระบวนการธรรมชาติที่จะสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาหุ้มสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นเอาไว้

เมื่อร่างกายสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาหุ้มและสิ่งแปลกปลอมเองก็ไม่ได้ทำความรำคาญหรือเดือดร้อนให้ร่างกายมันก็ต่างคนต่างอยู่ไป ปัญหาของสิ่งแปลกปลอม ก็คือ การติดเชื้อ เมื่อไรมีการติดเชื้อ ถ้าไม่เอาสิ่งแปลกปลอมออก ก็จะเป็นอันตรายมาก แต่ถ้าไม่ติดเชื้อ ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อหุ้มแล้ว มันก็อยู่อย่างนั้นตลอดไป กรณีที่เป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ก็เกิดจากการติดเชื้อ (โรค) ซึ่งเข้าใจว่าเกิดจากการติดเชื้อในขณะที่แพทย์จะเอาของ “ปลอม” ออก

ท่านคงเคยได้ยินว่า บางคนถูกยิงลูกปืนฝังอยู่ในร่างกาย โดยที่หมอก็ไม่ได้เอาหัวลูกปืนออก แต่ผู้ป่วยก็อยู่ได้สบายๆ เพราะว่าหัวลูกปืนไปอยู่ในที่ๆ ไม่จำเป็นต้องเอาออก หรือไปอยู่ในที่ๆ เอาออกลำบาก และลูกปืนไม่สกปรกหรือมีเชื้อโรค คุณหมอก็ให้ฝากไว้ในตัวผู้ป่วยเฉยๆ จะปลอดภัยกว่า แล้วร่างกายก็จะสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาห่อหุ้มลูกปืนไว้เอง และศัลยกรรมเสริมสวยในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเสริมทรวงอก เสริมจมูก หรืออื่นใดก็แล้วแต่ ก็อาศัยหลักการอันนี้นี่เอง

อ่านถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านบางท่านสงสัยว่า เอ๊ะ! อยู่ดีๆ “หมอชาวบ้าน” จะมาส่งเสริมเรื่องการตกแต่งเสริมสวยหรือไง ก็ต้องบอกว่า “หมอชาวบ้าน” ไม่มีนโยบายส่งเสริมให้ท่านทั้งหลายมาเสริมเติมแต่งโดยไม่จำเป็น แต่ที่นำเรื่องนี้มาพูดก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจเทคโนโลยี และรู้เท่าทันสถานการณ์ในเรื่องการแพทย์ต่างๆ คงมีหลายท่านสงสัยหรือตำหนิในใจว่า ทำไมศัลยแพทย์จึงกลายมาเป็นศัลยแพทย์เสริมสวย ที่จริงควรจะทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยพิการมากกว่า เรื่องนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มนตรี กิจมณี จากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้ให้ความกระจ่างว่า

“อันที่จริงการทำศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสวยนั้นเป็นผลพลอยได้ ไม่ใช่เป็นงานหลัก งานจริงๆ ของศัลยแพทย์ตกแต่งอยากจะบอกว่า คือ การรักษาผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การผ่าตัดด้วยกล้องจุลทรรศน์ การรักษาอุบัติเหตุของมือ ของใบหน้า รวมทั้งพวกมะเร็งบางอย่าง การแก้พิการทั้งหลาย บางครั้งต้องผ่าร่วมกับหมอทางประสาทศัลยศาสตร์ด้วย

จากงานที่จะต้องรักษาตกแต่งให้ผู้ป่วยกลับคืนมาสู่สภาพที่ดี ต้องใช้ความประณีต ความละเอียดรอบคอบ เราต้องรักษาของที่เสียให้ดี จากงานการรักษาดังกล่าวจึงเป็นผลพลอยได้ให้พัฒนาไปสู่การเสริมของดีให้ดูดีขึ้น”

ครับ...หลายท่านคงเริ่มเข้าใจนะครับว่า อันที่จริงแพทย์ที่มาทำศัลยกรรมเสริมสวยนั้นไม่ใช่ว่าใครเป็นหมอผ่าตัดหรือศัลยแพทย์ก็ลงมือผ่าตัดเสริมสวยให้ทุกคนได้ การเสริมสวยเป็นผลพลอยได้จากการทำงานอย่างหนัก เพื่อตกแต่งรักษาผู้ป่วยที่อวัยวะบางส่วนเสียหายไปแล้วให้กลับมาดูดี ปัจจุบันมีการโฆษณาเกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมเสริมความงามกันมากมาย คุณหมอได้ให้ทรรศนะว่า “น่าเป็นห่วง การเสริมสวยนั้น ถ้าพลาดมีแต่ติดลบ ของเดิมดีอยู่แล้ว ถ้าอย่างคนเกิดอุบัติเหตุแล้วเสริมสวยนั้น ถึงแม้การเสริมสวยให้ดูดีขึ้นหน่อยหรือได้แค่ศูนย์ ผู้ป่วยก็ไม่ได้ขาดทุน แต่ถ้าของดีๆ อยู่ๆ ทำแล้วเสียเท่ากับขาดทุน”

เมื่อถามถึงความเห็นของคุณหมอว่า แพทย์ควรแนะนำอย่างไรต่อผู้จะเสริมสวย คุณหมอมนตรี ได้แสดงความเห็นว่า “แพทย์ควรให้คำอธิบายถึงข้อดีข้อเสีย หรือโอกาสที่อาจเกิดอันตรายขึ้นมาได้ให้รับทราบก่อนเพื่อให้เขาตัดสินใจ ไม่ใช่โฆษณาชวนจะให้ทำอย่างเดียว ควรชี้แจงให้เขาฟัง ต้องดูรูปร่างหน้าตาของเขาด้วยว่าควรทำหรือไม่” เมื่อถูกตั้งคำถามว่า มีโรงพยาบาลของรัฐฯ แผนกไหนทำศัลยกรรมเสริมสวยบ้าง

“โรงพยาบาลของรัฐฯ เราต้องทุ่มเทให้กับผู้ป่วยพิการ อุบัติเหตุเร่งด่วนทั้งหลายมากกว่า การเสริมสวยต้องไปทำในโรงพยาบาลเอกชนครับ” คุณหมอกล่าว

เมื่อกระซิบถามคุณหมอเป็นการส่วนตัวว่า ปัญหาของศัลยแพทย์เสริมสวยที่มักเจอบ่อยๆ คืออะไร คุณหมอได้บอกว่า

“ส่วนใหญ่ คือ ความไม่พอใจ มักนำเอารูปคนนั้น คนนี้มาเป็นตัวอย่าง จะเอาแบบนั้นแบบนี้ คงทราบนะครับว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ องค์ประกอบของหน้าตาหรือรูปร่างแต่ละคนไม่เหมือนกัน จมูกของคนหนึ่งว่าสวย เอาไปไว้อีกคนหนึ่งอาจจะดูไม่ได้เลยก็ได้ แม้แต่นางงามจักรวาลก็ตามลองสลับจมูกกันก็อาจจะตกอันดับเลยก็ได้”

ครับ...ความสวย ความหล่อ เป็นยอดปรารถนาของทุกคน แต่ก็เป็นการสัมผัสด้วยการมองเท่านั้น คุณคงเคยพบเพื่อนบางคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ แต่คุณรู้สึกว่าเมื่อได้คุยกับเขาหรือใกล้ชิดเขา จะสัมผัสได้ถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา และความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ตัวเราสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นด้วย แต่เพื่อนบางคนสวยดีหรอก แต่แหม...ยายสวยนี่เห็นแก่ตัวชะมัด...อ้าว...ไหงพูดเรื่องศัลยกรรมไปศัลยกรรมมากลายเป็นลงท้ายด้วยเรื่องพฤติกรรมไปจนได้

ข้อมูลสื่อ

122-011
นิตยสารหมอชาวบ้าน 122
มิถุนายน 2532