• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กรน... มลภาวะยามพักผ่อน

กรน... มลภาวะยามพักผ่อน

“ครืดคราด...ฟี้” เชื่อว่าคุณคงรู้จักเสียงนี้กันทุกคน บ้างก็คุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา คืนไหนถ้าไม่ได้ยินอาจทำให้นอนไม่หลับไปเลย แต่ที่แน่ๆ หลายคนคงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า เสียงกรนเป็นมลภาวะสำหรับคนข้างเคียงเป็นอย่างยิ่ง

จริงๆ แล้วการกรนเป็นอาการอย่างหนึ่งเท่านั้น ในทางการแพทย์ไม่จัดเข้าข่ายว่าเป็นโรคใดๆ การกรนมักจะเป็นกัน 1 ใน 8 ของคนที่นอนหลับ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุให้คนข้างเคียงต้องตื่นขึ้นมายามดึก ซึ่งกล่าวกันว่าการกรนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ต้องเดินอยู่บนเส้นขนาน

ทำไม...ต้องกรน

การกรนเป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เกิดจากสาเหตุในเวลาที่เราหลับจะหายใจเข้าทางปาก ทำให้กล้ามเนื้อเพดานอ่อนหรือลิ้นไก่หย่อน ดังนั้นโพรงจมูกที่อากาศผ่านจึงแคบหายใจไม่สะดวก ระดับความรุนแรงของอาการกรนจะเป็นไปตามความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพดานอ่อนหรือลิ้นไก่ และแรงสูดที่หายใจเข้าไป ซึ่งบางครั้งอาจกรนแรงจนปลุกตัวเองตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตนเองนั่นแหละเป็นคนก่อเสียง

การกรนยังมีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบการหายใจ ระบบกายหายใจประกอบด้วย

1. จมูก ภายในจมูกแบ่งออกเป็นจมูกภายใน คือ โพรงจมูกด้านหลัง จมูกจะมีรูจมูกหน้าและหลัง รูจมูกหลังเป็นรูที่จะผ่านเข้าไปในลำคอ

2. เพดานอ่อน ก่อนจะถึงลำคอจะเป็นเพดานอ่อนหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ลิ้นไก่ จะทำหน้าที่คล้ายลิ้น แต่เป็นลิ้นลม ไม่ใช่ลิ้นที่เราพูด เป็นลิ้นสำหรับเปิดปิดโพรงอากาศที่อยู่หลังจมูก

3. ช่องปาก ประกอบด้วยโคนลิ้น ตรงโคนลิ้นจะมีต่อมทอนซิล

เมื่อองค์ประกอบของระบบการหายใจ 3 สิ่งนี้แคบลงเมื่อใด การหายใจจะเป็นไปด้วยความลำบาก เสียงครืดคราดของอาการกรนก็จะดังออกมาให้เราได้รำคาญกัน เช่น คนที่มีอาการต่อมทอนซิลโตหรือคนที่ต่อมอดีนอยด์โตก็จะมีอาการกรนเช่นกัน ต่อมอดีนอยด์คือเนื้อเยื่อซึ่งอยู่ในกลุ่มของระบบต่อมน้ำเหลือง เมื่อต่อมนี้โตขึ้นมาจะปิดบริเวณด้านหลังของโพรงจมูกทำให้เกิดอาการกรนได้

นอกจากนี้การมีเนื้องอกในโพรงหลังจมูก หรือโรคภูมิแพ้มีอาการเป็นหวัดเรื้อรัง มีเสมหะติดอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ อย่างนี้ก็ก่อให้เกิดเสียงดังครืดคราดได้ แต่จะไม่ค่อยเหมือนกับอาการกรนตามปกติ โรคอ้วนก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนกับผู้ที่เป็นอย่างมากมาย รวมทั้งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรนด้วย ในคนอ้วน ช่องปากหรือช่องจมูกด้านหลัง ในโพรงอากาศที่จะติดต่อเข้าไปด้านหลังของจมูกจะแคบลง และลิ้นคนอ้วนจะมีลักษณะยกขึ้น เพราะฉะนั้นเวลานอนหงายลิ้นจะตกและก่อให้เกิดเสียงกรน

มาหยุดอาการกรนกันเถอะ

การจะหยุดอาการกรนนั้นเราต้องหาต้นตอให้พบเสียก่อนว่า เกิดจากสาเหตุใด แล้วจึงหาวิธีรักษาที่ถูกวิธี เข้าทำนองที่ว่า รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา ถ้ามีสิ่งกีดขวางทางเดินหายใจ เช่น เนื้องอกในโพรงจมูก ต่อมอดีนอยด์ ต่อมทอนซิลโต หรือเป็นหวัดเรื้อรัง ก็ควรไปรับการตรวจรักษาเสีย โดยเฉพาะเด็ก หากมีอาการกรนจะมีผลต่อการเจริญเติบโต เพราะการกรนทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กช้าลง เด็กจะมีร่างกายเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกัน การพัฒนาทางสมอง การเรียนรู้ และพฤติกรรมต่างๆ จะช้ากว่าเด็กอื่น นับว่าเป็นอันตรายผ่อนส่งต่อลูกหลานของคุณ

ส่วนอาการกรนที่เกิดจากโรคอ้วน หรือนอนหงายโดยหายใจทางปาก อาจแก้ไขได้โดยจับให้เขานอนตะแคงโดยเอาหมอนข้างให้กอดหรือให้นอนคว่ำหน้า เอาด้านที่เป็นกระเพาะอาหารลงด้านล่าง และมีวิธีบริหารที่ช่วยให้หุบปากขณะนอนหลับได้ เช่น ขบฟัน 10 นาทีก่อนเข้านอน เป็นต้น สำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน ควรลดน้ำหนักลงเสียบ้าง เพื่อแลกกับความสงบสุขในยามค่ำคืนของคนเคียงข้าง

นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ใหม่ๆ มาแนะนำให้คุณทดลอง โดยสวมปลอกคอที่ใช้กับคนคอเคล็ดในเวลานอนหลับ เพราะเสียงกรนจะแรงขึ้น เมื่อนอนหงายแล้วหัวชันลงมา ปลอกคอจะช่วยยกคางและขากรรไกรขึ้น ช่วยบรรเทาอาการกรนได้

ถ้าโลกนี้ไร้เสียงกรนคงดีไม่น้อย ถึงแม้ว่าอาการกรนจะไม่ก่ออันตรายร้ายแรงต่อคุณ แต่เสียงกรนมีผลทางอ้อมต่อความร้าวฉานในชีวิตครอบครัว เพราะคนข้างเคียงคุณจะต้องผวาตื่นจนไม่เป็นอันนอน ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ

ข้อมูลสื่อ

127-015
นิตยสารหมอชาวบ้าน 127
พฤศจิกายน 2532
เรื่องน่ารู้
นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์