เด็กห้าขวบถึงหกขวบ
การเลี้ยงดู
373. อาหารของเด็กวัย 5-6 ขวบ
เด็กวัย 5-6 ขวบกินอาหารไม่มากเท่าปริมาณที่แม่อยากให้กิน ตอนเช้า เด็กก็นอนตื่นสาย ไปโรงเรียนยังไม่ค่อยจะทันจึงไม่ค่อยมีเวลากินอาหารเช้าตามสบาย อาหารกลางวันเด็กกินที่โรงเรียน กินได้มากหรือน้อย พ่อแม่ก็ไม่ค่อยทราบ เมื่อมื้อเย็นเด็กกินน้อยแม่จึงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะอยากให้ลูกกินได้มากกว่านั้น เรื่องนี้ดูเหมือนว่าแม่ทุกคนจะรู้สึกแบบเดียวกันหมด
อย่างไรก็ดี หากเด็กวัยนี้กินเท่าที่แม่อยากให้กิน มักจะกลายเป็นเด็กอ้วนเกินไป
ลองดูตัวอย่างอาหารประจำวันของเด็กอนุบาลอ้วนคนหนึ่งก็ได้
- เช้า ขนมปัง 2-3 แผ่น นม 200 มิลลิลิตร ไข่ต้ม 1 ฟอง
- กลางวัน (ปิ่นโต) ไข่ ปลา ผัก ข้าว 2 ถ้วย ผลไม้
- ของว่าง ช็อกโกแลต ซาลาเปา หรือขนมปังมีไส้ หรือบะหมี่สำเร็จรูป
- เย็น ข้าว 2 ถ้วย เนื้อหรือปลา (ปริมาณเท่าผู้ใหญ่) ผัก น้ำผลไม้
เด็กอนุบาลคนนี้น้ำหนักเท่ากับเด็กชั้นประถมสอง แต่ตัวไม่สูงนัก รูปร่างจึงอ้วนกลม ใครดูก็รู้ว่าอ้วนเกินไป
คราวนี้ลองมาดูรายการอาหารของเด็กผอมกันบ้าง
- เช้า ขนมฝรั่ง 1 ชิ้น หรือไม่กินอะไรเลย
- กลางวัน (ปิ่นโต) ข้าว 1 ถ้วย ไข่ต้ม 1 ฟอง หรือไส้กรอก 2 ชิ้น ผลไม้เล็กน้อย
- ของว่าง ขนมอบกรอบครึ่งถุง หรือเอแคลร์ 1 ชิ้น
- เย็น ข้าวต้มเครื่อง 1 ชาม ผลไม้เล็กน้อย
เด็กคนนี้อายุ 5 ขวบ 5 เดือน น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ไม่เคยเจ็บป่วย
ปริมาณอาหารที่เด็กธรรมดาโดยทั่วไปกินแต่ละวันจะอยู่กลางๆ ระหว่างตัวอย่างทั้งสอง ตอนเช้า เด็กกินขนมปังแผ่นเดียวกับนมอีก 200 มิลลิลิตร หรือดื่มนมอย่างเดียว เด็กกินน้อยบางคนไม่ยอมกินอะไรเลย ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน มื้อกลางวันจะกินข้าวได้ประมาณ 1 ถ้วยหรือถ้วยครึ่ง เด็กวัยนี้กินกับข้าวได้มากกว่าข้าว กินเนื้อ ปลา หรือไข่ ได้ในปริมาณเท่าผู้ใหญ่
แม้ว่าเด็กจะกินน้อย แต่น้ำหนักก็เพิ่มประมาณปีละ 1.5-2 กิโลกรัม และถึงแม้จะกินข้าวน้อย แต่ถ้ากินกับกินปลาได้ในปริมาณพอๆ กับผู้ใหญ่ เด็กจะเจริญเติบโตดี สำหรับเด็กที่ไม่ชอบกินทั้งเนื้อและปลา เราก็ให้ดื่มนมวันละ 400-600 มิลลิลิตร การดื่มนมมากมีส่วนช่วยให้เด็กมีรูปร่างสูงใหญ่ขึ้น
คุณแม่บางคนให้ลูกกินวิตามินรวมเป็นประจำ เพราะโฆษณาในโทรทัศน์ชักชวนให้ทำเช่นนั้น เด็กธรรมดาทั่วไปไม่ขาดวิตามินจนถึงกับต้องเสริมให้ สำหรับเด็กที่ไม่ชอบกินผัก เราก็ให้กินผลไม้ทดแทนอย่างพอเพียง
การล้างมือก่อนกินอาหารหรือแปรงฟันหลังอาหารนั้น ถ้าพ่อแม่ทำเป็นประจำลูกก็จะทำตาม มารยาทในการกินอาหารก็เช่นเดียวกัน พ่อแม่ต้องระวังอย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของลูก
การกินอาหารเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเด็ก ควรให้เด็กได้กินอย่างมีความสุข มิใช่พอนั่งโต๊ะปุ๊บคุณพ่อก็เปิดฉากเทศนาศีลธรรมประจำวัน ส่วนคุณแม่ก็คอยกำกับให้กินมากๆ ลูกเลยหมดอร่อยทันที ไม่ควรปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์ไปพลาง กินข้าวไปพลาง จิตใจของเด็กจะไม่อยู่ที่อาหาร และพ่อแม่ก็สูญเสียเวลาช่วงสำคัญที่จะได้คุยกับลูกๆ เพื่อเล่าถึงอดีต หรือประสบการณ์ต่างๆ ให้ลูกฟังอย่างมีความสุข
374. ขนมสำหรับเด็กวัยนี้
ขนม คือ ของโปรดของเด็กทุกคน เด็กย่อมอยากกินมากๆ เป็นธรรมดา แต่ขนมก็มีแคลอรีอยู่ระดับหนึ่งต้องพิจารณาควบคู่กับปริมาณอาหารที่เด็กกินประจำวันด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเด็กอ้วนเกินไป สำหรับเด็กที่กินข้าวเก่งและค่อนข้างอ้วนนั้น ควรให้ขนมที่มีแคลอรีต่ำ เช่น ผลไม้ นมเปรี้ยว เป็นต้น ส่วนเด็กที่กินข้าวได้น้อย เราก็ให้ขนมจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ขนมปังกรอบ ข้าวเหนียว สาคู เพื่อเพิ่มพลังงาน
เด็กที่ไม่ชอบกินเนื้อกินปลาเราก็ให้ดื่มนมหรือให้ขนมที่ทำจากนมและถั่วเป็นของว่าง คุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน มักจะซื้อขนมต่างๆ ไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ เด็กกลับจากโรงเรียนก็กินขนมไปเรื่อย ทั้งๆ ที่กินของว่างมาจากโรงเรียนแล้ว พอถึงเวลาอาหารเย็นเด็กจึงอิ่มตื้อจนกินอะไรไม่ลง แต่เด็กก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี เพราะได้รับแคลอรีจนเกินพอ คุณแม่จึงไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจนัก แต่เด็กที่อ้วนด้วยขนมแบบนี้ จะมีปัญหาทางด้านสุขภาพในภายหลังเพราะได้รับอาหารไม่ครบทุกหมวดหมู่
- อ่าน 40,508 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้